กราบสวัสดีทุกท่านครับ เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่อนเร่ในประเทศรัสเซียมาครับ ซึ่งเป็นช่วงค่าเงินกำลังลงพอดี ทั้งประเทศเหมือนติดป้าย Sale 40% เรียกว่าฟินมากๆ เลยขอมาแชร์ประสบการณ์ และวิธีการเอาตัวรอดเล็กๆในประเทศที่ "แข็งนอกนุ่มใน" แห่งนี้ครับ
**ค่าเงินตอนผมไป 0.58 THB = 1 RUB**
ก่อนเริ่มขอท้าวความที่มาของทริปนี้สักนิดนึง ย้อนไปช่วงปีใหม่มีเพื่อนคนนึงทักมาพร้อมส่งลิ้งตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-มอสโควมาให้ในราคาไม่ถึงสองหมื่น เดินทางวันที่ 11-19 เมษา ช่วงหยุดสงกรานต์พอดี เจอแบบนี้รู้ตัวอีกทีก็โดนตัดบัตรเครดิตไปละครับ ทริปนี้จึงได้บังเกิดขึ้นโดยมีผู้มาร่วมติดสอยห้อยตามตากแดดตากฝนตากหิมะด้วยกันรวมแล้ว 5 ชีวิตครับ โดยจะใช้เวลา 5 วันที่ St. Petersburg และ อีกวันครึ่งใน Moscow ครับ (เดินทางวันครึ่ง) รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งทริปประมาณ 35,000 บาทครับ
Day 1 : Bangkok-Novosibrisk-Moscow-St.Petersburg
แผนการที่วางไว้ เราจะนั่งเครื่อง S7 ไซบีเรียนแอร์ไลน์ จากสุวรรณภูมิ ไป Novosibrisk (OVB) ประเทศรัสเซีย และต่อเครื่องไป Moscow (DME) และต่อ Night Train ยาวไป St. Petersburg ครับ อาจจะดูถึกสักนิดนึง แต่ถือเราว่าเราได้พักผ่อนมาบนเครื่องด้วย เพราะเวลารวมๆที่บิน+ต่อเครื่องก็ปาไปเกือบ 14 ชั่วโมงครับ
เริ่มทริปที่สุวรรณภูมิเรา 5 คนนัดเจอที่เคาเตอร์ Check-in ของ S7 จะอยู่ขุดขอบด้านขวาเลยครับ ตอนแรกมองดูคนโล่งๆ แต่เอาเข้าจริงใช้เวลานานมากทั้งๆที่แค่ Luggage Drop (อาจจะเพราะคนที่ทำเป็นคนของสนามบินครับ แต่คนที่ Check-in เป็นรัสเซียเลยสื่อสารกันได้ช้า) ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง เราออกตม.แบบผ่านเครื่องโดยใช้สแกนพาสปอต สแกนนิ้ว และถ่ายรูป เดินทางถึง Gate ครับ บินรอบแรกต้องอยู่บนเครื่องบิน7 ชั่วโมง 25 นาที และไปต่อเครื่องที่ Novosibrisk (OVB) ซึ่งพนักงานบอกว่าต้องรับกระเป๋าและ Check-in ใหม่ที่นั่น
จะเห็นว่าใน Gate จะมีแต่คนรัสเซียเป็นส่วนใหญ่
บนเครื่อง Air ชาวรัสเซียตัวใหญ่มากครับ สูงหัวเกือบชนเพดานเครื่องบิน จะพูดอังกฤษได้บางคน และจะหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้ม สังเกตคนรัสเซียที่ขึ้นมาด้วยพบว่าเค้าจะขยับทำนู่นนี่ตลอดเวลา เช่น เปิดปิดเอาของเรื่อยๆ เด็กรัสเซียจะวิ่งเล่นตลอกแนวทางเดิน บางช่วงถึงกับนั่งเอาเกมจิ๊กซอว์มาเล่นเลยครับ ช่วงแรกเครื่องบินจะร้อนมากกก คนรัสเซียบางคนถึงกับถอดเสื้อ (ผช.นะครับ 555+)
