สืบเนื่องจากบ้านของพ่อแม่ผมเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ชั้นเดียว อยู่ด้วยกัน 6 คน มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางเมตร ปลูกติดกันกับบ้านน้าชาย มีเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางเมตร ซึ่งบ้านทั้งสองหลังนี้อยู่ในบริเวณเดียวกันเป็นพื้นที่ปิดสามารถเข้าออกได้เพียงทางเดียว (กว้าง 1 เมตรกว่าๆ) ตามรูปครับ มันจะดูรกหน่อยเพราะใช้ทำเป็นครัวนอกบ้าน
โดยตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมา 40 กว่าปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่ร่วมกันเลยอยู่รวมกันเหมือนเป็นบ้านเดียวกัน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อน้าชายที่อยู่บ้านติดกันได้หนีหนี้สินไปโดยไม่บอกกล่าวและได้โอนบ้านตัวเองให้กับเจ้าหนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อน้าหนีไปเจ้าหนี้ก็เข้ามาจะยึดบ้านทันที ซึ่งตรงส่วนนี้ก็ต้องยอมรับทั้งที่เสียดายมากเพราะมันก็เหมือนบ้านผมเอง แต่ตรงที่ยอมรับไม่ได้คือเจ้าหนี้รายนี้จะกั้นกำแพงด้านหลังบ้านเค้า ตามเส้นสีแดงในรูป (ประตูบ้านอยู่ด้านซ้าย)
เหลือทางออกให้บ้านพ่อกับแม่ผมแค่ความกว้างกระเบื้องแผ่นเดียวมันจะไปเข้าออกได้ยังไง หรือจะให้ไปทุบประตูทางออกใหม่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ซึ่งตรงส่วนนั้นก็เป็นห้องนอนที่มีคนอยู่ จะให้ทุบแล้วไปจัดสรรแบ่งเป็นห้องใหม่ยังไงกับพื้นที่แค่ 60 ตารางเมตร ในเบื้องต้นแม่ผมได้ไปเจรจาขอใช้พื้นที่ร่วนกันเหมือนเดิมโดยให้ค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท เพราะมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทำมาหากินด้วย แต่ก็โดนปฏิเสธ จนพ่อผมไม่มีทางออกต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ราชพัสดุสมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่เป็นผล คู่กรณียืนกรานอย่างเดียวว่าเป็นพื้นส่วนของเค้ายังไงก็ต้องกั้น และเคยมีเจ้าหน้าที่จากราชพัสดุมารังวัดไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว (ก็เคยมาวัดจริง แต่ในตอนนั้นที่รังวัดพ่อกับแม่ผมคงไม่คาดคิดว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จะวัดเกินไปทางไหนก็ได้ยังไงก็เป็นพี่น้องกันอยู่ในพื้นที่เดียวกันอยู่แล้วเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร) ตอนนี้ก็ได้แต่รอเจ้าหน้าที่ราชพัสดุจะมาดูสถานที่จริงในวันที่ 14 พ.ค.58 1000 ผมจึงขอรบกวนสอบถามผู้มีประสบการณ์หรือมีความรู้ด้านกฎหมายเพื่อเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ดังนี้ครับ
1. คู่กรณีสามารถกั้นกำแพงในพื้นที่ที่เค้าบอกว่าเป็นของเค้าแล้วเหลือทางออกให้แค่กระเบื้องแผ่นเดียวได้หรือไม่ครับ ถ้าเค้าสามารถกั้นได้ ผมจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้อีกครับ
2. ในการโอนสิทธิครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มันเหมือนเป็นการกู้ยืมนอกระบบแล้วโอนลอยไว้ก่อน มันไม่ใช่การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนที่นำที่ราชพัสดุไปค้ำประกันแล้วกู้กับสถาบันการเงิน
