ความกลัวทำให้เสื่อม
อมตะวาจาของนักการเมืองผู้หนึ่ง ที่ได้กล่าวไว้ แม้เจ้าของวลีจะไม่ได้อยู่เป็นหลักคอยแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมืองแล้วก็ตามแต่ถ้อยคำประโยคนี้เหมาะสมที่จะใช้บ่งบรรยายสภาพสังคมการปกครองของประเทศเราเสียเหลือเกิน
ประเทศประชาธิปไตยกลับพยายามร่างรัฐธรรมนูญกีดกันประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจ
เพียงเพราะคนบางพวกกลัวว่าหากให้เจ้าของอำนาจที่แท้จริงใช้อำนาจของตัวเอง และฝ่ายตนจะสูญเสียอำนาจ ทั้งๆที่สิ่งนั้นไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นของส่วนรวม เพียงแค่ตัวเองกระสันจะครอบครองไว้ และทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไว้ให้นานแสนนาน ซึ่งผลแห่งความกลัวนั้น ก็ทำให้ประชาธิปไตยของชาติเสื่อมลงหรือไม่ พวกท่านล้วนรู้ดีแก่ใจ
บุคคลากรในสถาบันตุลาการ 1 ใน 3 อำนาจที่คานกันในระบบประชาธิปไตย กลับยอมรับการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยด้วยกำลังทหาร ด้วยคำพูดที่สวยหรู ว่า “รัฏฐาธิปัตย์” โดยอ้างข้างๆคูๆว่าเป็นสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาในระบอบการปกครองไทยในทุกสมัย ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่ว่าจากฝ่ายไหน ล้วนระบุว่าการ ปฏิวัติ รัฐประหาร เป็นความผิดและมีโทษร้ายแรง แต่เพราะคนบางคน กลัวไม่มีเหตุผลรองรับจึงอ้างสิ่งที่ผิดเหล่านี้ว่าเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ เคยคิดบ้างไหมว่า หากบุคคลอื่นในภาคส่วนสังคมนี้อ้างบ้าง จะเกิดอะไรขึ้น เช่น หญิงโสเภณี อ้างว่าการค้าประเวณีสามารถกระทำได้แม้กฎหมายในปัจจุบันจะห้ามไว้ เพราะในอดีตต่างก็ยอมรับกันอย่างเปิดเผยว่าเป็นอาชีพหนึ่งในสังคมนี้
ในยุครัตนโกสินทร์ยังมีกฎหมายตราสามดวงหลายมาตราว่าด้วยการค้าประเวณี เช่นนี้ และถือเป็นข้ออ้างในระดับมาตรฐานเดียวกับการก่อรัฏฐาธิปัตย์ได้หรือไหม สถาบันตุลาการสามารถตอบได้ไหม ความเสื่อมต่อสถาบันที่ต้องยืนหยัดเพื่อความถูกต้องเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดจากความกลัวใช่หรือไม่ พวกท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ
อาจารย์เป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้กับลูกศิษย์
แต่กลับเอาอคติส่วนตัวยัดใส่แทนความรู้ที่จะถ่ายทอดให้กับนักเรียน เพียงเพราะกลัวว่าผู้ที่สนับสนุนฝ่ายตนจะมีจำนวนน้อยกว่าอีกฝ่าย จากสถาบันการศึกษาก็กลายเป็นสถานที่ครอบงำแนวความคิด นักเรียนนักศึกษาที่จบมาจากสถาบันเหล่านั้น ก็ไม่ได้ยึดถือเนื้อหาที่ถูกต้องตามตำรา ไปยึดถือสิ่งที่ตรงข้ามกับตำราตามแนวคิดของครูบาอาจารย์บางคน สถานศึกษาเสื่อมไหม วิชาชีพครูเสื่อมหรือไม่ พวกท่านล้วนรู้ดีแก่ใจ
การใช้สงครามสื่อแย่งชิงมวลชน ทั้งที่ปากทุกคนล้วนบอกว่า ประเทศชาติต้องการความสมัครสมานสามัคคี แต่ทุกวันนี้ที่ทำกันอยู่ ล้วนแต่ยุแยง เสี้ยม ด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง ทำกันเป็นกิจวัตรประจำวัน เพียงเพราะทุกคนต่างกลัวว่าภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายจะดีกว่า ผลที่ตามมา ก็คือความเสื่อมในทุกระดับชั้นของสังคม ความสามัคคีหายไปแล้ว เหลือแต่ความเกลียดชังอาฆาตแค้นกันเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความกลัวใช่หรือไม่ ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ
ทางออกอยู่ที่ไหน ทางแก้อยู่ที่ใด ทุกคนล้วนมีสติปัญญาที่จะไตร่ตรองคิดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ส่วนตัวผมเองเมื่อระลึกที่คำพูดของท่าน สมัคร สุนทรเวช ที่ว่า ความกลัวทำให้เสื่อม ผมก็รู้แล้ว ว่าต้องทำเช่นไร
ปล. ต้องขอขอบคุณ คุณทวดเอง มากครับ ที่กรุณาชี้ช่องทางผ่านข้อความที่มีแต่ความห่วงใยมาถึงผม ผมรู้แล้วครับ ว่าผมควรทำเช่นไร จุดยืนของผมควรอยู่ ณ และจุดใดจึงจะเหมาะสม