นั่งไปสักพักก็มีอาหารมาเสิร์ฟครับ จะให้มา 2 กล่อง กล่องข้าวกับกล่องของหวานเป็นลาย S7 สวยงาม แอร์ที่ไม่พูดอังกฤษจะถามง่ายๆว่า Fish or Chicken ครับ ผมเลือกอย่างหลังได้ไก่ผัดซอสมะเขือเทศ ในอีกกล่องจะมีขนมปัง 2 แผ่น แฮม 2 แผ่น ชีส 2 แผ่น ไส้กรอกสไลด์ 1 แผ่น และผักสำหรับประกบทำแซนวิท ของหวานมีเค้กกล้วยหอม เรียกว่าให้มาเต็มอิ่มเลยทีเดียว
วิวข้างทางไม่เห็นอะไรในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกครับ จากนั้นจะเริ่มมีวิวทะเลทรายให้เห็น เดาว่าเป็บแถบมองโกเลีย ต่อมาค่อยๆเปลี่ยนเป็นภูเขาหิมะ ทะเลสาบ และเมื่อใกล้ถึง Novosibrisk จะเป็นที่ราบสูงแซมหิมะ เมือง Novosibrisk ดูเป็นเมืองอุตสาหกรรมโทนสีเทาน้ำตาล มีบ้านติดๆกันแออัด มีตึกบ้างนิดหน่อย โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงขุดทรายกระจายไปทั่วเมือง มีทะเลสาบบางช่วงยังจับแข็งอยู่เดาว่าน่าจะหนาวกว่าแถบ Moscow ครับ
ภาพแรกในประเทศรัสเซียครับ ได้มาเหยียบจริงๆซะที
เครื่องบินลงตรงเวลาที่ 17.35 ครับ พวกเราต้องรีบรับกระเป๋า ผ่านตม. และเดินข้ามไปตึก Domestic เพื่อ Check-in ใหม่ เนื่องจากมีเวลาแค่ 1.5 ชั่วโมง ค่อนข้างหวาดเสียวจะตกเครื่อง แต่เหมือตม.ก็รู้เค้าก็รีบๆทำให้ (ดูออกว่าพยายามช่วยเต็มที่ แต่เจ๊แกหน้าก็ยังบึ้งอยู่ดี) สุดท้ายก็มา Check-in แทบจะตรงเวลาปิดรับกระเป๋า ได้ขึ้นเครื่องตอน 19.00 ซึ่งก่อนเวลาเครื่อง Take off 15 นาทีเท่านั้น จะบอกว่าในวันนั้นคนรัสเซียจะเห็นภาพคนไทยวิ่งมาราธอนข้าม Terminal กันนับสิบคนครับ 555+
ถ้าถ่ายติดท่านใดก็ขออภัยด้วยครับ ขอยืนยันว่าวันนั้นเราก็หอบแฮ่กๆไม่ต่างกัน 555+
เครื่องรอบนี้เป็นเครื่องเล็กบินในประเทศจะถึง Moscow 20.40 ใช้เวลาบินประมาณ 4.5 ชม. ส่วนใหญ่จะหลับเพราะเวลาไทยมันดึกมากแล้ว (Novosibrisk จะช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงครับ ส่วน Moscow/St.Peter จะช้ากว่าไทย 4 ช.ม.) มีอาหารให้บนเครื่อง เป็นปลาผัดมักกะโรนี ขนมเป็นพวกขนมปัง ชีส ขนมหวานเคลือบช๊อคโกแลต ไฟล์ทนี้คนโหลงเหลงไม่เต็มเครื่องครับ จะเป็นคนไทยส่วนมาก
พวกเราถึงสนามบินตามเวลา 21.50 รับกระเป๋าและเดินออกได้เลยเนื่องจากผ่านตม.มาแล้วที่ OVB ใช้เวลาออกมารวมๆ 30 นาที เราจะนั่งรถไฟด่วนเข้าไปสถานี Metro กันครับ เดินตามป้าย AeroExpress เพื่อไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง น้องในทีมจองออนไลน์และปริ้นตั๋วมาให้เรียบร้อย (คนละ 450 Rub) แค่สแกนบาร์โค้ดก็เข้าได้เลย รถไฟโล่งๆครับ อาจจะเพราะเป็นรอบดึก มี Wifi ให้บนรถด้วยแต่ไม่ค่อยแรงครับ มาๆหายๆ
