(แชร์)สาเหตุและวิธีรักษา สิวที่เกิดจากผิวติดสเตียรอยด์

สิวสเตียรอยด์ เกิดจากอะไร รักษายังไง



หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินคำว่า ผิวติดสเตียรอยด์ อาการนี้เกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ขี้ผึ้งหรือครีม ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
เป็นเวลานานๆ ส่วนโอกาสที่จะเกิดนั้นขึ้นอยู่กับความแรงของสเตียรอยด์ และระยะเวลาที่ใช้ยา โดยปกติยาสเตียรอยด์ชนิด
ทานั้นจะถูกใช้เมื่อผิวมีอาการแพ้ หรือ มีการอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์แบบง่ายๆ ก็คือ ไปกดภูมิคุ้มกัน ครับ

สำหรับ "อาการข้างเคียงของการทาสเตียรอยด์"มีอะไรบ้างไปดูกัน

- ผิวบาง เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
- ผิวแตกลาย
- สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- เป็นจ้ำเขียว แผลเปื่อย
- เส้นเลือดขยายแบบถาวร (fixed vasodilate) >> ทำให้ผิวมีสีแดง
- สิว
- ผิวหนังฝ่อ (skin atrophy)
หากต้องการหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงเหล่านี้ สามารถทำได้โดยใช้ยาสเตียรอยด์แบบทาในความแรงที่เหมาะสมกับอาการ
และบริเวณที่ทา และควรหยุดใช้เมื่อรอยโรคหายภายใน 4-7 วันครับ

คราวนี้ เรามาเข้าเรื่อง สิวสเตียรอยด์ กัน >>>>

สิวสเตียรอยด์ ปกติจะเป็นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับยาสเตียรอยด์แบบกิน ซึ่งเกิดจากยาไปกระตุ้นต่อมไขมันใ
ห้สร้างมากเกินไปครับ โดยสิวมักจะขึ้นที่ หน้าผาก แก้ม หน้าอก แต่ในปัจจุบัน ยาสเตียรอยด์รอยด์มักจะแอบผสมอยู่ในครีมจำพวกหน้าใส
หน้าขาว เนื่องจากผลของยาสเตียรอยด์นั้นสามารถเห็นผลเร็วในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ ทำให้เป็นที่มาของ "สิวจากการที่ผิวติดสเตียรอยด์"
สาเหตุของ "สิวจากการติดสเตียรอยด์" เกิดขึ้นเมื่อหยุดทาสเตียรอยด์ทันที หลังจากใช้มาเป็นระยะเวลานานๆ อาการที่มักจะเกิดคือ มีอาการแดงของผิว ร่วมกับสิวเห่อขึ้นมา ซึ่งคาดว่าเกิดจากการที่หยุดยาทันทีไปมีผล rebound effect ให้เส้นเลือดขยายตัว(fixed vasodilate)
ส่งผลให้ผิวมีอาการแดง โดยอาจจะมีอาการผิวหนังอักเสบ และแพ้แสงร่วมด้วย และในช่วงที่ทาสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆนี่เองที่ไปส่งผลกดภูมิคุ้มกันของผิวบริเวณนั้นทำให้ เชื้อโรค Propionibacterium acnes มีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ (overgrowth) ดังนั้นเมื่อหยุดใช้ยาทันที เชื้อโรคในปริมาณมากเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการอักเสบ และเกิดสิวอักเสบขึ้นอย่างรุนแรง ในสภาวะที่ภูมิคุ้มกันกลับมากันทำงานปกติ

แนวทางการรักษาสิวที่เกิดจากผิวที่ติดสเตียรอยด์ ปกติจะใช้เวลา 2-4 เดือน (**ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพิ่มเติม**)

- ค่อยๆลด ปริมาณการทาลงเรื่อยๆ เพื่อลดความรุนแรงของอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น
- กินยาฆ่าเชื้อสิว เมื่อมีสิวอักเสบ
- รักษาสิวโดยใช้ยารักษาสิวแบบทา Benzoyl peroxide, tretinoin, Clindamycin, Adapalene
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้ามากที่สุด เนื่องจากจะไวต่ออาการแพ้มากๆ
- ทาครีมมอยเจอไรเซอร์ ในกรณีที่ผิวแดง และแห้งมากๆ (อาการแดงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นๆหายๆ)
- กินยาแก้แพ้ ในกรณีที่มีอาการคัน
- ในรายที่อาการรุนแรงมากๆ อาจจะจำเป็นต้องใช้ยา isotretinoin แบบกิน

***ฝากไลค์เพจ เพื่อติดตามข้อมูลอัพเดทเรื่อยๆด้วยครับ****
https://www.facebook.com/pharmachair?fref=



กระทู้เก่าๆ

รีวิว>>ยาป้ายปาก 3 ยี่ห้อ ที่ใช้แก้แผลร้อนใน (apthous ulcer)
http://ppantip.com/topic/33587923

(แชร์) 10 คำถามที่พบบ่อย เมื่อต้องกินยาคุม
http://ppantip.com/topic/33562717

เคล็ดลับของเป๊ป..การเลือกกินยาแก้แพ้
http://ppantip.com/topic/33553319

[CR]รีวิว: แนะนำการเลือกใช้ ยาคุมกำเนิด ในร้านขายยา
http://ppantip.com/topic/33527992

วิตามินซี ทำให้ผิวขาว จริงหรือ??
http://ppantip.com/topic/33385586

>> วิธีรักษาแผลเป็นให้ได้ผล part 1
http://ppantip.com/topic/33394096

แชร์วิธีลบรอยแผลเป็นให้ได้ผล part 2
http://ppantip.com/topic/33441070

(แชร์) วิธีการล้างสารพิษ (detox) ให้ได้ประโยชน์จริง (part 1)
http://ppantip.com/topic/33471430

[CR]รีวิว: ล้างสารพิษ ผลิตภัณฑ์ใน 7-11&ร้านยา มีอะไรช่วยได้บ้าง? (part 2)
http://ppantip.com/topic/33476870

แนะนำวิธีการเลือกใช้ benzoyl peroxide
http://ppantip.com/topic/33480520

(แชร์) กินไลโคปีน มีผลต่อผิวอย่างไร ??
http://ppantip.com/topic/33499074

รีวิว การกินกลูต้าให้ขาว กินยังไง ขาวจริงไหม ไปดูกัน
http://ppantip.com/topic/33517315
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่