บันทึกนี้เป็นบันทึกการเดินทางไปเที่ยวเบตง ในระหว่างวันที่ 29 เมษายน ถึงวันที่ 4 เมษายน 2558
เพื่อเก็บ และแบ่งปันประสบการณ์การทาง ร่วมทั้งเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่อยากเดินทางไปเที่ยวค่ะ
ก่อนอื่น ต้องบอกว่าทริปนี้ เราเดินทางคนเดียวค่ะ อาศัยว่า มีพี่ที่รู้จักเป็นชาวอำเภอเบตง จึงได้สอบถามข้อมูลการเดินทางไว้บ้าง และอ่านจากกระทู้ของท่านที่เคยเดินทางไปแล้วบ้าง จึงพอสรุป ด้วยตัวเองว่า มีให้เราเลือก 4 รูปแบบ สำหรับการเดินทางโดย การโดยสารสาธารณะ คือ
1. นั่งรถทัวร์ไปเบตง ต่อเดียว
2. นั่งเครื่องลงหาดใหญ่ หรือนั่งรถไฟไปหาดใหญ่ ต่อรถตู้ ไปเบตง โดยผ่านทางมาเล ซึ่งเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ได้รับการแนะนำว่า ปลอดภัย และสบายใจที่สุดสำหรับเราแต่ต้องทำพาสปอร์ต
3.นั่งเครื่องไปลงหาดใหญ่ ต่อรถตู้ ไปเบตง ผ่าน จังหวัดปัตตานี และอำเภอ กรงปินัง บันนังสตา ธารโต แล้วเข้าสู่เบตง อันนี้ น่ากลัวนิดๆ ลุ้นหน่อยๆ เพราะผ่านพื้นที่เสี่ยงเยอะมาก
4. นั่งรถไฟลงยะลา ขึ้นรถตู้ หรือ แท็กซี่เบนส์ จากยะลาเข้าเบตง ผ่านอำเภอ กรงปีนัง บันนังสตา ธารโต เข้าเบตง
ในตอนแรก เราเลือกที่จะไปทางมาเลค่ะ แต่ไม่มีเวลาไปทำพาสปอร์ต สุดท้ายเลยเลือกไปรถไฟ เพราะว่า ผ่านพื้นที่เสี่ยงน้อยกว่าไปเครื่องลงหาดใหญ่ คิดว่างั้นนะ555
เมื่อวางแผนเสร็จก็ จัดการจองตั๋วค่ะ จองประมาณอาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน เพราะกลัวเต็ม วันที่ไปก็เต็มจริงๆค่ะ
เราเดินทางโดยรถไฟ ดีเซลราง ขบวนที่ 41 ออกจากสถานนี้รถไฟบางซื่อในคืนวันที่29 เมษายน เวลาประมาณ ห้าทุ่ม นิดๆ รถไฟมาตรงเวลาค่ะ
เมื่อขึ้นรถไฟแล้ว เราก็ได้รับอาหารว่าง เป็นขนมปัง 1ชิ้น แล้วก็น้ำให้เลือกค่ะ น้ำเปล่า น้ำส้ม มีผ้า หนึ่งผืน สำหรับห่ม แล้วเราก็หลับ
เช้าประมาณ หกโมงนิดๆ เราตื่นค่ะ รถไฟอยู่ช่วงจังหวัดชุมพร เอาล่ะตื่นแล้วต้องล้างหน้าแปรงฟัน มีห้องน้ำแค่ 2 ห้องค่ะ ดังนั้นต้องนั่งอมขี้ฟันต่อคิวกันหน่อย 555
เช้านี้รถไฟแจกอาหารว่างเป็นขนมปัง แล้วก็มีชากับกาแฟ และน้ำเปล่าให้เลือกค่ะ ก็นั่งชมวิวไปเรื่อยจนกระทั่งเที่ยงมื้อนี้มีข้าวแจกค่ะ แต่ทางที่ดี ถ้าจะไป กรุณาห่อ ขนม ของกินไปบ้างนะคะ เน้นเลยค่ะ ประมาณบ่ายสองโมงรถไฟถึงหาดใหญ่ค่ะ จากตั๋วระบุเวลาไว้บ่ายสองครึ่งถึงยะลา อีกแค่ครึ่งชั่วโมงดังนั้นเราจัดการเก็บของพร้อมลงค่ะ
