[CR] แชร์ประสบการณ์ การรักษาหน้าพังสภาพเยี่ยงศพจากสเตียรอยด์ของเรา ที่ หมอปรางทิพย์คลินิก



เปิดกระทู้ด้วยภาพนี้ก่อนเลยค่ะ อย่าเพิ่งสะพรึงจนหนีกันไปก่อนนะคะ เพราะวันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การรักษาสิวที่เกิดจากการแพ้สารสเตียรอยด์จนทำให้หน้าเราพังแบบนี้ค่ะ กระทู้นี้นอกจากจะแชร์ขั้นตอนการรักษาสิวแล้วเราก็อยากเป็นกำลังใจให้คนที่แพ้สเตียรอยด์แบบเรา และก็ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชอบใช้ครีมตามกระแสแบบเราด้วยค่ะ

ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้หน้าพัง สิวเกรอะแบบนี้หรอกค่ะ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนชอบใช้เครื่องสำอางใหม่ๆ ชอบลองเปลี่ยนไปเรื่อย ครีมอะไรที่เค้าฮิตที่เป็นกระแสแล้วดูทีท่าว่าน่าจะปลอดภัย ดูไว้ใจได้เราก็ลองใช้เกือบหมดค่ะ เลยกลายเป็นว่าไม่ได้ใช้อะไรจริงจัง ไม่รู้ว่าเพราะแบบนี้ด้วยรึป่าว ที่ทำให้หน้าเราบางแล้วก็แพ้สารเคมีง่ายจนตัวสุดท้ายที่ใช้ ขอไม่บอกว่าแบรนด์ไหนนะคะ ใช้ตอนแรกนี่เห็นผลดีมาก หน้าเนียน ขาวผ่องศรีมากๆ แต่พอหมดกระปุกหยุดใช้ปุ๊บมาเลยค่ะ ทั้งลอกทั้งสิวอย่างที่เห็นค่ะ


ณ ตอนนั้นเครียดมากค่ะ ไม่กล้าใช้อะไรอีกแล้ว ช่วงนั้นเลยพอกแต่ว่านหางจระเข้อย่างเดียวเลย กะว่ามันคงช่วยล้างพิษลดผิวอักเสบได้ แต่เอาเข้าจริงๆมันช่วยได้น้อยมาก เราเลยต้องหาวิธีอื่นที่ได้ผลชัวร์ๆค่ะ ลองหาทั้งในเน็ท ทั้งถามเพื่อนๆ คนรู้จัก ก็ได้คำแนะนำตรงกันว่าให้ไปรักษาที่คลินิกเลยจะปลอดภัยแล้วก็หายชัวร์กว่า เค้าก็แนะนำคลินิกกันมาหลายที่ค่ะ ที่แรกที่เราตัดสินใจไปรักษาคือ คลินิกผิวหนังวังแก้ว ใกล้ๆโลตัสบางปะกอกค่ะ เพราะเห็นหลายคนแนะนำมาบอกว่าดี ที่นี่ค่อนข้างไกลบ้าน ไกลที่ทำงานเราเลย แต่เราก็ไปค่ะ ลองดู ไปถึงวันแรกอึ้งสุดๆ เพราะคนเยอะมาก เราไปถึงช่วงเย็นๆคือคิวเต็มแล้วค่ะ กลับบ้าน...

อีกวันนึงเราเลยไปตั้งแต่คลินิกเปิดเลย ก็รักษาได้ซักพัก พูดง่ายๆคือใช้ยาแค่เซ็ตเดียวค่ะ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปอีกเลย ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ น่าจะดีเลยแหละ คนอื่นก็หายกันเยอะ แต่ของเราไม่สะดวกจริงๆ เพราะจะไปทีนึงเราต้องเผื่อเวลาเยอะมาก ไกลเราด้วย เลยตัดสินใจหาคลินิกใหม่ค่ะ สุดท้ายเลยมารักษาที่หมอปรางทิพย์คลินิก  เพราะลองไปคุยกับหมอแล้วรู้สึกถูกชะตา คือเค้าดูละเอียดแล้วก็ใจเย็นดีค่ะ อีกอย่างคือใกล้บ้านเราด้วย อยู่ตรงใกล้ๆแยกเหม่งจ๋ายค่ะ  เราตั้งใจจะรักษาแบบที่เดียวให้หายไปเลย ที่นี่ก็น่าจะสะดวกที่สุด เพราะถ้าไปที่อื่นไกลๆถึงจะรักษาดีกว่านี้แต่เราอาจจะไม่ได้ไปสม่ำเสมอแล้วก็คงไม่เห็นผลแน่ๆค่ะ

