รีวิวภาพยนตร์ "The Age of Adaline" [7.5/10]
บางครั้งที่เราดูภาพยนตร์โรแมนติก แล้วอยากจะมีชีวิตเป็นอมตะ ใช้ชีวิตอันมีความสุขอยู่กับคนรักไปตลอดกาล แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าความเป็นอมตะนั้น เราได้มันมาเพียงคนเดียว? เราไม่ต้องกลัวโรคภัยไข้เจ็บ หรือกลัววันเวลาจะทำให้เราแก่ลง เราสามารถอยู่ดูโลกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่ต้องอยู่มองคนที่ตัวเองรักค่อยๆตายลงไปทีละคน แล้วความอมตะแบบนี้มันจะมีความสุขจริงๆไหม?
จากตัวอย่างภาพยนตร์ จะพบว่า The Age of Adaline เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า อดาไลน์ วันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และอุบัติเหตุครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล อดาไลน์จะคงความสาว และร่างกายจะไม่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่คนรอบตัวของเธอนั้นยังคงเจ็บป่วย แก่ และตายได้ตามปกติ แม้แต่คนในครอบครัวของเธอก็ตาม ทำให้อดาไลน์ไม่อาจใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาได้ เธอไม่สามารถมีความรักแบบคนทั่วไปได้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้พบกับ เอลลิส ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างประทับใจกันแต่แรกเห็น ทำให้อดาไลน์ต้องตัดสินใจว่าจะวิ่งหนีความรักต่อไปหรือจะหยุดอยู่กับที่ แม้สุดท้ายแล้วความเป็นอมตะของเธอก็จะทำให้เจ็บปวดเพราะความรักอีกก็ตาม
ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้จะเป็นแนวดราม่า, โรแมนติก แต่ในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้อดาไลน์กลายเป็นคนพิเศษนั้นก็ยังมีการนำทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์มาใช้อ้างอิงบ้างให้มีความน่าเชื่อถือ การเล่าเรื่องไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป จุดดีของการเล่าเรื่องคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง ตามลำดับเวลา แต่เริ่มด้วยการที่อดาไลน์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วค่อยๆคลายปมให้เห็นเรื่องราวในอดีต ด้านเพลงประกอบถือว่าทำมาได้เหมาะสมและเข้ากันกับฉากนั้นๆ ส่วนในเรื่องของมุมกล้องนั้นส่วนมากทำได้ดี แต่ในบางมุมยังจัดองค์ประกอบไม่สวยอยู่บ้าง ทำให้ในบางมุมนั้นอดาไลน์จะดูสวยกว่าในบางฉาก แต่หากไม่สังเกตุมากนักก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
มาถึงข้อเสียกันบ้าง ส่วนตัวแล้วคิดว่าพลอตเรื่องมีความน่าสนใจ แต่ตัวบทนั้นยังพาไปไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น ตัวอย่างเช่น เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอดาไลน์นั้นไม่แก่ไม่ตาย และต้องผ่านมาหลายยุค แต่ตัวหนังกลับเล่าประเด็นตรงนี้เพียงเล็กน้อย แล้วเอาเวลาไปทุ่มกับฉากรักของคู่พระ-นางมากเกินไป โดยตัวหนังจะบอกแค่ว่าอดาไลน์อยู่มากี่ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีฉากที่ทำให้เห็นว่าผ่านอะไรมาเยอะ เท่าที่ควร ซึ่งหากมีฉากย้อนอดีตมากกว่านี้จะทำให้ผู้ชมเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร และเป็นไปตามเป้าหมายของพล็อตที่ตัวหนังวางไว้มากกว่านี้
สรุปคะแนนส่วนตัว: 7.5/10
อ่านรีวิวอื่นๆ:
http://on.fb.me/1PuC4xC
[CR] รีวิวภาพยนตร์ "The Age of Adaline"
บางครั้งที่เราดูภาพยนตร์โรแมนติก แล้วอยากจะมีชีวิตเป็นอมตะ ใช้ชีวิตอันมีความสุขอยู่กับคนรักไปตลอดกาล แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าความเป็นอมตะนั้น เราได้มันมาเพียงคนเดียว? เราไม่ต้องกลัวโรคภัยไข้เจ็บ หรือกลัววันเวลาจะทำให้เราแก่ลง เราสามารถอยู่ดูโลกเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่ต้องอยู่มองคนที่ตัวเองรักค่อยๆตายลงไปทีละคน แล้วความอมตะแบบนี้มันจะมีความสุขจริงๆไหม?
จากตัวอย่างภาพยนตร์ จะพบว่า The Age of Adaline เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า อดาไลน์ วันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และอุบัติเหตุครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล อดาไลน์จะคงความสาว และร่างกายจะไม่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่คนรอบตัวของเธอนั้นยังคงเจ็บป่วย แก่ และตายได้ตามปกติ แม้แต่คนในครอบครัวของเธอก็ตาม ทำให้อดาไลน์ไม่อาจใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาได้ เธอไม่สามารถมีความรักแบบคนทั่วไปได้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอได้พบกับ เอลลิส ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างประทับใจกันแต่แรกเห็น ทำให้อดาไลน์ต้องตัดสินใจว่าจะวิ่งหนีความรักต่อไปหรือจะหยุดอยู่กับที่ แม้สุดท้ายแล้วความเป็นอมตะของเธอก็จะทำให้เจ็บปวดเพราะความรักอีกก็ตาม
ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้จะเป็นแนวดราม่า, โรแมนติก แต่ในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้อดาไลน์กลายเป็นคนพิเศษนั้นก็ยังมีการนำทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์มาใช้อ้างอิงบ้างให้มีความน่าเชื่อถือ การเล่าเรื่องไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป จุดดีของการเล่าเรื่องคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เล่าเรื่องเป็นเส้นตรง ตามลำดับเวลา แต่เริ่มด้วยการที่อดาไลน์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วค่อยๆคลายปมให้เห็นเรื่องราวในอดีต ด้านเพลงประกอบถือว่าทำมาได้เหมาะสมและเข้ากันกับฉากนั้นๆ ส่วนในเรื่องของมุมกล้องนั้นส่วนมากทำได้ดี แต่ในบางมุมยังจัดองค์ประกอบไม่สวยอยู่บ้าง ทำให้ในบางมุมนั้นอดาไลน์จะดูสวยกว่าในบางฉาก แต่หากไม่สังเกตุมากนักก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
มาถึงข้อเสียกันบ้าง ส่วนตัวแล้วคิดว่าพลอตเรื่องมีความน่าสนใจ แต่ตัวบทนั้นยังพาไปไม่ถึงจุดที่ควรจะเป็น ตัวอย่างเช่น เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอดาไลน์นั้นไม่แก่ไม่ตาย และต้องผ่านมาหลายยุค แต่ตัวหนังกลับเล่าประเด็นตรงนี้เพียงเล็กน้อย แล้วเอาเวลาไปทุ่มกับฉากรักของคู่พระ-นางมากเกินไป โดยตัวหนังจะบอกแค่ว่าอดาไลน์อยู่มากี่ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีฉากที่ทำให้เห็นว่าผ่านอะไรมาเยอะ เท่าที่ควร ซึ่งหากมีฉากย้อนอดีตมากกว่านี้จะทำให้ผู้ชมเข้าใจอารมณ์ของตัวละคร และเป็นไปตามเป้าหมายของพล็อตที่ตัวหนังวางไว้มากกว่านี้
สรุปคะแนนส่วนตัว: 7.5/10
อ่านรีวิวอื่นๆ: http://on.fb.me/1PuC4xC