เบตงเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทยอยู่ในจังหวัดยะลา ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่พอได้ยินชื่อว่า 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ไม่มีใครกล้ามาเที่ยว แต่ผมได้ยินคำนี้มานานแล้ว "OK เบตง" คำๆนี้ผมได้ยินมานานมาก จึงทำให้ผมต้องแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเยี่ยมเมืองนี้สักครั้ง
การเดินทางครั้งนี้ผมขอขอบคุณเพจโอเคเบตง ที่ให้ข้อมูลต่างๆได้ครบถ้วนมากๆ ทั้งการเดินทาง ที่พัก ที่เที่ยว ฯลฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.xn--42cg5bt7g4ebm.com/
ผมเดินทางโดยนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ครับ โดยได้โทรนัดให้รถตู้มารับที่สนามบินครับ รถตู้วิ่งระหว่างหาดใหญ่-เบตง ถ้าวิ่งเข้าทางไทย ราคาจะอยู่เที่ยวละ 230 บาท ถ้าวิ่งเข้าทางมาเลยเซียเที่ยวละ 400 บาท (ถ้าใครเมาโค้งผมแนะนำให้เข้าทางมาเลยเซียครับ พกพาสปอร์ตไปด้วยนะครับ) และถ้าให้รถตู้มารับที่สนามบินเขาจะบวกเพิ่มจากราคาปกติ 150 - 200 บาท ซึ่งผมนั่งเข้าทางไทย ราคาก็ตกอยู่ที่ 380 บาท ข้อมูลดูได้ทางเพจโอเคเบตงเลยครับ
ตัดมาที่เบตงดีกว่าครับ ปกตินั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปเบตง จะใช้เวลาประมาณ 4 ช.ม. ถึง 4 ช.ม. ครึ่ง แต่วันนั้นฝนตกหนักตลอดทาง
ผมเลยใช้เวลาเกือบ 5 ช.ม. ครึ่ง กว่าจะถึง รถออกจากหาดใหญ่ 11.00 มาถึงเบตง 16.20 โชคดีที่มีผู้โดยสารแค่สี่คน เลยนอนเหยียดยาวได้สบาย ผมเลือกพักที่ FOTO HOSTEL ครับ ซึ่งเป็น HOSTEL แห่งเดียวในเบตง บรรยากาศอบอุ่นมากครับ โดยเฉพาะพี่เจ้าของ ใจดีมากๆครับ รายละเอียดที่พัก ดูได้ในเพจโอเคเบตง เช่นเดิมครับ เมืองเบตงตอนนี้จัดได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวเลยล่ะครับ จากที่ได้สัมผัส แต่อย่างที่บอกครับ คนไทยเราไม่ค่อยกล้ามาเที่ยว ทั้งที่ผมว่ามันปลอดภัยนะครับ การเดินทางเราก็มาตามถนนเส้นหลักที่ไม่อันตรายเลย มีด่านตรวจตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่จะมีแต่คนมาเลเซียและคนจีน มาเที่ยวกันเต็มเมือง ยิ่งตอนที่ผมนั่งรถตู้มานี่ ก็ได้นั่งมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจีนสองคน ที่บินมาลงหาดใหญ่เพื่อต่อรถไปเที่ยวเบตง
วันแรกก็ไม่มีอะไรมากครับก็เดินชมเมืองยามค่ำคืน เดินมาที่หอนาฬิกาเป็นอันดับแรก
ยามค่ำคืนก็จะมีนกนางแอ่นมาเกาะสายไฟแถวๆหอนาฬิกาครับ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างหนึ่ง
ข้างๆหอนาฬิกาก็จะเป็นตู้ไปรษณีย์ยักษ์ครับ แต่ยังไม่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเราจะไปในวันต่อไป
เดินถัดมาก็เป็นอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์แห่งแรกของไทยที่เจาะภูเขาเพื่อให้รถวิ่งผ่าน