และแล้วความมันในการเดินทางก็มาถึง เหตุการณ์มันผิดแผนเมื่อ รถไฟจอดที่สถานีหาดใหญ่ ถึงบ่ายสองครึ่ง อ่าว งานเข้า รถเสียเวลา จะถึงกี่โมงละเนี่ย พอคิดเสร็จเท่านั้น พนักงานเดินมาบอกว่า ผู้โดยสารต้องลงจากรถ เนื่องจากรถมีปัญหาไม่สามารถไปต่อได้ และให้ไปติดต่อ ที่ด้านหน้าประชาสัมพันธ์ พอลงจากรถ เจ้าหน้าที่บอกว่า จะจัดรถทัวร์ไปส่ง เอาล่ะ สบายใจโลงอก แต่ว่ารถทัวร์ต้องไปส่งคนที่ปัตตานีแล้วไปยะลา แต่แล้วก็มีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งบอกว่าถ้าอย่างนี้กว่าจะถึงยะลาก็ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง 555 เอาแล้วไง จะเข้าเบตงไงล่ะ รถน่าจะหมดประมาณสี่โมงครึ่ง เลยรีบติดต่อพี่ที่รู้จักที่เบตงทันที แต่ว่าโทรไปหลายรอบพี่ท่านก็ไม่รับ งานเข้าละสิ ต้องช่วยเหลือตัวเองก็เลยเดินไปทำความรู้จักกับสาวๆกลุ่มหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้เขาก็แย่ต้องไปต่ออีกไกล เราก็เลยบอกว่าเราก็เหมือนกันจะไปเบตง ยังไม่รู้จะไปยังไงมาคนเดียวด้วยเรามาเที่ยว การรวมกลุ่มกันเลยได้ต่อรองกับทางรถไฟว่าขอรถตู้ต่างหากเพราะเราต้องไปไกล ซึ่งจะไปต่อไม่ได้ ทางรถไฟจึงจัดรถตู้ให้สำหรับผู้ที่อยู่ไกลจำนวน10คน และด้วยความโชคดี เลยได้เจอน้องผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเบตง เลยบอกน้องไปว่า พี่ขอเกาะน้องนะ น้องไปไหนพี่ไปด้วย ขอให้ถึงเบตง รถตู้วิ่งจากหาดใหญ่ ผ่านปัตตานี เข้ายะลา ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง ระหว่างการเดินทางมีฝนตกเป็นระยะ และ มีด่านทหาร อยู่เป็นระยะ
ถึงตัวเมืองยะลาก็ 5 โมงเย็น รถตู้หมด เลยต้องไปรถแท็กซี่ เบ็นส์ ฝนตกตลอดการเดินทางจากตัวเมืองยะลาเข้าเบตง
สำหรับคนที่ชอบความมัน โค้งเบตงมันจริงๆ พี่คนขับแท็กซี่ เข้าโค้งได้มันมาก สำหรับเราไม่เวียนหัว ไม่อาเจียนค่ะ ชอบมาก
ถึงอำเภอเบตง ทุ่มนิดๆ หาที่พักค่ะ ราคามีตั้งแต่ 690 บาท จนถึงหลักพัน แล้วแต่ความชอบ
เช้าวันแรกที่เบตง อากาศดีมากค่ะ
วันนี้เราเดินเล่นในตัวเมืองค่ะ ถ้าไม่ชอบเดินก็หาเช่ารถมอเตอร์ไซด์ได้ตามความสะดวกเลย
ในตัวเมืองก็จะมีของกิน หลายที่ แต่เราไม่ถนัดกิน 555 ดังนั้นไปเที่ยวต่อแล้วกัน
