ลูกสูบปั๊มเบรคไม่ดึงกลับ เป็นเพราะอะไรคับ

คือว่าเบรครถแต่ละที(เบรคหน้า) เบรคจะติดมากก
เลยปลดออกจากโช๊คหน้า แล้วถอดผ้าเบรคออกดู
แล้วลองกำเบรคดู (คือว่ามันเป็นลูกสูบคู่อ่ะคับ)
พอกำเบรคดู  อีกมันดันออกมาแล้วดึงกลับนะ  แต่อีกอันมันไม่กลับอ่ะ
แถมยังดันออกมาเรื่อยๆ  จนลูกสูบหลุดเลยอ่ะคับ  งงมาก?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
***** หลักการทำงานของ    "แม่ปั้มล่างแบบมีลูกสูบอยู่ด้านเดียว"      ด้านที่ไม่มีลูกสูบอยู่นั้น ผ้าเบรกจะหลุดจากจานเบรกได้ก็เพราะ    "การคืนตัวกลับของยางหุ้มสลักยึดแม่ปั้มเบรกทั้งสองข้าง"     ซึ่งการที่ยางหุ้มสลักเบรกจะสามารถดันให้ชุดแม่ปั้มเบรกล่างหลุดออกจากจานเบรกได้ ก็ต่อเมื่อ แกนในของสลักยึดแม่ปั้มเบรกล่างสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างคล่องตัว   ดังนั้น ถ้าสลักยึดแม่ปั้มเบรกมีการหล่อลื่นอย่างถูกต้องสามารถเคลื่อนตัวได้คล่องตัว เมื่อปล่อยเบรก แรงดันของยางหุ้มสลักยึดแม่ปั้มเบรกก็จะคืนตัว ทำให้แม่ปั้มเบรกล่างถอยตัวออกจากจานเบรกได้ 666


***** ส่วนฝั่งผ้าเบรกที่อยู่ติดกับลูกสูบเบรกนั้น  ลูกสูบเบรกด้านในแต่ละลูกจะมีโอริง วงกลมแต่ขอบหน้าตัดเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันอยู่ 2 วง วงในจะเป็นโอริงกันน้ำมันเบรกไม่ให้รั่วออกมาด้านนอก โอริงตัวนอกจะเป็นโอริงป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าไปในระบบเบรกได้  ซึ่งหลักการทำงานของโอริงทั้งสองตัวนี้ก็คือ    "การบิดตัวของโอริงรูปหน้าตัดสี่เหลี่ยม"     เมื่อมีการเบรก ขอบในของโอริงก็จะมีการบิดตัวเอียงออกไปด้านนอกตามแนวแรงของน้ำมันเบรกที่ดันมาจากฝั่งด้านใน ซึ่งจะทำให้ลูกสูบเบรกเลื่อนตัวออกไปด้านนอก โดยที่โอริงจะบิดตัวตามไปด้วย แต่เมื่อปล่อยเบรก      "ขอบโอริงด้านในที่ติดอยู่กับลูกสูบเบรกที่บิดตัวเอียงตามแรงดันของระบบเบรกก็จะคืนตัวกลับเข้าด้านในเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้ลูกสูบเบรกที่ติดอยู่กับโอริงด้านใน ถอยกลับมาพร้อมกับโอริงที่บิดตัวคืนมาในตำแหน่งเดิม"        ดังนั้น ถ้าโอริงทั้งสองตัวยัง  "มีความยืดหยุ่น"  อยู่ ลูกสูบเบรกจะต้องถอยกลับมาพร้อมกับการบิดตัวคืนของโอริงทั้งสองตัวแน่นอน แต่ถ้าปล่อยเบรกแล้วลูกสูบไม่กลับคืนมา ก็แสดงว่า โอริงทั้งสองตัวแข็งตัว หมดความยืดหยุ่นไปแล้ว ต้องเปลี่ยนสถานเดียวเท่านั้น 666


***** ส่วนในกรณีถ้าถามว่า ทำไมเมื่อผ้าเบรกหมดไปเรื่อยๆ แล้วลูกสูบเบรกก็เลื่อนออกมาเรื่อยๆ ไม่กลับเข้าแม่ปั้มเบรกทั้งหมด ... ก็เพราะ การบิดตัวของโอริงทั้งสองตัวจะได้แค่ค่าสูงสุดค่าหนึ่งตามที่แรงดันจากปั้มบนส่งมาหาพื้นที่หน้าตัดของของปั้มล่าง ซึ่งถ้าระยะห่างของผ้าเบรกกับจานเบรกมีมากกว่าระยะคืนตัวของโอริง ก็จะทำให้ลูกสูบเบรกจะสลิปเลื่อนออกไปอีกระยะหนึ่งจนผ้าเบรกชนกับจานเบรก ฤ จนกว่าแรงดันของปั้มบนหมดแรงส่ง (แรงดันมาก ฤ น้อย ก็มาจากสมการฟิสิกส์พื้นฐาน F1/A1 = F2/A2)  เช่น ถ้าโอริงสามารถบิดตัวให้ระยะได้ 0.5 ม.ม. เมื่อผ้าเบรกห่างจากจานเบรก 0.6 ม.ม. เมื่อเบรก ก็จะทำให้ลูกสูบเบรกเคลื่อนที่ไป 0.6 ม.ม. ทำให้ลูกสูบเบรกสลิปออกมา 0.1 ม.ม. เมื่อปล่อยเบรก ลูกสูบเบรกก็จะคืนตัวอยู่ 0.5 ม.ม. ตามความสามารถคืนตัวของโอริง ซึ่งก็ทำให้ลูกสูบเบรกมีระยะที่พ้นออกจากแม่ปั้มเบรกล่าง 0.1 ม.ม.   ... ซึ่งเมื่อผ้าเบรกบางลง ฤ จานเบรกบางลง ทำให้ระยะห่างเพิ่มขึ้น ลูกสูบเบรกก็จะสลิปออกไปเรื่อยๆ ทีละนิดเช่นกัน ... และในกรณีแม่ปั้มเบรกที่มีลูกสูบเบรกทั้งสองด้าน ก็จะใช้หลักการเดียวกันนี้ทั้งสองด้านครับ 666