ต่อไปนี้เราจะเล่าขั้นตอนที่เราไปรักษาตั้งแต่ต้นจนปัจจุบันนะคะ

คอร์สรักษาสิวที่เราทำจะเริ่มจากการ กดสิวอุดตัน แล้วก็ ฉีดสิวอักเสบ ก่อนเลยค่ะ เราไม่เคยรักษาสิวมาก่อน วันนั้นไปนอนให้หมอกดหน้าอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง เจ็บนิดๆ เพลินๆดีค่ะ ฮ่าๆๆ เสร็จแล้วเป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วยน้ำยา miami peel ค่ะ ขั้นตอนนี้จะรู้สึกแสบๆอยู่ประมาณนาที 2 นาทีก็หายค่ะ

หลังจากผลัดเซลล์ผิวแล้วคุณหมอก็พอกผิวหน้าเราด้วยเจลว่านหางจระเข้ ขั้นตอนนี้สบายหน้ามากเลย เหมือนมันลดการระคายเคืองหลังจากผลัดเซลล์ผิวแล้วก็บำรุงผิวด้วยค่ะ เสร็จขั้นตอนนี้ก็หมดละสำหรับการรักษาวันแรก ก่อนกลับบ้านคุณหมอจ่ายยามาตามนี้ค่ะ


ยาทา
1.2.5% B.P Gel ตัวนี้ใช้ทาก่อนล้างหน้าค่ะ ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วก็ล้างออก ช่วยละลายหัวสิวอุดตันค่ะ



2.Vitara Gel เป็นยาทาฆ่าเชื้อหัวสิวค่ะ ใช้ทาหลังล้างหน้านะคะ



3. 2% Melloderm ช่วยลดรอยดำๆจากสิวค่ะ ตัวนี้ใช้ทาเฉพาะกลางคืนเลย



ยากิน

1.Amoxy 500 mg. เป็นยาฆ่าเชื้อสิวค่ะ กินครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น



2.Acnotin 10 mg. เป็นยาที่ช่วยลดความมันค่ะ กินวันละ 1 เม็ด คุณหมอย้ำไว้ว่า ระหว่างที่กินยาตัวนี้อยู่ห้ามตั้งครรภ์เด็ดขาด -0-


หลังจากที่เราไปรักษามา 1 ครั้ง แล้วก็ทายา กินยาตามที่คุณหมอสั่งมา รู้สึกว่าพวกสิวอักเสบมันลดลง หน้าเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังเหลือต้องไปกดสิวอีก เพราะสิวอุดตัวเราขึ้นเยอะมากๆหลังจากที่เราหยุดใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยด์



หลังจากไปกดสิวรอบที่ 2 คุณหมอก็แนะนำให้ laser พวกรอยสิวที่เหลืออยู่ค่ะ เราก็เอาหมดค่ะตอนนั้น อยากหายมากๆ จะทำ 2 สัปดาห์/ครั้ง ตอนทำไม่เจ็บนะ จริงๆเราไม่เคย laser มาก่อน เลยมโนไว้ว่ามันจะน่าเจ็บจี๊ดๆอะไรแบบนี้ แต่ถึงเวลาจริงๆคุณหมอเค้ามีเจลเย็นๆทาที่หน้าให้ก่อนค่ะ ทำให้สบายหน้าไม่เจ็บเลย หลังจากทำ laser ไปได้ 3 ครั้ง เริ่มเห็นชัดแล้วว่ารอยดำ รอยแดงที่เราไปแกะไปเกาสิวมันจางลงไปเยอะมาก



สรุปง่ายๆคือเรารักษาสิวติดต่อกัน 10 สัปดาห์ laser 5 ครั้ง 2 สัปดาห์/ครั้ง ผลที่สังเกตได้ ณ ตอนนั้นคือ สิวกับพวกรอยดำๆแดงๆจากสิวลดลงไปเยอะมากค่ะ ตีซะประมาณ 70% ได้เลย