สนามบินโดโมเดโดโว (Domodedovo Airport) ถ้านั่งสายการบิน Aeroflot เข้าใจว่าจะลงอีกที่นึงแต่มี AeroExpress วิ่งเหมือนกันครับ
วิ่งๆๆๆ วิ่งเข้าไป
สภาพ AeroExpress ครับ คล้ายๆ Airport Link บ้านเราเลย
นั่งรถไฟประมาณ 50 นาทีก็มาถึงสถานี Metro Paveletskaya (Павелецкая) เดินตามป้ายตัว M เพื่อลงไป Metro ได้เลยที่นี่เราต้องซื้อตั๋วเพื่อนั่งไปสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) เป็นสถานีที่เชื่อมกับสถานีรถไฟ Leningrad (Ленингра́дский вокза́л) ซึ่งเราจะนั่ง Night Train ข้ามเมืองครับ มีที่ขายตั๋ว 2 แบบ คือเป็นตู้กด และช่องขายตั๋ว (ตู้กดบางตู้ไม่มีภาษาอังกฤษนะครับ) ผมเลือกซื้อที่ช่องขายตั๋วก่อน กะว่าจะซื้อที่เดียว 5 ใบสำหรับ 5 คนเลย แต่คนขายเค้าฟังอังกฤษไม่รู้เรื่อง เลยต้องใช้ภาษามือบอกเอาว่าจะเอากี่ใบ ตั๋วเป็นบัตรกระดาษราคารอบละ 50 Rub จะไปสถานีไหนก็ได้ครับ สแกนเข้าแล้วก็โยนบัตรทิ้งได้เลย
Metro อลังการสมคำล่ำรือครับ ทั้งพื้น เพดาน เสา ตกแต่งมาเต็มมาก แต่ไม่มีเวลาดูเท่าไหร่ครับ เพราะพวกเราต้องรีบไปขึ้นรถไฟให้ทันรอบ 23.50 ซึ่งลง Metro มาก็สี่ทุ่มกว่าแล้วครับ นั่งต่อไปทางสายสีน้ำตาล 1 สถานีก็ถึง Komsomolskaya (Комсомо́льская) ทางเดินข้างในยาวมากต้องเดินพักใหญ่ๆจึงจะออกมาได้ครับ Metro ที่นี่ให้ดูป้ายที่พื้นเป็นหลักนะครับ จะมีลูกศรชี้บอกทางไปที่ต่างๆ ถ้ามองป้ายข้างบนมันจะเป็นสถานียิบย่อยไปหมด ไม่มีภาษาอังกฤษด้วยนี่แหละ 555+
พอออกมาเจอปัญหาว่า พวกเราหาทางไปขึ้น Night Train ไม่เจอครับ เนื่องจากตรงนี้คล้ายๆชุมทาง มีที่ขึ้นเต็มไปหมด เราเดินงมจนงง เลยต้องถามคนแถวนั้นให้เค้าชี้ทางให้ (สื่อสารภาษามือล้วนๆ) ถามไปสองคนถึงค่อยหาเจอ โดยสถานีรถไฟที่เราจะขึ้นจะเป็น Long Distance Train จะอยู่ในตึกใหญ่มีหอนาฬิกาอยู่บนยอด อยู่ด้านหลังทางออก Metro
ตึกที่เราตามหากันครับ มีเงากะเหรี่ยง 4 คนติดมาด้วย
ภาพฝั่งตรงข้ามครับ
เมื่อเข้าสถานีแล้วจะมีเครื่องขายตั๋วครับ ตอนผมหาข้อมูลจะมีคนบอกว่าเครื่องเป็นภาษารัสเซีย ขอมาคอนเฟิร์มว่าปัจจุบันมีภาษาอังกฤษแล้วนะครับ ใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว เราเอาตั๋วกระดาษที่ปริ้นมาไปเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงเพื่อความสบายใจ (จองล่วงหน้าจากในเวป
http://pass.rzd.ru/ ครับ เป็นเวปของการรถไฟรัสเซียโดยตรง จองไม่ยากครับ มีภาษาอังกฤษแต่อาจจะงงๆบ้างนิดหน่อย ) จากนั้นออกไปหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถไฟครับ โดยย้อนกลับไปทางเดิมที่เดินมา จะมีร้านขายของกินอยู่บ้างประปราย