3. ในกรณีที่ได้บ้านไปแล้วแต่ไม่ได้มีใครมาอยู่เลยทิ้งไว้เฉยๆ หรือนำไปให้คนอื่นเช่าต่อ ทั้งที่เป็นการเช่าที่ราชพัสดุเพื่อพักอาศัย จะทำให้ถูกยกเลิกสัญญาเช่าจากราชพัสดุเพราะเหตุใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์การเช่าหรือเปล่าครับ
ขอรบกวนสอบถามผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ดินราชพัสดุครับ เรื่องจะโดนปิดทางเข้าออก
โดยตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมา 40 กว่าปี ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่ร่วมกันเลยอยู่รวมกันเหมือนเป็นบ้านเดียวกัน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อน้าชายที่อยู่บ้านติดกันได้หนีหนี้สินไปโดยไม่บอกกล่าวและได้โอนบ้านตัวเองให้กับเจ้าหนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อน้าหนีไปเจ้าหนี้ก็เข้ามาจะยึดบ้านทันที ซึ่งตรงส่วนนี้ก็ต้องยอมรับทั้งที่เสียดายมากเพราะมันก็เหมือนบ้านผมเอง แต่ตรงที่ยอมรับไม่ได้คือเจ้าหนี้รายนี้จะกั้นกำแพงด้านหลังบ้านเค้า ตามเส้นสีแดงในรูป (ประตูบ้านอยู่ด้านซ้าย)
เหลือทางออกให้บ้านพ่อกับแม่ผมแค่ความกว้างกระเบื้องแผ่นเดียวมันจะไปเข้าออกได้ยังไง หรือจะให้ไปทุบประตูทางออกใหม่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ซึ่งตรงส่วนนั้นก็เป็นห้องนอนที่มีคนอยู่ จะให้ทุบแล้วไปจัดสรรแบ่งเป็นห้องใหม่ยังไงกับพื้นที่แค่ 60 ตารางเมตร ในเบื้องต้นแม่ผมได้ไปเจรจาขอใช้พื้นที่ร่วนกันเหมือนเดิมโดยให้ค่าเช่าเดือนละ 5,000 บาท เพราะมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทำมาหากินด้วย แต่ก็โดนปฏิเสธ จนพ่อผมไม่มีทางออกต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ราชพัสดุสมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่เป็นผล คู่กรณียืนกรานอย่างเดียวว่าเป็นพื้นส่วนของเค้ายังไงก็ต้องกั้น และเคยมีเจ้าหน้าที่จากราชพัสดุมารังวัดไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว (ก็เคยมาวัดจริง แต่ในตอนนั้นที่รังวัดพ่อกับแม่ผมคงไม่คาดคิดว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จะวัดเกินไปทางไหนก็ได้ยังไงก็เป็นพี่น้องกันอยู่ในพื้นที่เดียวกันอยู่แล้วเลยไม่ได้ทักท้วงอะไร) ตอนนี้ก็ได้แต่รอเจ้าหน้าที่ราชพัสดุจะมาดูสถานที่จริงในวันที่ 14 พ.ค.58 1000 ผมจึงขอรบกวนสอบถามผู้มีประสบการณ์หรือมีความรู้ด้านกฎหมายเพื่อเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ดังนี้ครับ
1. คู่กรณีสามารถกั้นกำแพงในพื้นที่ที่เค้าบอกว่าเป็นของเค้าแล้วเหลือทางออกให้แค่กระเบื้องแผ่นเดียวได้หรือไม่ครับ ถ้าเค้าสามารถกั้นได้ ผมจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากที่ไหนได้อีกครับ
2. ในการโอนสิทธิครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มันเหมือนเป็นการกู้ยืมนอกระบบแล้วโอนลอยไว้ก่อน มันไม่ใช่การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนที่นำที่ราชพัสดุไปค้ำประกันแล้วกู้กับสถาบันการเงิน
3. ในกรณีที่ได้บ้านไปแล้วแต่ไม่ได้มีใครมาอยู่เลยทิ้งไว้เฉยๆ หรือนำไปให้คนอื่นเช่าต่อ ทั้งที่เป็นการเช่าที่ราชพัสดุเพื่อพักอาศัย จะทำให้ถูกยกเลิกสัญญาเช่าจากราชพัสดุเพราะเหตุใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์การเช่าหรือเปล่าครับ