เราเดินไปวัดค่ะ
ขึ้นไปไหว้พระธาตุ
รูปวิวจากด้านบนพระพระมหาธาตุเจดีย์วัดนี้เป็นพระอารมหลวงค่ะ สะอาด สงบ สบายตา
มาเบตงก็ต้องมีรูปหอนาฬิกา
และตู้ไปรษณีย์
เบตงตู้ไปรษณีย์ใหญ่
เรามาดูบรรยากาศถนนบ้าง
สุขสงบดีค่ะ
ตอนเย็นไปแช่น้ำร้อนค่ะ
ระหว่างทางมีหิงห้อยด้วยนะคะ สวยเชียวตัวใหญ่กว่าอัมพวานะ แต่กล้องเราเป็นกล้องโทรศัพท์ เลยไม่สามารถ
เนื่องจากมืดเลยมองไม่ค่อยเห็นอะไร เช้าวันรุ่งขึ้นเลยกลับไปถ่ายรูปบ่อน้ำร้อนอีกครั้ง
บ่อนี้เชื่อมต่อกับบ่อใหญ่ ให้ลงแช่ ว่าย ดำ มุด ได้ ตามสบาย
ค่ะ
ต้มไข่ได้นะ 7 นาที
จากนั้นก็ต่อด้วยไปเที่ยวอุโมงค์ค่ะ ขับมอเตอร์ไซด์ เลยบ่อน้ำร้อนไปอีกหน่อย
วิวระหว่างทาง สวยๆ ถึงอุโมงค์แล้วค่ะ
ตรงนี้เสียค่าเข้า 30 บาท
ทางเดินไปอุโมงค์
ต้นไม้ริมทาง
แล้วก็ถึงปากอุโมงค์
ข้างในมืด
ขากลับแวะชมน้ำตก
ช่วงบ่ายไปหาที่ถ่ายรูป ขับมอไซด์ประมาณ 9 นาที ก็ถึงเขตแดน
ฝั่งโน้นมาเลค่ะ ไปได้นิดนึง ถ้าไม่มีพาสปอตส์ ทางที่ดี ทำไปด้วยเลย แล้วก็เลยไปเที่ยวมาเล คราวนี้เราพลาด คราวหน้า จัดเต็ม ปิดท้ายวันที่สอง ด้วยตู้ไปรษณีใหญ่อีกตู้ ตู้นี้ใหม่ แต่ใหญ่กว่า
เหนื่อยแล้วก็เข้าที่พักนอนค่ะ พรุ่งนี้ ตีสี่ครึ่ง ค่อยไปต่อ
[CR] หนีร้อน แบกเป้ เที่ยวเบตง
เพื่อเก็บ และแบ่งปันประสบการณ์การทาง ร่วมทั้งเป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่อยากเดินทางไปเที่ยวค่ะ
ก่อนอื่น ต้องบอกว่าทริปนี้ เราเดินทางคนเดียวค่ะ อาศัยว่า มีพี่ที่รู้จักเป็นชาวอำเภอเบตง จึงได้สอบถามข้อมูลการเดินทางไว้บ้าง และอ่านจากกระทู้ของท่านที่เคยเดินทางไปแล้วบ้าง จึงพอสรุป ด้วยตัวเองว่า มีให้เราเลือก 4 รูปแบบ สำหรับการเดินทางโดย การโดยสารสาธารณะ คือ
1. นั่งรถทัวร์ไปเบตง ต่อเดียว
2. นั่งเครื่องลงหาดใหญ่ หรือนั่งรถไฟไปหาดใหญ่ ต่อรถตู้ ไปเบตง โดยผ่านทางมาเล ซึ่งเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่ได้รับการแนะนำว่า ปลอดภัย และสบายใจที่สุดสำหรับเราแต่ต้องทำพาสปอร์ต
3.นั่งเครื่องไปลงหาดใหญ่ ต่อรถตู้ ไปเบตง ผ่าน จังหวัดปัตตานี และอำเภอ กรงปินัง บันนังสตา ธารโต แล้วเข้าสู่เบตง อันนี้ น่ากลัวนิดๆ ลุ้นหน่อยๆ เพราะผ่านพื้นที่เสี่ยงเยอะมาก
4. นั่งรถไฟลงยะลา ขึ้นรถตู้ หรือ แท็กซี่เบนส์ จากยะลาเข้าเบตง ผ่านอำเภอ กรงปีนัง บันนังสตา ธารโต เข้าเบตง