พวกเราเข้าร้าน Kebab ที่เขียนว่า 24 hrs ข้างในเป็นเหมือน Pub&Restaurant มีพวกอาหารเป็นขนมปังยัดไส้ กับพิซซ่าวางอยู่ในตู้ให้เลือก คนขายไม่พูดอังกฤษอีกแล้ว (เริ่มชิน) เราชี้ขนมปังไส้หรอก กะว่าเอา 1 ชิ้น แล้วหาขนมปังอื่นอีกชิ้น แต่เจ๊เค้าให้มา 2 งงเลย แต่ไม่เป็นไรเพราะกะจะสั่งอีกชิ้นอยู่แล้ว ไส้กรอกอร่อย แต่ขนมปังแข็ง อาจจะเพราะอากาศเย็นด้วย มื้อนี้หมดไป 140 Rub ซื้อน้ำขวดเล็กเอาไปกินบนรถไฟอีก 60 Rub
จะขอเตือนนิดนึงว่า รถไฟที่นี่มาถึงก่อนเวลา และออกรถตรงเวลาเป๊ะ(กลับมามองรฟท.แล้ว #ร้องไห้หนักมาก) เน้นย้ำนะครับ ประเทศนี้ตรงเวลาแทบทุกอย่าง ถ้ารถออก 23.50 แปลว่าพอ 23.49 ปุ๊ป จนท.จะเหยียบคันเร่งรอแล้ว เข็มวินาทีแตะเลข 12 ล้อจะหมุนทันที (มโนว่ารถไฟมีคันเร่ง) มาช้าได้นอนค้างสถานีแน่นอนครับ
รถไฟขบวนที่พวกเรานั่งชื่อว่า Red Arrow ครับ เป็นรถไฟขบวนแรกที่วิ่งเชื่อมเมืองหลัก 2 เมือง Moscow-St. Petersburg จะออกจาก Moscow 23.55 ทุกคืน เคยหยุดวิ่งแค่ครั้งเดียวตอนเหตุการณ์ Siege of Leningrad สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ Red Arrow นั้นเป็นความภาคภูมิในของการรถไฟรัสเซียครับ เวลาจอดที่ชานชาลาจะมีเพลง "The Hymn to the Great City" เปิดคลอตลอดครับ และเป็นรถขบวนเดียวที่มีตู้นอนชั้น VIP ที่เหมือนนอนเตียงนอนจริงๆ (เค้าโม้ว่างั้นนะครับ)
แค่ผมนอนตู้ถูกสุด แค่นั้นก็ปาไป 3,192 Rub แล้วครับ ขณะที่ขบวนอื่นๆจะราคาตกอยู่ที่ 800-1,000 Rub แต่รอบดึกสุดที่มีให้จองตอนนั้นก็คือคันนี้ครับ ตอนหลังมาพบว่ามีรอบหลังเทียงคืนด้วย แต่ต้องรอใกล้ๆวันเดินทางจึงจะจองได้ครับ แนะนำให้ไปรอบนั้นจะดีกว่า
เมื่อเราถึงชานชาลา Red Arrow ก็จอดรออยู่แล้ว เป็นคันสีแดงทั้งขบวน มีสัญลักษณ์รัสเซียติดอยู่ ค่อนข้างสวยทีเดียว แต่ละโบกี้จะมีจนท.ยืนประจำอยู่ทุกทางเข้าคอยตรวจบัตรและบอกเตียงที่นอน เราเตียง 1 อยู่ห้องแรก ห้องนึงจะมี 4 เตียง ผมเข้าไปเจอป้าชาวรัสเซียมานั่งอยู่ก่อนแล้ว ห้องเราจองไว้ 3 เตียง ทำให้มีเตียงว่าง 1 ที่ ป้าเค้าใจดีมากครับ เค้าสอนให้เปิดเบาะ จะมีช่องเก็บกระเป๋า ดึงพนักเก้าอี้ลงมาจะเจอเตียงมีที่นอนผ้าห่มพร้อม บนโต๊ะมีอาหารกล่องให้ เค้าแจงมาเสร็จสรรพ (แต่หน้านิ่งมาก) สักพักจนท.ก็มาอธิบายการใช้งานของในห้อง มีปุ่มปรับ Temp แล้วก็ไฟบอกว่าห้องน้ำว่างหรือไม่ เรียกว่าครบครันมากขบวนนี้
ทางเดินครับ ทางซ้ายมือจะเป็นห้องๆ ข้างในเป็นเตียง 2 ชั้นกับโต๊ะครับ
นอกจากของเล่นมากมาย ของตกแต่งในห้องที่สวยงามเช่น ม่าน ผ้าปูโต๊ะ ไฟสำหรับอ่านหนังสือ และปลั๊กไฟ(สำคัญมาก) รถไฟขบวนนี้ยังมีอาหาร เช้าให้ด้วยครับ โดยจะมีให้เลือกสามอย่างคือ Oat Milk/Curd Pie/Cake เพื่อน 2 คนเลือก Oat Milk ผมเลือก Curd Pie ครับ ต้องเดากันว่าจะออกมาหน้าตายังไง