ขอบคุณครับ
ความกลัวทำให้เสื่อม
อมตะวาจาของนักการเมืองผู้หนึ่ง ที่ได้กล่าวไว้ แม้เจ้าของวลีจะไม่ได้อยู่เป็นหลักคอยแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมืองแล้วก็ตามแต่ถ้อยคำประโยคนี้เหมาะสมที่จะใช้บ่งบรรยายสภาพสังคมการปกครองของประเทศเราเสียเหลือเกิน
ประเทศประชาธิปไตยกลับพยายามร่างรัฐธรรมนูญกีดกันประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจ เพียงเพราะคนบางพวกกลัวว่าหากให้เจ้าของอำนาจที่แท้จริงใช้อำนาจของตัวเอง และฝ่ายตนจะสูญเสียอำนาจ ทั้งๆที่สิ่งนั้นไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นของส่วนรวม เพียงแค่ตัวเองกระสันจะครอบครองไว้ และทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไว้ให้นานแสนนาน ซึ่งผลแห่งความกลัวนั้น ก็ทำให้ประชาธิปไตยของชาติเสื่อมลงหรือไม่ พวกท่านล้วนรู้ดีแก่ใจ
บุคคลากรในสถาบันตุลาการ 1 ใน 3 อำนาจที่คานกันในระบบประชาธิปไตย กลับยอมรับการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยด้วยกำลังทหาร ด้วยคำพูดที่สวยหรู ว่า “รัฏฐาธิปัตย์” โดยอ้างข้างๆคูๆว่าเป็นสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาในระบอบการปกครองไทยในทุกสมัย ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่ว่าจากฝ่ายไหน ล้วนระบุว่าการ ปฏิวัติ รัฐประหาร เป็นความผิดและมีโทษร้ายแรง แต่เพราะคนบางคน กลัวไม่มีเหตุผลรองรับจึงอ้างสิ่งที่ผิดเหล่านี้ว่าเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ เคยคิดบ้างไหมว่า หากบุคคลอื่นในภาคส่วนสังคมนี้อ้างบ้าง จะเกิดอะไรขึ้น เช่น หญิงโสเภณี อ้างว่าการค้าประเวณีสามารถกระทำได้แม้กฎหมายในปัจจุบันจะห้ามไว้ เพราะในอดีตต่างก็ยอมรับกันอย่างเปิดเผยว่าเป็นอาชีพหนึ่งในสังคมนี้ ในยุครัตนโกสินทร์ยังมีกฎหมายตราสามดวงหลายมาตราว่าด้วยการค้าประเวณี เช่นนี้ และถือเป็นข้ออ้างในระดับมาตรฐานเดียวกับการก่อรัฏฐาธิปัตย์ได้หรือไหม สถาบันตุลาการสามารถตอบได้ไหม ความเสื่อมต่อสถาบันที่ต้องยืนหยัดเพื่อความถูกต้องเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดจากความกลัวใช่หรือไม่ พวกท่านย่อมรู้ดีแก่ใจ
อาจารย์เป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาให้กับลูกศิษย์ แต่กลับเอาอคติส่วนตัวยัดใส่แทนความรู้ที่จะถ่ายทอดให้กับนักเรียน เพียงเพราะกลัวว่าผู้ที่สนับสนุนฝ่ายตนจะมีจำนวนน้อยกว่าอีกฝ่าย จากสถาบันการศึกษาก็กลายเป็นสถานที่ครอบงำแนวความคิด นักเรียนนักศึกษาที่จบมาจากสถาบันเหล่านั้น ก็ไม่ได้ยึดถือเนื้อหาที่ถูกต้องตามตำรา ไปยึดถือสิ่งที่ตรงข้ามกับตำราตามแนวคิดของครูบาอาจารย์บางคน สถานศึกษาเสื่อมไหม วิชาชีพครูเสื่อมหรือไม่ พวกท่านล้วนรู้ดีแก่ใจ
การใช้สงครามสื่อแย่งชิงมวลชน ทั้งที่ปากทุกคนล้วนบอกว่า ประเทศชาติต้องการความสมัครสมานสามัคคี แต่ทุกวันนี้ที่ทำกันอยู่ ล้วนแต่ยุแยง เสี้ยม ด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง ทำกันเป็นกิจวัตรประจำวัน เพียงเพราะทุกคนต่างกลัวว่าภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายจะดีกว่า ผลที่ตามมา ก็คือความเสื่อมในทุกระดับชั้นของสังคม ความสามัคคีหายไปแล้ว เหลือแต่ความเกลียดชังอาฆาตแค้นกันเท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความกลัวใช่หรือไม่ ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ
ทางออกอยู่ที่ไหน ทางแก้อยู่ที่ใด ทุกคนล้วนมีสติปัญญาที่จะไตร่ตรองคิดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ส่วนตัวผมเองเมื่อระลึกที่คำพูดของท่าน สมัคร สุนทรเวช ที่ว่า ความกลัวทำให้เสื่อม ผมก็รู้แล้ว ว่าต้องทำเช่นไร
ปล. ต้องขอขอบคุณ คุณทวดเอง มากครับ ที่กรุณาชี้ช่องทางผ่านข้อความที่มีแต่ความห่วงใยมาถึงผม ผมรู้แล้วครับ ว่าผมควรทำเช่นไร จุดยืนของผมควรอยู่ ณ และจุดใดจึงจะเหมาะสม