สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนรักมือหมุนที่เคารพทุกๆท่านครับ
เนื่องจากผมเป็นคาทอลิก กระทู้นี้จึงขอแนะนำเบื้องหลังบางส่วนของความเป็นคาทอลิกให้ท่านๆได้รับทราบกันสักนิดนะครับ
ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกจะมีข้อแตกต่างจากนิกายโปรแตสแตนท์ที่เห็นได้ชัดเจนอยู่ประการหนึ่ง
คือคาทอลิกจะนับถือแม่พระหรือที่รู้จักกันว่า
"พระนางมารี" ซึ่งเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า
ส่วนโปรแตสแตนท์จะไม่ให้ความสำคัญกับแม่พระครับ นี่ชัดเจนมาก
คาทอลิกจะมีโครงสร้างการปกครองที่ชัดเจนกว่าโปรแตสแตนท์ ซึ่งก็คือมีพระสันตะปาปาเป็นองค์ประมุขสูงสุด
และถือกันว่าพระสันตะปาปานั้นสืบทอดตำแหน่งมาจากพระเยซูเจ้าโดยตรง
พระสันตะปาปาองค์แรกเมื่อสองพันปีก่อนก็คือนักบุญเปโตร หรือเซนต์ปีเตอร์
( St.PETER ) นั่นแหละครับ
ซึ่งนักบุญเปโตรก็คือสานุศิษย์ของพระเยซูนั่นเอง ท่านเป็นชาวประมงนะครับ
................
................
ส่วนนิกายโปรแตสแตนท์จะปกครองโดยคริสตจักรที่เป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นตรงต่อกันมากนัก
ในเมืองไทยจะมีอยู่สองนิกายนี้แหละครับ คือคาทอลิกกับโปรแตสแตนท์
ส่วนนิกายอื่นๆก็มีให้เห็นบ้างแต่ไม่มากนัก
ศูนย์กลางของคาทอลิกอยู่ที่
นครรัฐวาติกัน กรุงโรม อิตาลีครับ
ส่วนสถานเอกอัคราชทูติวาติกันประจำประเทศไทยนั้นอยู่ที่ถนนสาธรใต้ ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
ประเทศที่มีชาวคาทอลิกอาศัยอยู่ก็จะมีการปกครองกันเองในแต่ละประเทศ โดยแบ่งเป็นสังฆมณฑลหรือที่เรียกว่าเขตการปกครองนั่นเอง
โดยประเทศไทยมีอยู่ทั้งสิ้น 10 สังฑมณฑล โดยแต่ละสังฆมณฑลก็จะมีผู้ปกครองสูงสุด
ซึ่งก็คือตำแหน่ง
“พระสังฆราช” ที่จะได้รับการแต่งตั้งจากวาติกันโดยตรง
แต่มิได้หมายความว่าวาติกันจะแต่งตั้งเองตามอำเภอใจนะครับ
แต่จะมีคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งในทางลับทำการคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนและเสนอชื่อขึ้นไป
โดยส่วนใหญ่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่พระสังฆราชนั้นจะเป็นคนที่เก่ง และรอบรู้ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
ที่สำคัญคือต้องเป็นนักบริหารและนักปกครองที่ดีด้วยครับ เพราะภารกิจในสังฆมณฑลนั้นมีมากมาย
ทั้งบริหารวัด โรงเรียน โรงพยาบาล และงานด้านสังคมต่างๆอีกมากมาย
แต่ปัจจุบันเราคาทอลิกใช้คำว่า
“มุขนายก” เป็นคำเรียกอย่างเป็นทางการแทนคำว่า
“พระสัฆราช” นะครับ
เพราะทางศาสนาพุทธเรียกร้องให้เปลี่ยน
เนื่องจากเห็นว่าคำว่าพระสังฆราชนั้นใช้กับตำแหน่งทางศาสนาพุทธเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
แต่คาทอลิกก็ยังคงเรียกผู้นำทางศาสนาของพวกเขาว่า
“พระสังฆราช” ซึ่งมันเป็นเรื่องของความเคยชินครับ
ภารกิจหลักๆของคาทอลิกนอกเหนือจากการดูแลด้านความเชื่อและชีวิตฝ่ายจิตแล้ว
สิ่งสำคัญที่คาทอลิกให้ความสนใจและเอาใจใส่มาโดยตลอดก็คือ งานด้านสังคม
เพราะคำสอนของคาทอลิกนั้นมีความชัดเจนอยู่ในตัวของมันเอง
คือ
“ความรัก” ไม่ต้องไปสนใจอะไรให้วุ่นวายครับ รักอย่างเดียว รักคนรอบข้าง รักเพื่อนพี่น้อง
บางครั้งยังสอนให้รักศัตรูเลยครับ ซึ่งมันยากมากๆทีเดียว และด้วยหลัก
“ความรัก” นี่เองที่ทำให้เกิดงานด้านสังคมขึ้นมามากมาย
...............
