เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ลั่นไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล หลังขาดทุน 300 ล้านบาท (ข่าวแปะ)

เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ลั่นไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล หลังขาดทุน 300 ล้านบาท
http://hilight.kapook.com/view/119748


             เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ลั่น ขาดทุนทีวีดิจิตอล 300 ล้านบาท ลั่น ไม่จ่ายค่าใบอนุญาต เร่งหาพาร์ทเนอร์มาช่วยแก้วิกฤต พบมีรายชื่อ คน คสช.- ทายาทโอสถสภา - กระจกไทย โผล่ร่วมหุ้น

            เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า หลังจากที่ นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย์ หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล  
ได้ออกมายอมรับว่าตนคาดการณ์ผิด เพราะหลังจากผันตัวเองมาทำธุรกิจทีวีดิจิตอลนั้น
ตนได้ขาดทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท นอกจากนี้ นางพันธุ์ทิพา ยังยืนยันว่า จะไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลในปีนี้แน่นอน เพราะถือว่าเป็นความผิดของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีอีกหลายช่องร่วมด้วย

            สำหรับในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น นางพันธุ์ทิพา เปิดเผยว่า ได้เจรจากับ บริษัท MV Television (MVTV)
ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการในทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง คือ ช่องข่าว และช่องเด็กและครอบครัว ตามช่องทางที่กฎหมายเปิดให้
คือ 40% หรือ 9 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวเป็นของ นายชัยยุทธ ทวีปวรเดช นักธุรกิจทีวีดาวเทียมอีกแห่ง

            นอกจากนี้ นางพันธุ์ทิพา ยืนยันชัดเจนว่า เรื่องนี้เป็นข้อตกลงทำธุรกิจร่วมกัน 5 ปี ไม่ใช่การขายหุ้นแต่อย่างใด
ซึ่งตนจะเข้าไปถือหุ้นใน MVTV จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นสัดส่วนเท่าใด
          และล่าสุดไทยทีวี ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 8% ทั้งนี้ นางพันธุ์ทิพา ก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นใคร

          ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนการทำธุรกิจของบริษัทไทยทีวี จำกัด ของ นางพันธุ์ทิพา หรือ เจ๊ติ๋มทีวีพูล  พบว่า
นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 ซึ่งมีทุนเริ่มต้น จำนวน 1 ล้านบาท
            บริษัทฯ มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนจำนวน 4 ครั้ง
            ครั้งที่ 1  เมื่อวันที่  10 ตุลาคม 2556  เพิ่มเป็นวงเงิน 200 ล้านบาท
            ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่  29 มกราคม 2557 เพิ่มเป็นวงเงิน 400 ล้านบาท
            ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 เพิ่มเป็นวงเงิน 600 ล้านบาท
            ครั้งที่ 4  เมื่อวันที่  8 พฤษภาคม 2557 เพิ่มเป็นวงเงิน  800 ล้านบาท
            จากการตรวจสอบพบว่า ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนครั้งที่ 1 นั้นเป็นเงินสดของ นางพันธุ์ทิพาและลูกชายอีก 3 คนดังนี้
            - เงินสดของ นางพันธุ์ทิพา จำนวน 109,200,000 บาท
            - เงินสดของ นายกันต์พงษ์ ศกุณต์ไชย 30 ล้านบาท, นายโชกุล ศกุณต์ไชย และนายนันท์ธกุณฑ์ ศกุณต์ไชย อีกคนละ  29,900,000 บาท
            ส่วนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 อีกจำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท  ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" เพียงคนเดียว

            สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 3 นั้น ตามรายงานระบุว่า เงินก้อนดังกล่าวมีแหล่งที่มาจาก
            - บริษัท โอสถสภา จำกัด จำนวน 10 ล้านบาท
            - นายณัฐกิตติ์ โสภาคดิษฐพงษ์ จำนวน 10 ล้านบาท
            - นายธรรมจักร พานิชชีวะ จำนวน 30 ล้านบาท
            - นายประธาน ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,340 บาท
            - นายรัตน์ โอสถานุเคราะห์  จำนวน 13,333,330 บาท
            - นายธนา ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,330 บาท
            - นางพันธุ์ทิพา จำนวน 110 ล้านบาท

            ส่วนการเพิ่มทุน ครั้งที่ 4 นั้นตามรายงานระบุที่มาแหล่งเงินจาก นางพันธุ์ทิพา เพียงคนเดียว
           ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2558 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราระบุว่า บริษัท ไทยทีวี มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการใหม่
โดยเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียงชื่อของ นางพันธุ์ทิพา ที่เป็นกรรมการเพียงคนเดียว โดยตามรายงานระบุว่า มีการเพิ่มขึ้นมา 8 ราย

            สำหรับรายชื่อ กรรมการบริษัทใหม่ มีดังนี้
            - นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย์
            - นายธวัชชัย สมุทรสาคร
            - พลเอกมงคล เผ่าพงษ์คล้าย (ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  
            - นายธนะชัย สันติชัยกูล
            - นายวิทัย รัตนากร
            - นายอภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ
            - นายธนาไชยประสิทธิ์
            - นายโชกุล ศกุณต์ไชย

          โดยข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น คือการเปลี่ยนแปลงล่าสุด ซึ่งโครงสร้างการบริหารบริษัท ไทยทีวี จำกัด ของนางพันธุ์ทิพา
หลังจากที่ประกาศว่าขาดทุน 300 ล้านบาทจากการทำธุรกิจทีวีดิจิตอล และกำลังหาพาร์ทเนอร์ใหม่ เข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น
สำนักข่าวอิศรา
-----
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่