ตอนแรกเราก็มีกลัวๆนะคะเรื่องทำ laser ในความคิดเราคือเอาอะไรมายิงบนหน้าเราอ่ะ แต่ปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอก็แนะนำว่า การทำ laser แบบนี้ไม่ทำให้ผิวบางค่ะ เพราะไม่ใช่ laser ที่เค้าใช้ลอกผิวกัน แต่ก็ต้องระวังเวลาอยู่กลางแจ้งว่าต้องทาครีมกันแดดตลอด อย่างต่ำคือ SPF 35 ขึ้นไป ทาทุกวันให้เป็นกิจวัตรเลยค่ะ คุณหมอแนะนำเพิ่มเติมว่าผลการรักษาสิวเนี่ย ขึ้นอยู่กับตัวยาและการทำหัตถการหรือ laser แค่ 50% นอกนั้นขึ้นอยู่กับการขยันทายาของเรา แล้วก็ต้องมาพบแพทย์ตามนัดอย่าให้ขาดค่ะ อันนี้ขีดเส้นใต้เอาไว้เลยนะ เพราะเราผ่านมาด้วยวิธีนี้จริงๆ ถ้าเราไม่มีวินัยการรักษาก็จะไม่ต่อเนื่องแล้วก็ไม่เห็นผลค่ะ

นี่คือหน้าปัจจุบันของเราแล้วค่ะ พวกสิวพังๆ รอยดำๆแดงๆ ความเยินทั้งหลายหายไปหมดแล้ว หลังจากที่อดทนรักษามานานร่วม 3 เดือน ในที่สุดเราก็กู้หน้าเดิมกลับมาได้ซักที เกินที่คาดไว้มากๆค่ะ คราวนี้เราบอกตัวเองเลยค่ะ ว่าจะไม่ใช้ครีมอะไรมั่วๆเหมือนเดิมอีกแล้ว แหะๆ เพราะหน้าพังมาทีนึงนี่มันไม่คุ้มเลย ไหนจะค่ารักษา ไหนจะเสียเวลา เสียความมั่นใจอีก จำไปจนตายเลยค่ะ

อ่อ หลังจากจบคอร์สจนหน้าเราดีขึ้น สิวหายแล้วคุณหมอก็แนะนำให้ลดของหวานแล้วก็พวกอาหารที่มาจากนมลงค่ะ เพราะอาหารประเภทนี้จะเร่งการเกิดน้ำมันใต้ผิวหนังแล้วก็ทำให้เป็นสิวค่ะ เพราะถึงตอนนี้ผิวจะดีขึ้นแล้วแต่สิวมันก็ยังสามารถขึ้นมาใหม่ได้อีกถ้าเราไม่ดูแลตัวเองค่ะ แต่ก็มีเคสที่เราควบคุมได้ยากคือช่วงก่อนมีรอบเดือน หรือ ความเครียด แต่ก็จะไม่โหดร้ายเท่าช่วงที่ผิวเราแพ้สเตียรอยด์ ถ้าสิวขึ้นมาใหม่ก็ใช้ยาทาไปเรื่อยๆก็ได้ค่ะ แต่ถ้าสิวอักเสบเยอะจริงๆก็ให้มาหาหมออีก เป็นครั้งๆไปก็พอ

ก็หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่มีปัญหาสิวแบบเรานะคะ แล้วก็อยากให้เป็นข้อเตือนใจเลยว่า จะเลือกใช้ครีมอะไรแต่ละครั้ง ให้ดูอย่างละเอียดเลย เพราะบางตัวเราเห็นว่าคนใช้เยอะ น่าเชื่อถือ แต่ก็ยังมีสารอันตรายได้ขนาดนี้ ยังไงก็ดูแลผิวหน้ากันให้ดีๆเลยค่ะ จะได้ไม่พังเหมือนเราก่อนหน้านี้

สำหรับกระทู้นี้ก็จบแล้วนะคะ ใครมีคำถามเพิ่มเติมก็ถามมาได้เลยนะคะ ยินดีแชร์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆมากค่ะ สวัสดีค่ะ (^o^)
ชื่อสินค้า:   หมอปรางทิพย์คลินิก
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่