...............
เคยมีผู้รวบรวมข้อมูลเอาไว้ว่าองค์กรด้านสังคมที่มีอยู่ทั่วโลกนั้น เป็นองค์กรหรือหน่วยงานของคาทอลิกมากกว่าครึ่งเชียวนะครับ
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบความจริงข้อนี้มากนัก เพราะคาทอลิกมักจะทำงานแบบโลว์ โปรไฟล์
เพราะไม่ต้องการเป็นข่าวมากนัก โดยเฉพาะในประเทศที่มิได้เป็นประเทศคาทอลิก
เรามีองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในระดับโลกหลายแขนง โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั่วโลก
ทั้งในระดับสหประชาชาติ ระดับรัฐฯ ลงไปถึงระดับท้องถิ่น
ในประเด็นการค้ามนุษย์ สิทธิสตรี สิทธิเด็ก สิทธิของผู้ใช้แรงงานและผู้ลี้ภัย สิทธิของผู้ติดเชื้อ ฯลฯ
รวมถึงภารกิจการส่งเสริมให้เกิดความยุติธรรมและสันติภาพบนโลกใบนี้ สาธยายทั้งวันก็ไม่จบครับ
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของการรณรงค์ในระดับนโยบาย
แต่คนส่วนมากมักจะทราบเพียงงานด้านสังคมสงเคราะห์เท่านั้น เช่นสงเคราะห์คนแก่ เด็ก เป็นต้น
...............
...............
นอกจากนั้นก็มีงานด้านการศึกษา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่คนไทยโดยทั่วไปรู้จักกันดีครับ
โรงเรียนชื่อดังส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนของคาทอลิก ที่ลูกหลานนักการเมืองชอบไปเรียนกันทั้งนั้น
เคยเห็นไหมครับว่าลูกนักการเมืองเรียน
เตรียมอุดม สาธิตจุฬา สวนกุหลาบ น้อยมากครับ
แต่จะหนักไปทาง
เซนต์คาเบรียล เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ มาแตร์เดอี อัสสัมชัญ เป็นอาทิ
ซึ่งคาทอลิกเองก็ถูกโจมตีในเรื่องนี้มากทีเดียวครับ ว่าคนจนไม่มีสิทธิ์เรียนในโรงเรียนคาทอลิกพวกนี้อีกแล้ว
ก็ว่ากันไปครับ มุมมองใครก็มุมมองมัน ผมก็นั่งมอง นั่งเขียนวิพากษ์อยู่ห่างๆแค่นั้นเอง
กระทู้นี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมันจะยาวเกิน!!!
……………
……………
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีโอกาสทำตัวเป็นไกด์ครับ
เพราะมีพระสังฆราช
Sebastian Francis และพระสงฆ์จากสังฆมณฑลปีนัง ประเทศมาเลเซียสามสิบองค์มาเหยียบถิ่น
บังเอิญว่าพระสงฆ์องค์หนึ่งในทริปนั้นเป็นเพื่อนสมัยร่วมงานกิจกรรมนักศึกษาระดับภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ด้วยกันเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
และเขาได้ขอร้องให้จัดทริปให้หนึ่งวัน ที่
”สามพราน”
วัดนับุญเปโตร ฟาร์มจระเข้สามพราน ร้านอาหารแพพิณทองริมน้ำท่าจีน และอารามชีลับ เป็นเป้าหมายของพวกเราครับ
พระสงค์จากมาเลเซียกลุ่มนี้มีหลายคนที่ทำงานด้านสังคมนะครับ
แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในที่นี้ ชมภาพบรรยากาศกันเพลินๆก็แล้วกันครับ
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงถ้วนหน้าครับ
สวัสดี!!!
Some part of THE CATHOLIC!!!
สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนรักมือหมุนที่เคารพทุกๆท่านครับ
เนื่องจากผมเป็นคาทอลิก กระทู้นี้จึงขอแนะนำเบื้องหลังบางส่วนของความเป็นคาทอลิกให้ท่านๆได้รับทราบกันสักนิดนะครับ
ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกจะมีข้อแตกต่างจากนิกายโปรแตสแตนท์ที่เห็นได้ชัดเจนอยู่ประการหนึ่ง
คือคาทอลิกจะนับถือแม่พระหรือที่รู้จักกันว่า "พระนางมารี" ซึ่งเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า
ส่วนโปรแตสแตนท์จะไม่ให้ความสำคัญกับแม่พระครับ นี่ชัดเจนมาก
คาทอลิกจะมีโครงสร้างการปกครองที่ชัดเจนกว่าโปรแตสแตนท์ ซึ่งก็คือมีพระสันตะปาปาเป็นองค์ประมุขสูงสุด
และถือกันว่าพระสันตะปาปานั้นสืบทอดตำแหน่งมาจากพระเยซูเจ้าโดยตรง
พระสันตะปาปาองค์แรกเมื่อสองพันปีก่อนก็คือนักบุญเปโตร หรือเซนต์ปีเตอร์ ( St.PETER ) นั่นแหละครับ
ซึ่งนักบุญเปโตรก็คือสานุศิษย์ของพระเยซูนั่นเอง ท่านเป็นชาวประมงนะครับ
................
................
ส่วนนิกายโปรแตสแตนท์จะปกครองโดยคริสตจักรที่เป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นตรงต่อกันมากนัก
ในเมืองไทยจะมีอยู่สองนิกายนี้แหละครับ คือคาทอลิกกับโปรแตสแตนท์
ส่วนนิกายอื่นๆก็มีให้เห็นบ้างแต่ไม่มากนัก
ศูนย์กลางของคาทอลิกอยู่ที่ นครรัฐวาติกัน กรุงโรม อิตาลีครับ
ส่วนสถานเอกอัคราชทูติวาติกันประจำประเทศไทยนั้นอยู่ที่ถนนสาธรใต้ ติดกับโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
ประเทศที่มีชาวคาทอลิกอาศัยอยู่ก็จะมีการปกครองกันเองในแต่ละประเทศ โดยแบ่งเป็นสังฆมณฑลหรือที่เรียกว่าเขตการปกครองนั่นเอง
โดยประเทศไทยมีอยู่ทั้งสิ้น 10 สังฑมณฑล โดยแต่ละสังฆมณฑลก็จะมีผู้ปกครองสูงสุด
ซึ่งก็คือตำแหน่ง “พระสังฆราช” ที่จะได้รับการแต่งตั้งจากวาติกันโดยตรง
แต่มิได้หมายความว่าวาติกันจะแต่งตั้งเองตามอำเภอใจนะครับ
แต่จะมีคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งในทางลับทำการคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนและเสนอชื่อขึ้นไป
โดยส่วนใหญ่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่พระสังฆราชนั้นจะเป็นคนที่เก่ง และรอบรู้ ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย
ที่สำคัญคือต้องเป็นนักบริหารและนักปกครองที่ดีด้วยครับ เพราะภารกิจในสังฆมณฑลนั้นมีมากมาย
ทั้งบริหารวัด โรงเรียน โรงพยาบาล และงานด้านสังคมต่างๆอีกมากมาย
แต่ปัจจุบันเราคาทอลิกใช้คำว่า “มุขนายก” เป็นคำเรียกอย่างเป็นทางการแทนคำว่า “พระสัฆราช” นะครับ
เพราะทางศาสนาพุทธเรียกร้องให้เปลี่ยน
เนื่องจากเห็นว่าคำว่าพระสังฆราชนั้นใช้กับตำแหน่งทางศาสนาพุทธเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ
แต่คาทอลิกก็ยังคงเรียกผู้นำทางศาสนาของพวกเขาว่า “พระสังฆราช” ซึ่งมันเป็นเรื่องของความเคยชินครับ
ภารกิจหลักๆของคาทอลิกนอกเหนือจากการดูแลด้านความเชื่อและชีวิตฝ่ายจิตแล้ว
สิ่งสำคัญที่คาทอลิกให้ความสนใจและเอาใจใส่มาโดยตลอดก็คือ งานด้านสังคม
เพราะคำสอนของคาทอลิกนั้นมีความชัดเจนอยู่ในตัวของมันเอง
คือ “ความรัก” ไม่ต้องไปสนใจอะไรให้วุ่นวายครับ รักอย่างเดียว รักคนรอบข้าง รักเพื่อนพี่น้อง
บางครั้งยังสอนให้รักศัตรูเลยครับ ซึ่งมันยากมากๆทีเดียว และด้วยหลัก “ความรัก” นี่เองที่ทำให้เกิดงานด้านสังคมขึ้นมามากมาย
...............