ในตอนแรก เราเลือกที่จะไปทางมาเลค่ะ แต่ไม่มีเวลาไปทำพาสปอร์ต สุดท้ายเลยเลือกไปรถไฟ เพราะว่า ผ่านพื้นที่เสี่ยงน้อยกว่าไปเครื่องลงหาดใหญ่ คิดว่างั้นนะ555
เมื่อวางแผนเสร็จก็ จัดการจองตั๋วค่ะ จองประมาณอาทิตย์ที่สองของเดือนเมษายน เพราะกลัวเต็ม วันที่ไปก็เต็มจริงๆค่ะ
เราเดินทางโดยรถไฟ ดีเซลราง ขบวนที่ 41 ออกจากสถานนี้รถไฟบางซื่อในคืนวันที่29 เมษายน เวลาประมาณ ห้าทุ่ม นิดๆ รถไฟมาตรงเวลาค่ะ
เมื่อขึ้นรถไฟแล้ว เราก็ได้รับอาหารว่าง เป็นขนมปัง 1ชิ้น แล้วก็น้ำให้เลือกค่ะ น้ำเปล่า น้ำส้ม มีผ้า หนึ่งผืน สำหรับห่ม แล้วเราก็หลับ
เช้าประมาณ หกโมงนิดๆ เราตื่นค่ะ รถไฟอยู่ช่วงจังหวัดชุมพร เอาล่ะตื่นแล้วต้องล้างหน้าแปรงฟัน มีห้องน้ำแค่ 2 ห้องค่ะ ดังนั้นต้องนั่งอมขี้ฟันต่อคิวกันหน่อย 555
เช้านี้รถไฟแจกอาหารว่างเป็นขนมปัง แล้วก็มีชากับกาแฟ และน้ำเปล่าให้เลือกค่ะ ก็นั่งชมวิวไปเรื่อยจนกระทั่งเที่ยงมื้อนี้มีข้าวแจกค่ะ แต่ทางที่ดี ถ้าจะไป กรุณาห่อ ขนม ของกินไปบ้างนะคะ เน้นเลยค่ะ ประมาณบ่ายสองโมงรถไฟถึงหาดใหญ่ค่ะ จากตั๋วระบุเวลาไว้บ่ายสองครึ่งถึงยะลา อีกแค่ครึ่งชั่วโมงดังนั้นเราจัดการเก็บของพร้อมลงค่ะ
และแล้วความมันในการเดินทางก็มาถึง เหตุการณ์มันผิดแผนเมื่อ รถไฟจอดที่สถานีหาดใหญ่ ถึงบ่ายสองครึ่ง อ่าว งานเข้า รถเสียเวลา จะถึงกี่โมงละเนี่ย พอคิดเสร็จเท่านั้น พนักงานเดินมาบอกว่า ผู้โดยสารต้องลงจากรถ เนื่องจากรถมีปัญหาไม่สามารถไปต่อได้ และให้ไปติดต่อ ที่ด้านหน้าประชาสัมพันธ์ พอลงจากรถ เจ้าหน้าที่บอกว่า จะจัดรถทัวร์ไปส่ง เอาล่ะ สบายใจโลงอก แต่ว่ารถทัวร์ต้องไปส่งคนที่ปัตตานีแล้วไปยะลา แต่แล้วก็มีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งบอกว่าถ้าอย่างนี้กว่าจะถึงยะลาก็ใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง 555 เอาแล้วไง จะเข้าเบตงไงล่ะ รถน่าจะหมดประมาณสี่โมงครึ่ง เลยรีบติดต่อพี่ที่รู้จักที่เบตงทันที แต่ว่าโทรไปหลายรอบพี่ท่านก็ไม่รับ งานเข้าละสิ ต้องช่วยเหลือตัวเองก็เลยเดินไปทำความรู้จักกับสาวๆกลุ่มหนึ่ง เขาบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้เขาก็แย่ต้องไปต่ออีกไกล เราก็เลยบอกว่าเราก็เหมือนกันจะไปเบตง ยังไม่รู้จะไปยังไงมาคนเดียวด้วยเรามาเที่ยว