***** ดังนั้น  ถ้าระบบเบรกชุดล่างมีการหล่อลื่นแบบ  "ถูกต้อง"   ผ้าเบรกทั้งสองฝั่งเมื่อปล่อยเบรกแล้ว ถ้าเป็นแบบลูกสูบฝั่งเดียว ฝั่งที่ไม่มีลูกสูบเบรก ผ้าเบรกจะสามารถจากออกจากจานเบรกได้ ก็เพราะ แรงดันคืนตัวของยางหุ้มสลักยึดแม่ปั้มเบรก, ส่วนผ้าเบรกฝั่งที่มีลูกสูบเบรก ผ้าเบรกจะสามารถจากออกจากจานเบรกได้ ก็เพราะ การคืนตัวของแรงบิดของโอริงทั้งสองตัว (ต่อหนึ่งลูกสูบ) ที่อยู่ในแม่ปั้มเบรกครับ ถ้าฝั่งไหนไม่จาก ฤ ผ้าเบรกฝั่งไหนบางกว่าอีกฝั่งแบบมีนัยสำคัญ ก็ให้แก้ไขปังหาที่ฝั่งนั้นเท่านั้นเองครับ 666



****** ส่วนกรณีของแม่ปั้มบนนั้น ลูกสูบของชุดปั้มบนถ้าเบรกแข็งทื่อเหมือนกดแล้วเบรกไม่อยู่ แต่ถ้ากดเบรกเพิ่มอีกนิดแล้วล้อล็อกเลยนั้น ก็มาจากยางในชุดลูกสูบตัวบนแข็งตัว ทำให้การยืดหยุ่นแบบเบรกนิ่มตามปกติหมดไป วิธีแก้ก็ต้องเปลี่ยนลูกสูบปั้มบนเท่านั้นเองครับ ส่วนเรื่องสปริงของชุดลูกสูบปั้มบนเป็นสนิมนั้น มีกรณีเดียวเท่านั้นก็คือ พวกที่ไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเบรกเลย ... น้ำมันเบรกไม่ได้ทำมาจากน้ำ แต่ทำมาจากสารเคมี ทำให้เหล็กสปริงไม่เป็นสนิม แต่น้ำมันเบรกมีข้อเสียอย่างนึงก็คือ สามารถรวมตัวกับความชื้นในอากาศได้แบบสมบูรณ์ ไม่ได้แยกชั้นเหมือนพวกน้ำมันเครื่อง ซึ่งความชื้นในอากาศนั้นสามารถเข้าในระบบเบรกได้จากรูเล็กๆ ที่อยู่ตรงฝาครอบปั้มบน ซึ่งหลักการทำงานของระบบเบรกจะไม่ได้เป็นสูญญากาศ แต่จะให้อากาศจากภายนอกเข้ามาแทนที่ได้ ถ้าผ้าเบรก ฤ จานเบรกบางลง ทำให้น้ำมันเบรกต้องไหลลงไปแทนที่ในชุดแม่ปั้มล่าง ซึ่งการที่อากาศที่มีความชื้นผสมอยู่เข้ามาในแม่ปั้มบน ก็จะทำให้  "จุดเดือดชื้น"   ลงลงไปเรื่อยๆ  (ในไทย ค่านี้สำคัญกว่าจุดเดือดซะอีก แต่ไม่มีใครสนใจเลย)  และเมื่อความชื้นในอากาศเข้าไปผสมอยู่กับน้ำมันเบรก ก็ทำให้น้ำมันเบรกมีปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะทำให้เหล็กสปริงเริ่มเป็นสนิมและความเป็นสปริงก็จะลดลงไปเรื่อยๆ วิธีป้องกันก็คือ เปลี่ยนน้ำมันเบรกบ่อยขึ้น ถ้าของมอไซค์ ก็ปีละครั้งช่วงปีใหม่หลังหน้าฝนแล้วก็ได้  ของรถยนต์ก็ 2 ปีครั้งก็ได้ เพราะ ความชื้นในอากาศซึมเข้าระบบเบรกอยู่ตลอดเวลา ไม่เกี่ยวข้องกับระยะทางการวิ่งของรถแต่อย่างใด ยิ่งถ้าไปอยู่บริเวณที่มีความชื้นสูง มีฝนตกตลอด พวกนั้นสมควรเปลี่ยนน้ำมันเบรกให้เร็วขึ้นด้วยซ้ำไปครับ 666


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่