จบหัวข้อกระทู้ครับ จากนี้ขอใช้การตอบกระทู้เพื่อแยกเป็นสถานที่เที่ยวแต่ละที่นะครับ
ชื่อสินค้า: เบตง, เบตง ใต้สุดแดนสยาม, ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง, อุโมงค์ปิยะมิตร, สวนดอกไม้เมืองหนาว, น้ำพุร้อน
[CR] เบตง เมืองดีๆ ที่อยากให้คนไทยมาเที่ยว (รูปเยอะหน่อย ค่อยๆอัพ)
การเดินทางครั้งนี้ผมขอขอบคุณเพจโอเคเบตง ที่ให้ข้อมูลต่างๆได้ครบถ้วนมากๆ ทั้งการเดินทาง ที่พัก ที่เที่ยว ฯลฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมเดินทางโดยนั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ครับ โดยได้โทรนัดให้รถตู้มารับที่สนามบินครับ รถตู้วิ่งระหว่างหาดใหญ่-เบตง ถ้าวิ่งเข้าทางไทย ราคาจะอยู่เที่ยวละ 230 บาท ถ้าวิ่งเข้าทางมาเลยเซียเที่ยวละ 400 บาท (ถ้าใครเมาโค้งผมแนะนำให้เข้าทางมาเลยเซียครับ พกพาสปอร์ตไปด้วยนะครับ) และถ้าให้รถตู้มารับที่สนามบินเขาจะบวกเพิ่มจากราคาปกติ 150 - 200 บาท ซึ่งผมนั่งเข้าทางไทย ราคาก็ตกอยู่ที่ 380 บาท ข้อมูลดูได้ทางเพจโอเคเบตงเลยครับ
ตัดมาที่เบตงดีกว่าครับ ปกตินั่งรถตู้จากหาดใหญ่ไปเบตง จะใช้เวลาประมาณ 4 ช.ม. ถึง 4 ช.ม. ครึ่ง แต่วันนั้นฝนตกหนักตลอดทาง
ผมเลยใช้เวลาเกือบ 5 ช.ม. ครึ่ง กว่าจะถึง รถออกจากหาดใหญ่ 11.00 มาถึงเบตง 16.20 โชคดีที่มีผู้โดยสารแค่สี่คน เลยนอนเหยียดยาวได้สบาย ผมเลือกพักที่ FOTO HOSTEL ครับ ซึ่งเป็น HOSTEL แห่งเดียวในเบตง บรรยากาศอบอุ่นมากครับ โดยเฉพาะพี่เจ้าของ ใจดีมากๆครับ รายละเอียดที่พัก ดูได้ในเพจโอเคเบตง เช่นเดิมครับ เมืองเบตงตอนนี้จัดได้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวเลยล่ะครับ จากที่ได้สัมผัส แต่อย่างที่บอกครับ คนไทยเราไม่ค่อยกล้ามาเที่ยว ทั้งที่ผมว่ามันปลอดภัยนะครับ การเดินทางเราก็มาตามถนนเส้นหลักที่ไม่อันตรายเลย มีด่านตรวจตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่จะมีแต่คนมาเลเซียและคนจีน มาเที่ยวกันเต็มเมือง ยิ่งตอนที่ผมนั่งรถตู้มานี่ ก็ได้นั่งมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจีนสองคน ที่บินมาลงหาดใหญ่เพื่อต่อรถไปเที่ยวเบตง
วันแรกก็ไม่มีอะไรมากครับก็เดินชมเมืองยามค่ำคืน เดินมาที่หอนาฬิกาเป็นอันดับแรก
ยามค่ำคืนก็จะมีนกนางแอ่นมาเกาะสายไฟแถวๆหอนาฬิกาครับ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างหนึ่ง
ข้างๆหอนาฬิกาก็จะเป็นตู้ไปรษณีย์ยักษ์ครับ แต่ยังไม่ใหญ่ที่สุด ซึ่งเราจะไปในวันต่อไป
เดินถัดมาก็เป็นอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์แห่งแรกของไทยที่เจาะภูเขาเพื่อให้รถวิ่งผ่าน
จบหัวข้อกระทู้ครับ จากนี้ขอใช้การตอบกระทู้เพื่อแยกเป็นสถานที่เที่ยวแต่ละที่นะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้