สภาพก่อนนอนครับ
พอจนท.ไปพวกเราก็ไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ไซส์พอๆกับห้องน้ำในเครื่องบิน อาบน้ำไม่ได้นะครับ พอเสร็จก็พับเตียงลงมานอน รถไฟติดฮีทเตอร์ไว้ครับ ดึกๆจะเริ่มหนาว เตียงนุ่มและนอนสบายมาก ในที่สุดก็จบการเดินทางในวันแรกซะที รู้สึกว่าเป็นวันที่ยาวนานจริงๆครับ
8 Day With Her "Mother Russia" : แบคแพคเที่ยวรัสเซีย 8 วันในราคาสบายกระเป๋า - Part 1
**ค่าเงินตอนผมไป 0.58 THB = 1 RUB**
ก่อนเริ่มขอท้าวความที่มาของทริปนี้สักนิดนึง ย้อนไปช่วงปีใหม่มีเพื่อนคนนึงทักมาพร้อมส่งลิ้งตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-มอสโควมาให้ในราคาไม่ถึงสองหมื่น เดินทางวันที่ 11-19 เมษา ช่วงหยุดสงกรานต์พอดี เจอแบบนี้รู้ตัวอีกทีก็โดนตัดบัตรเครดิตไปละครับ ทริปนี้จึงได้บังเกิดขึ้นโดยมีผู้มาร่วมติดสอยห้อยตามตากแดดตากฝนตากหิมะด้วยกันรวมแล้ว 5 ชีวิตครับ โดยจะใช้เวลา 5 วันที่ St. Petersburg และ อีกวันครึ่งใน Moscow ครับ (เดินทางวันครึ่ง) รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งทริปประมาณ 35,000 บาทครับ
Day 1 : Bangkok-Novosibrisk-Moscow-St.Petersburg
แผนการที่วางไว้ เราจะนั่งเครื่อง S7 ไซบีเรียนแอร์ไลน์ จากสุวรรณภูมิ ไป Novosibrisk (OVB) ประเทศรัสเซีย และต่อเครื่องไป Moscow (DME) และต่อ Night Train ยาวไป St. Petersburg ครับ อาจจะดูถึกสักนิดนึง แต่ถือเราว่าเราได้พักผ่อนมาบนเครื่องด้วย เพราะเวลารวมๆที่บิน+ต่อเครื่องก็ปาไปเกือบ 14 ชั่วโมงครับ
เริ่มทริปที่สุวรรณภูมิเรา 5 คนนัดเจอที่เคาเตอร์ Check-in ของ S7 จะอยู่ขุดขอบด้านขวาเลยครับ ตอนแรกมองดูคนโล่งๆ แต่เอาเข้าจริงใช้เวลานานมากทั้งๆที่แค่ Luggage Drop (อาจจะเพราะคนที่ทำเป็นคนของสนามบินครับ แต่คนที่ Check-in เป็นรัสเซียเลยสื่อสารกันได้ช้า) ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง เราออกตม.แบบผ่านเครื่องโดยใช้สแกนพาสปอต สแกนนิ้ว และถ่ายรูป เดินทางถึง Gate ครับ บินรอบแรกต้องอยู่บนเครื่องบิน7 ชั่วโมง 25 นาที และไปต่อเครื่องที่ Novosibrisk (OVB) ซึ่งพนักงานบอกว่าต้องรับกระเป๋าและ Check-in ใหม่ที่นั่น
บนเครื่อง Air ชาวรัสเซียตัวใหญ่มากครับ สูงหัวเกือบชนเพดานเครื่องบิน จะพูดอังกฤษได้บางคน และจะหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้ม สังเกตคนรัสเซียที่ขึ้นมาด้วยพบว่าเค้าจะขยับทำนู่นนี่ตลอดเวลา เช่น เปิดปิดเอาของเรื่อยๆ เด็กรัสเซียจะวิ่งเล่นตลอกแนวทางเดิน บางช่วงถึงกับนั่งเอาเกมจิ๊กซอว์มาเล่นเลยครับ ช่วงแรกเครื่องบินจะร้อนมากกก คนรัสเซียบางคนถึงกับถอดเสื้อ (ผช.นะครับ 555+)