...............
เคยมีผู้รวบรวมข้อมูลเอาไว้ว่าองค์กรด้านสังคมที่มีอยู่ทั่วโลกนั้น เป็นองค์กรหรือหน่วยงานของคาทอลิกมากกว่าครึ่งเชียวนะครับ
แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบความจริงข้อนี้มากนัก เพราะคาทอลิกมักจะทำงานแบบโลว์ โปรไฟล์
เพราะไม่ต้องการเป็นข่าวมากนัก โดยเฉพาะในประเทศที่มิได้เป็นประเทศคาทอลิก
เรามีองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในระดับโลกหลายแขนง โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆทั่วโลก
ทั้งในระดับสหประชาชาติ ระดับรัฐฯ ลงไปถึงระดับท้องถิ่น
ในประเด็นการค้ามนุษย์ สิทธิสตรี สิทธิเด็ก สิทธิของผู้ใช้แรงงานและผู้ลี้ภัย สิทธิของผู้ติดเชื้อ ฯลฯ
รวมถึงภารกิจการส่งเสริมให้เกิดความยุติธรรมและสันติภาพบนโลกใบนี้ สาธยายทั้งวันก็ไม่จบครับ
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของการรณรงค์ในระดับนโยบาย
แต่คนส่วนมากมักจะทราบเพียงงานด้านสังคมสงเคราะห์เท่านั้น เช่นสงเคราะห์คนแก่ เด็ก เป็นต้น
...............
...............
นอกจากนั้นก็มีงานด้านการศึกษา ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่คนไทยโดยทั่วไปรู้จักกันดีครับ
โรงเรียนชื่อดังส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนของคาทอลิก ที่ลูกหลานนักการเมืองชอบไปเรียนกันทั้งนั้น
เคยเห็นไหมครับว่าลูกนักการเมืองเรียน เตรียมอุดม สาธิตจุฬา สวนกุหลาบ น้อยมากครับ
แต่จะหนักไปทาง เซนต์คาเบรียล เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ มาแตร์เดอี อัสสัมชัญ เป็นอาทิ
ซึ่งคาทอลิกเองก็ถูกโจมตีในเรื่องนี้มากทีเดียวครับ ว่าคนจนไม่มีสิทธิ์เรียนในโรงเรียนคาทอลิกพวกนี้อีกแล้ว
ก็ว่ากันไปครับ มุมมองใครก็มุมมองมัน ผมก็นั่งมอง นั่งเขียนวิพากษ์อยู่ห่างๆแค่นั้นเอง
กระทู้นี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมันจะยาวเกิน!!!
……………
……………
ไม่กี่วันที่ผ่านมามีโอกาสทำตัวเป็นไกด์ครับ
เพราะมีพระสังฆราช Sebastian Francis และพระสงฆ์จากสังฆมณฑลปีนัง ประเทศมาเลเซียสามสิบองค์มาเหยียบถิ่น
บังเอิญว่าพระสงฆ์องค์หนึ่งในทริปนั้นเป็นเพื่อนสมัยร่วมงานกิจกรรมนักศึกษาระดับภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ด้วยกันเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
และเขาได้ขอร้องให้จัดทริปให้หนึ่งวัน ที่ ”สามพราน”
วัดนับุญเปโตร ฟาร์มจระเข้สามพราน ร้านอาหารแพพิณทองริมน้ำท่าจีน และอารามชีลับ เป็นเป้าหมายของพวกเราครับ
พระสงค์จากมาเลเซียกลุ่มนี้มีหลายคนที่ทำงานด้านสังคมนะครับ
แต่ไม่ขอลงรายละเอียดในที่นี้ ชมภาพบรรยากาศกันเพลินๆก็แล้วกันครับ
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงถ้วนหน้าครับ
สวัสดี!!!