ถ้าคนที่อายุ 30 ตลอดกาล แล้วไม่รู้จะทำอะไรในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ใช้ชีวิตไปวันๆ กับการเลี้ยงหมา แล้วดูมันตาย รุ่นแล้วรุ่นเล่า (เหมือนในหนัง The Age of Adaline)

ผมว่ามันคงจะเป็นทุกขลาภมากๆ เลยนะ

รำพังคนธรรมดา ที่วันๆ ไม่รู้จะทำอะไร ยังน่าเบื่อ แล้วยิ่งถ้ามีชีวิตอมตะเนี่ย ผมว่ามันคงจะนรกชัดๆ สำหรับคนๆ นั้น

ดังนั้น หนังประเภทอมตะทั้งหลาย ถึงต้องใส่ภาระกิจอะไรซักอย่างให้กับชีวิตอมตะ อย่าง Highlander ที่ต้องไล่ฆ่าพวกอมตะด้วยกันเอง หรือแม้แต่ Vampire Twilight ที่จะต้องปกป้องมนุษย์จากแวมไพร์กระหายเลือด

เหมือนดั่งคำที่ว่า With great power comes great responsibility ในหนัง Spiderman คือ พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมภาระกิจที่ยิ่งใหญ่

นั่นหมายถึงว่า คนที่อยากมีอายุ 30 ตลอดกาล พวกคุณต้องค้นหาตัวเองให้พบก่อนว่า คุณรักที่จะทำอะไร และสามารถทำมันไปตลอดชีวิตของคุณได้ โดยไม่รู้สึกเบื่อ

คุณควรจะมีงานวิจัยอะไรมั้ย? เอาแบบที่ว่า สร้างผลงานวิจัยออกมาเรื่อยๆ ให้เป็นประโยชน์ต่อมุนษยชาติ

หรือคุณจะเป็นนักแต่งนิยาย? แต่งมันเข้าไปเป็นร้อยๆ เรื่อง ผลิตผลงานนิยายออกมาจรรโลงจิตใจมนุษย์โลกเรื่อยๆ

หรือเป็นนักประดิษฐ์อย่างนายสตาร์ค สร้างไอร่อนแมนเป็นร้อยๆ เวอร์ชั่น

ส่วนผม ผมแพลนไว้ว่า ผมจะเขียนซอฟท์แวร์ไปเรื่อยๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นวินโดว์ 10, 11 12 ... แอนดรอยด์ คิทแคท คองแครง ค๊อกแค๊ก ไม่ว่าเอ็งจะออกเวอร์ชั่นอะไรมา ผมก็ยังมีแรงพัฒนาซอฟท์แวร์ซัพพอร์ตมันได้เรื่อยๆ แหละ 55 ซอฟท์แวร์ผมเจ๋งทะลุโลกแน่

ส่วนสัตว์เลี้ยง ผมแพลนไว้ว่า ผมจะเลี้ยงปลาครับ พวกปลาหางนกยูง ปลาสอด เพราะปลาพวกนี้จะแพร่พันธ์ ออกลูกออกหลานมาเรื่อยๆ ตัวเก่าตาย ตัวใหม่เกิด แล้วหน้าตามันจะเหมือนๆ กันหมด ทำให้เราไม่รู้สึกว่ามันจะต้องตายจากเราไป มองไปในอ่างไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ร้อยปี ก็ยังเห็นมันว่ายดิ๊กๆๆๆ อยู่อย่างนั้นแหละ 55

ส่วนชีวิตทางสังคม ผมว่า ถ้าเรามีผลงานออกสู่โลกเป็นร้อยปีเนี่ย (ซอฟท์แวร์, นิยาย, งานวิจัย, งานประดิษฐ์ ฯลฯ) เราย่อมรวยอย่างแน่นอนครับ เราจะกลายเป็นเศรษฐีติดอันดับโลกไม่อันดับใดก็อันดับหนึ่งล่ะ นั่นหมายถึง คงไม่มีใครคิดจะมาจับมหาเศรษฐีไปทดลองทางวิทยาศาสตร์หรอก อย่างมากเราก็แถไปว่า ก็ผมรวยนี่ ผมมีเงินฉีดโบท๊อกได้ทุกวัน 55 มีไรป่าวว .. คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด จริงมั้ยครับ

แล้วคุณ แพลนอะไรไว้ครับ?? (สำหรับคนที่อยากอายุ 30 ตลอดกาลนะครับ)