นั่งไปสักพักก็มีอาหารมาเสิร์ฟครับ จะให้มา 2 กล่อง กล่องข้าวกับกล่องของหวานเป็นลาย S7 สวยงาม แอร์ที่ไม่พูดอังกฤษจะถามง่ายๆว่า Fish or Chicken ครับ ผมเลือกอย่างหลังได้ไก่ผัดซอสมะเขือเทศ ในอีกกล่องจะมีขนมปัง 2 แผ่น แฮม 2 แผ่น ชีส 2 แผ่น ไส้กรอกสไลด์ 1 แผ่น และผักสำหรับประกบทำแซนวิท ของหวานมีเค้กกล้วยหอม เรียกว่าให้มาเต็มอิ่มเลยทีเดียว
วิวข้างทางไม่เห็นอะไรในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกครับ จากนั้นจะเริ่มมีวิวทะเลทรายให้เห็น เดาว่าเป็บแถบมองโกเลีย ต่อมาค่อยๆเปลี่ยนเป็นภูเขาหิมะ ทะเลสาบ และเมื่อใกล้ถึง Novosibrisk จะเป็นที่ราบสูงแซมหิมะ เมือง Novosibrisk ดูเป็นเมืองอุตสาหกรรมโทนสีเทาน้ำตาล มีบ้านติดๆกันแออัด มีตึกบ้างนิดหน่อย โรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงขุดทรายกระจายไปทั่วเมือง มีทะเลสาบบางช่วงยังจับแข็งอยู่เดาว่าน่าจะหนาวกว่าแถบ Moscow ครับ
เครื่องบินลงตรงเวลาที่ 17.35 ครับ พวกเราต้องรีบรับกระเป๋า ผ่านตม. และเดินข้ามไปตึก Domestic เพื่อ Check-in ใหม่ เนื่องจากมีเวลาแค่ 1.5 ชั่วโมง ค่อนข้างหวาดเสียวจะตกเครื่อง แต่เหมือตม.ก็รู้เค้าก็รีบๆทำให้ (ดูออกว่าพยายามช่วยเต็มที่ แต่เจ๊แกหน้าก็ยังบึ้งอยู่ดี) สุดท้ายก็มา Check-in แทบจะตรงเวลาปิดรับกระเป๋า ได้ขึ้นเครื่องตอน 19.00 ซึ่งก่อนเวลาเครื่อง Take off 15 นาทีเท่านั้น จะบอกว่าในวันนั้นคนรัสเซียจะเห็นภาพคนไทยวิ่งมาราธอนข้าม Terminal กันนับสิบคนครับ 555+
เครื่องรอบนี้เป็นเครื่องเล็กบินในประเทศจะถึง Moscow 20.40 ใช้เวลาบินประมาณ 4.5 ชม. ส่วนใหญ่จะหลับเพราะเวลาไทยมันดึกมากแล้ว (Novosibrisk จะช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงครับ ส่วน Moscow/St.Peter จะช้ากว่าไทย 4 ช.ม.) มีอาหารให้บนเครื่อง เป็นปลาผัดมักกะโรนี ขนมเป็นพวกขนมปัง ชีส ขนมหวานเคลือบช๊อคโกแลต ไฟล์ทนี้คนโหลงเหลงไม่เต็มเครื่องครับ จะเป็นคนไทยส่วนมาก
พวกเราถึงสนามบินตามเวลา 21.50 รับกระเป๋าและเดินออกได้เลยเนื่องจากผ่านตม.มาแล้วที่ OVB ใช้เวลาออกมารวมๆ 30 นาที เราจะนั่งรถไฟด่วนเข้าไปสถานี Metro กันครับ เดินตามป้าย AeroExpress เพื่อไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง น้องในทีมจองออนไลน์และปริ้นตั๋วมาให้เรียบร้อย (คนละ 450 Rub) แค่สแกนบาร์โค้ดก็เข้าได้เลย รถไฟโล่งๆครับ อาจจะเพราะเป็นรอบดึก มี Wifi ให้บนรถด้วยแต่ไม่ค่อยแรงครับ มาๆหายๆ