การรวมกลุ่มกันเลยได้ต่อรองกับทางรถไฟว่าขอรถตู้ต่างหากเพราะเราต้องไปไกล ซึ่งจะไปต่อไม่ได้ ทางรถไฟจึงจัดรถตู้ให้สำหรับผู้ที่อยู่ไกลจำนวน10คน และด้วยความโชคดี เลยได้เจอน้องผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเบตง เลยบอกน้องไปว่า พี่ขอเกาะน้องนะ น้องไปไหนพี่ไปด้วย ขอให้ถึงเบตง รถตู้วิ่งจากหาดใหญ่ ผ่านปัตตานี เข้ายะลา ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง ระหว่างการเดินทางมีฝนตกเป็นระยะ และ มีด่านทหาร อยู่เป็นระยะ
ถึงตัวเมืองยะลาก็ 5 โมงเย็น รถตู้หมด เลยต้องไปรถแท็กซี่ เบ็นส์ ฝนตกตลอดการเดินทางจากตัวเมืองยะลาเข้าเบตง
สำหรับคนที่ชอบความมัน โค้งเบตงมันจริงๆ พี่คนขับแท็กซี่ เข้าโค้งได้มันมาก สำหรับเราไม่เวียนหัว ไม่อาเจียนค่ะ ชอบมาก
ถึงอำเภอเบตง ทุ่มนิดๆ หาที่พักค่ะ ราคามีตั้งแต่ 690 บาท จนถึงหลักพัน แล้วแต่ความชอบ
เช้าวันแรกที่เบตง อากาศดีมากค่ะ
วันนี้เราเดินเล่นในตัวเมืองค่ะ ถ้าไม่ชอบเดินก็หาเช่ารถมอเตอร์ไซด์ได้ตามความสะดวกเลย
ในตัวเมืองก็จะมีของกิน หลายที่ แต่เราไม่ถนัดกิน 555 ดังนั้นไปเที่ยวต่อแล้วกัน
เราเดินไปวัดค่ะ
ขึ้นไปไหว้พระธาตุ
รูปวิวจากด้านบนพระพระมหาธาตุเจดีย์วัดนี้เป็นพระอารมหลวงค่ะ สะอาด สงบ สบายตา
มาเบตงก็ต้องมีรูปหอนาฬิกา
และตู้ไปรษณีย์ เบตงตู้ไปรษณีย์ใหญ่
เรามาดูบรรยากาศถนนบ้าง
สุขสงบดีค่ะ
ตอนเย็นไปแช่น้ำร้อนค่ะ
ระหว่างทางมีหิงห้อยด้วยนะคะ สวยเชียวตัวใหญ่กว่าอัมพวานะ แต่กล้องเราเป็นกล้องโทรศัพท์ เลยไม่สามารถ
เนื่องจากมืดเลยมองไม่ค่อยเห็นอะไร เช้าวันรุ่งขึ้นเลยกลับไปถ่ายรูปบ่อน้ำร้อนอีกครั้ง บ่อนี้เชื่อมต่อกับบ่อใหญ่ ให้ลงแช่ ว่าย ดำ มุด ได้ ตามสบายค่ะ ต้มไข่ได้นะ 7 นาที
จากนั้นก็ต่อด้วยไปเที่ยวอุโมงค์ค่ะ ขับมอเตอร์ไซด์ เลยบ่อน้ำร้อนไปอีกหน่อย วิวระหว่างทาง สวยๆ ถึงอุโมงค์แล้วค่ะ ตรงนี้เสียค่าเข้า 30 บาท ทางเดินไปอุโมงค์ ต้นไม้ริมทาง แล้วก็ถึงปากอุโมงค์ ข้างในมืด
ขากลับแวะชมน้ำตก
ช่วงบ่ายไปหาที่ถ่ายรูป ขับมอไซด์ประมาณ 9 นาที ก็ถึงเขตแดน ฝั่งโน้นมาเลค่ะ ไปได้นิดนึง ถ้าไม่มีพาสปอตส์ ทางที่ดี ทำไปด้วยเลย แล้วก็เลยไปเที่ยวมาเล คราวนี้เราพลาด คราวหน้า จัดเต็ม ปิดท้ายวันที่สอง ด้วยตู้ไปรษณีใหญ่อีกตู้ ตู้นี้ใหม่ แต่ใหญ่กว่า เหนื่อยแล้วก็เข้าที่พักนอนค่ะ พรุ่งนี้ ตีสี่ครึ่ง ค่อยไปต่อ