ฝรั่งเศส เยอรมัน คนได้รางวัลโนเบลก็เยอะ แต่ทำไมมหาวิทยาลัยไม่มีชื่อเสียงเท่าอเมริกา อังกฤษ

รางวัลโนเบลของอาจารย์หรือนักศึกษาที่เรียนในมหาวิทยาลัยก็สามารถใช้เป็นตัวบ่งบอกชื่อเสียง
ของมหาลัยได้

แต่ทำไมเวลาการจัดอันดับมหาวิทยาลัย อันดับแรกๆจะเป็นของอเมริกากับอังกฤษตลอดเลย

เค้าใช้อะไรวัดกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
มีคนเคยหลังไมค์ไปถามผมคำถามเดียวกันนี้เมื่อราว 2 ปีมาแล้ว   ผมไม่ได้เก็บคำตอบไว้แต่ก็จะตอบใหม่ในคราวนี้

ก่อนอื่นเลยให้พิจารณาเงื่อนไขที่แตกต่างอยังมีนัยยะสำคัญที่สุดนั่นคือ    ระบบการศึกษา   ในขณะที่ อเมริกา  อังกฤษ  ออสเตรเลีย  แคนาดา นิวซีแลนด์     ระบบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาหรือมหาลัยนั้นทำเป็นธุรกิจ    หมายถึงผู้เข้าเรียนต้องจ่ายเงิน   ยิ่งมหาลัยดังยิ่งต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพงมาก   สถาบันการศึกษาจึงมีการแข่งขันกันเองสูง      เมื่อไปดูวิธีการตั้งเกณฑ์ในการจัด ranking  ของทุกแห่งก็จะคล้ายๆ กัน  นั่นคือเน้นที่จำนวนผลงานวิจัย     สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการศึกษาอันรวมถึงห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย     อัตราส่วนบุคลากรต่อนักศึกษา    จำนวนการได้รับการจ้างงานในบริษัทใหญ่ๆ   และเงินเดือนที่ได้รับ  .....

จะเห็นว่าปัจจัยที่มาอันดับสำคัญแรกๆ และได้คะแนนของ criteria สูงนั้นต้องใช้   "เงิน"  เป็นตัวกำหนดทั้งสิ้น   ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัย    บุคลากรและอุปกรณ์การเรียนการสอน     ในเมื่อสถาบันการศึกษาในประเทศที่ระบุชื่อมานั้นใช้ระบบเดียวกันหมด     นั่นคือเก็บค่าเล่าเรียนสูงก็ย่อมต้องมีเงินมาลงทุนทำธุรกิจและสร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี       และปัจจัยหนึ่งที่จะแสดงผลงงานเพื่อเรียกลูกค้าได้ดีที่สุดคือ    การจัดระดับ ranking ออกมาอย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไป

ทีนี้ลองมาดูระบบของยุโรปบ้าง    การศึกษาของเยอรมันและฝรั่งเศสนั้น    ตั้งแต่ประถมถึงมหาลัยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนหรือถึงจะต้องเสียก็นับว่าน้อยเสียจนเกือบเรียกได้ว่า  "ฟรี"

มหาลัยเยอรมันระดับ  Universität มีทั้งหมดทั่วประเทศ  108  มหาลัย   มหาลัยที่เป็นระดับ Fachhochschule อีก 216 มหาลัย   รวมมหาลัยเฉพาะด้านอื่นๆ อีก  เช่น  มหาลัยทางด้านศิลป์ศาสตร์     ดนตรี   ศาสนา   ฯลฯ     รวมแล้วมีสถาบันระดับมหาลัยทั้งหมด  428 มหาลัย

ทั้งหมดนี้เป็นของรัฐบาลทั้งหมดและรับเงินค่าใช้จ่าย 100 %  จากรัฐบาล    ถือเป็นสวัสดิการที่รัฐมีหน้าที่ให้แก่ประชาชนโดยไม่ได้คิดผลกำไรตอบแทน   ฉะนั้นจึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่มหาลัยจะมีปัจจัย  "เงิน"   ไปลงทุนแข่งขันกับประเทศที่ทำการศึกษาเป็นธุรกิจ

การที่มหาลัยของเยอรมันไปติดอยู่ใน 100 อันดับแรกคือ 53, 60, ุ62 และ 99  นั้นถือว่าน่าประหลาดใจแล้วด้วยซ้ำ    เพราะผลงานที่สามารถเข้าแข่งได้จากปัจจัยเงินน้อยนิดเมื่อเทียบกับมหาลัยดังอื่นๆ ของโลก

แต่เมื่อมาดูผลงานฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งเป็นสิ่งพิสูจน์ที่แท้จริงของผลการศึกษาของประชาชน    เยอรมันไม่ได้น้อยหน้าประเทศอุตสาหกรรมระดับโลกอื่นๆ  แม้แต่น้อย

จะให้ดูเปรียบเทียบกับอังกฤษด้วยข้อมูลล่าสุดที่น่าสนใจ  เช่น    อังกฤษมีจำนวนผู้จบการศึกษาระดับมหาลัย  12  คนต่อประชากร 1000 คน  ในขณะที่เยอรมันมีแค่   8   คน      แต่   คนเยอรมันจ่ายเงินซื้อหนังสืออ่าน  82 ยูโรต่อคน    ในขณะที่ชาวอังกฤษจ่ายแค่  50 ยูโร

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น    มหาลัยอังกฤษติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก  ถึง 3  มหาลัย    จำนวนผู้จบการศึกษาระดับมหาลัยก็มีมากกว่าเยอรมัน

แต่   จำนวนจดทะเบียนลิขสิทธิ์ประดิษฐ์กรรมใหม่ๆ นั้น  (patent)  ของเยอรมันทำได้ 59 ชิ้นต่อจำนวนประชากร 1 แสนคน   ในขณะที่อังกฤษมีแค่  23  ชิ้นเท่านั้น

ขอจบท้ายด้วยการย้อนกลับไปที่ความเห็นคุณ zodiac ที่ว่า

เลือกได้เลือกไปเรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษดีกว่า   ไม่ได้อเมริกาไปเรียนที่อังกฤษ  ออสเตรเลีย  แคนาดาก็ยังดี

เป็นการเข้าใจผิดถนัดเลยครับ     เพราะปัจจุบัน  (สถิติปี 2014  จำนวน 300 909 คน )   นั้นเยอรมนีเป็นประเทศที่มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติเข้ามาเรียนมากที่สุดอันดับ 3  ของโลกตามหลัง  อเมริกา   และ อังกฤษ    โดยเรียงลำดับชาตินักศึกษาต่างชาติดังนี้คือ   จีน   รัสเซีย   ออสเตรีย  อินเดีย   ที่เหลือเป็นประเทศอื่นๆ  เช่น ยุโรปตะวันออก   ละตินอเมริกา  และ  ต้องไม่ลืมนักศึกษาไทยด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่