นั่งรถไฟประมาณ 50 นาทีก็มาถึงสถานี Metro Paveletskaya (Павелецкая) เดินตามป้ายตัว M เพื่อลงไป Metro ได้เลยที่นี่เราต้องซื้อตั๋วเพื่อนั่งไปสถานี Komsomolskaya (Комсомо́льская) เป็นสถานีที่เชื่อมกับสถานีรถไฟ Leningrad (Ленингра́дский вокза́л) ซึ่งเราจะนั่ง Night Train ข้ามเมืองครับ มีที่ขายตั๋ว 2 แบบ คือเป็นตู้กด และช่องขายตั๋ว (ตู้กดบางตู้ไม่มีภาษาอังกฤษนะครับ) ผมเลือกซื้อที่ช่องขายตั๋วก่อน กะว่าจะซื้อที่เดียว 5 ใบสำหรับ 5 คนเลย แต่คนขายเค้าฟังอังกฤษไม่รู้เรื่อง เลยต้องใช้ภาษามือบอกเอาว่าจะเอากี่ใบ ตั๋วเป็นบัตรกระดาษราคารอบละ 50 Rub จะไปสถานีไหนก็ได้ครับ สแกนเข้าแล้วก็โยนบัตรทิ้งได้เลย
Metro อลังการสมคำล่ำรือครับ ทั้งพื้น เพดาน เสา ตกแต่งมาเต็มมาก แต่ไม่มีเวลาดูเท่าไหร่ครับ เพราะพวกเราต้องรีบไปขึ้นรถไฟให้ทันรอบ 23.50 ซึ่งลง Metro มาก็สี่ทุ่มกว่าแล้วครับ นั่งต่อไปทางสายสีน้ำตาล 1 สถานีก็ถึง Komsomolskaya (Комсомо́льская) ทางเดินข้างในยาวมากต้องเดินพักใหญ่ๆจึงจะออกมาได้ครับ Metro ที่นี่ให้ดูป้ายที่พื้นเป็นหลักนะครับ จะมีลูกศรชี้บอกทางไปที่ต่างๆ ถ้ามองป้ายข้างบนมันจะเป็นสถานียิบย่อยไปหมด ไม่มีภาษาอังกฤษด้วยนี่แหละ 555+
พอออกมาเจอปัญหาว่า พวกเราหาทางไปขึ้น Night Train ไม่เจอครับ เนื่องจากตรงนี้คล้ายๆชุมทาง มีที่ขึ้นเต็มไปหมด เราเดินงมจนงง เลยต้องถามคนแถวนั้นให้เค้าชี้ทางให้ (สื่อสารภาษามือล้วนๆ) ถามไปสองคนถึงค่อยหาเจอ โดยสถานีรถไฟที่เราจะขึ้นจะเป็น Long Distance Train จะอยู่ในตึกใหญ่มีหอนาฬิกาอยู่บนยอด อยู่ด้านหลังทางออก Metro
เมื่อเข้าสถานีแล้วจะมีเครื่องขายตั๋วครับ ตอนผมหาข้อมูลจะมีคนบอกว่าเครื่องเป็นภาษารัสเซีย ขอมาคอนเฟิร์มว่าปัจจุบันมีภาษาอังกฤษแล้วนะครับ ใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว เราเอาตั๋วกระดาษที่ปริ้นมาไปเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงเพื่อความสบายใจ (จองล่วงหน้าจากในเวป http://pass.rzd.ru/ ครับ เป็นเวปของการรถไฟรัสเซียโดยตรง จองไม่ยากครับ มีภาษาอังกฤษแต่อาจจะงงๆบ้างนิดหน่อย ) จากนั้นออกไปหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถไฟครับ โดยย้อนกลับไปทางเดิมที่เดินมา จะมีร้านขายของกินอยู่บ้างประปราย
พวกเราเข้าร้าน Kebab ที่เขียนว่า 24 hrs ข้างในเป็นเหมือน Pub&Restaurant มีพวกอาหารเป็นขนมปังยัดไส้ กับพิซซ่าวางอยู่ในตู้ให้เลือก คนขายไม่พูดอังกฤษอีกแล้ว (เริ่มชิน) เราชี้ขนมปังไส้หรอก กะว่าเอา 1 ชิ้น แล้วหาขนมปังอื่นอีกชิ้น แต่เจ๊เค้าให้มา 2 งงเลย แต่ไม่เป็นไรเพราะกะจะสั่งอีกชิ้นอยู่แล้ว ไส้กรอกอร่อย แต่ขนมปังแข็ง อาจจะเพราะอากาศเย็นด้วย มื้อนี้หมดไป 140 Rub ซื้อน้ำขวดเล็กเอาไปกินบนรถไฟอีก 60 Rub
จะขอเตือนนิดนึงว่า รถไฟที่นี่มาถึงก่อนเวลา และออกรถตรงเวลาเป๊ะ(กลับมามองรฟท.แล้ว #ร้องไห้หนักมาก) เน้นย้ำนะครับ ประเทศนี้ตรงเวลาแทบทุกอย่าง ถ้ารถออก 23.50 แปลว่าพอ 23.49 ปุ๊ป จนท.จะเหยียบคันเร่งรอแล้ว เข็มวินาทีแตะเลข 12 ล้อจะหมุนทันที (มโนว่ารถไฟมีคันเร่ง) มาช้าได้นอนค้างสถานีแน่นอนครับ
รถไฟขบวนที่พวกเรานั่งชื่อว่า Red Arrow ครับ เป็นรถไฟขบวนแรกที่วิ่งเชื่อมเมืองหลัก 2 เมือง Moscow-St. Petersburg จะออกจาก Moscow 23.55 ทุกคืน เคยหยุดวิ่งแค่ครั้งเดียวตอนเหตุการณ์ Siege of Leningrad สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ Red Arrow นั้นเป็นความภาคภูมิในของการรถไฟรัสเซียครับ เวลาจอดที่ชานชาลาจะมีเพลง "The Hymn to the Great City" เปิดคลอตลอดครับ และเป็นรถขบวนเดียวที่มีตู้นอนชั้น VIP ที่เหมือนนอนเตียงนอนจริงๆ (เค้าโม้ว่างั้นนะครับ)
แค่ผมนอนตู้ถูกสุด แค่นั้นก็ปาไป 3,192 Rub แล้วครับ ขณะที่ขบวนอื่นๆจะราคาตกอยู่ที่ 800-1,000 Rub แต่รอบดึกสุดที่มีให้จองตอนนั้นก็คือคันนี้ครับ ตอนหลังมาพบว่ามีรอบหลังเทียงคืนด้วย แต่ต้องรอใกล้ๆวันเดินทางจึงจะจองได้ครับ แนะนำให้ไปรอบนั้นจะดีกว่า
เมื่อเราถึงชานชาลา Red Arrow ก็จอดรออยู่แล้ว เป็นคันสีแดงทั้งขบวน มีสัญลักษณ์รัสเซียติดอยู่ ค่อนข้างสวยทีเดียว แต่ละโบกี้จะมีจนท.ยืนประจำอยู่ทุกทางเข้าคอยตรวจบัตรและบอกเตียงที่นอน เราเตียง 1 อยู่ห้องแรก ห้องนึงจะมี 4 เตียง ผมเข้าไปเจอป้าชาวรัสเซียมานั่งอยู่ก่อนแล้ว ห้องเราจองไว้ 3 เตียง ทำให้มีเตียงว่าง 1 ที่ ป้าเค้าใจดีมากครับ เค้าสอนให้เปิดเบาะ จะมีช่องเก็บกระเป๋า ดึงพนักเก้าอี้ลงมาจะเจอเตียงมีที่นอนผ้าห่มพร้อม บนโต๊ะมีอาหารกล่องให้ เค้าแจงมาเสร็จสรรพ (แต่หน้านิ่งมาก) สักพักจนท.ก็มาอธิบายการใช้งานของในห้อง มีปุ่มปรับ Temp แล้วก็ไฟบอกว่าห้องน้ำว่างหรือไม่ เรียกว่าครบครันมากขบวนนี้
นอกจากของเล่นมากมาย ของตกแต่งในห้องที่สวยงามเช่น ม่าน ผ้าปูโต๊ะ ไฟสำหรับอ่านหนังสือ และปลั๊กไฟ(สำคัญมาก) รถไฟขบวนนี้ยังมีอาหาร เช้าให้ด้วยครับ โดยจะมีให้เลือกสามอย่างคือ Oat Milk/Curd Pie/Cake เพื่อน 2 คนเลือก Oat Milk ผมเลือก Curd Pie ครับ ต้องเดากันว่าจะออกมาหน้าตายังไง
พอจนท.ไปพวกเราก็ไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ไซส์พอๆกับห้องน้ำในเครื่องบิน อาบน้ำไม่ได้นะครับ พอเสร็จก็พับเตียงลงมานอน รถไฟติดฮีทเตอร์ไว้ครับ ดึกๆจะเริ่มหนาว เตียงนุ่มและนอนสบายมาก ในที่สุดก็จบการเดินทางในวันแรกซะที รู้สึกว่าเป็นวันที่ยาวนานจริงๆครับ