สวัสดีชาว Pantip ทุกท่านที่เข้ามาชมรีวิวของดาด้านะจ้า
หมายเหตุ : หากดาด้าใช้คำ  ค่ะ น่ะคะ คะ ผิด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
เริ่มกันเลยนะจ้า หลังจากที่ปีที่แล้ว 2014 ได้ทำรีวิวเที่ยวฮ่องกงกับทัวร์ ตามลิ้งค์
http://ppantip.com/topic/32507122
ปีนี้ 2015 เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์หยุดหลายวัน ไม่รู้จะไปไหนดี ซึ่งตอนช่วงเดือน มีนาคมตั้งใจว่า
สงกรานต์จะไปเขื่อนรัชชประภา ไม่ก็แพ กาญจนบุรี แต่ปรากฏว่า ที่พักเต็มตั้งแต่ช่วงงานไทยเที่ยวไทยจ้า
ประกอบกับอากาศร้อนมาก คิดไปคิดมา 12-15 ไปไหนดีๆ แล้วก็ป๊ะกับทัวร์เกาหลี 4วัน2คืน ที่เกาะเชจู
จึงเข้า pantip ดูรีวิว แล้วก็คิดในใจ เฮ้ย มันใช่เลย เที่ยวธรรมชาติ (เนื่องจากท่านแม่ไม่ชอบเที่ยวชอปปิ้ง)
หลังจากนั้นจึงตัดสินใจติดต่อบริษัททัวร์ในการเที่ยว เกาะเชจูช่วงวันที่ 12-15 เมษายน 2558 คร้าบบบ

ในช่วงที่หาทัวร์ตอนนั้นก็ปลายเดือนมีนาคมแล้ว ซึ่งติดต่อที่ไหนๆไปก็มีแต่ ช่วงพีเรียดนั้นเต็มค่ะ โทรไป3ที่ก็เต็มค่ะ
จนกระทั่งเราไปเจอบริษัทนึง ชื่อ Amazingท่องเที่ยว(ชื่อบริษัทเป็นภาษาอังกฤษนะจ้า) เราจึงโทรไปสอบถาม ปรากฏว่าพีเรียดเดินทางที่เราต้องการมีที่นั่งว่าง เยสสสส คิดในใจในที่สุดก็ได้ไปเที่ยวแล้ว แต่! ในความดีใจเราก็แอบหวิวๆเหมือนกัน จึงถามไปว่า ว่างกี่ที่นั่งค่ะ พนักงานรับสายตอบว่า 8 ที่นั่ง ตอนนั้นคิดในใจอีกที (คุณพระ มันใช่หรอ โทรไปสามสี่ที่ ช่วงสงกรานต์เต็มหมด ทำไมบริษัทนี้เหลือที่เยอะจัง) ตอนนั้นเราจึงจองไป 2 คน และรอเค้าอินว๊อยเมลล์การชำระเงินมา ต้องชี้แจงก่อนว่า พนักงานที่รับสาย (ชื่อคุณเปรม) พูดจาดีมาก รู้เลยว่าเค้าใส่ใจ เพราะฟังจากน้ำเสียงที่เป็นมิตรและไม่มีการพูดกระทบกระทั่งลูกค้า (ต้องขยายความตรงนี้ก่อนว่า เราไปเที่ยวกับทัวร์ทุกปี แต่ละครั้งเปลี่ยนบริษัทไปเรื่อยๆ การให้ข้อมูลจากพนักงานขายสำคัญมาก มีทริปนึงไปยุโรป เราก็เคยขอวีซ่า เราไม่รู้ว่าต้องใช้วงเงินเท่าไหร่เพื่อขอวีซ่า ในตอนนั้นพนักงานพูดประโยคนึงออกมาว่า “สเตสเม้นกระแสรายวัน ยิ่งติดลบด้วยแล้วแทบจะไม่ได้หรอกค่ะ แล้วคุณลูกค้ามีเงินสดในบัญชีสรุปมีเท่าไหร่ค่ะ หลักหมื่นนี่ หมื่นนึงก็เรียกหลักหมื่นนะค่ะ” คือประโยคนี้ถ้าพูดน้ำเสียงปกตินี่โอเคเราจะไม่ว่าเลยนะ แต่มันพูดออกแนวดูถูกอ่ะว่า คงไม่มีปัญหาขอวีซ่าผ่านหรอก ตอนนั้นเราจึงตัดประโยคบอกว่า ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะและวางสายไป หลังจากนั้นจึงหาบริษัทอื่นสำหรับทริปนั้น ซึ่งอีกบริษัทพนักงานให้รายละเอียดชี้แจงดีมาก เค้าบอกว่า “สเตสเม้นบัญชีกระแสรายวันติดลบไม่เป็นไรค่ะ บัญชีเงินฝากอีกบัญชีที่มีการฝากถอนเรื่อยๆคุณลูกค้าลองทยอยฝากเข้ามานะคะให้วงเงินเยอะหน่อยแล้วจึงทำเรื่องขอวีซ่าค่ะ”ซึ่งเราก็ทำตามคำแนะนำของพนักงานคนนี้ ปรากฏผ่าน  โดยที่ไม่ต้องยื่นอะไรเพิ่มเติม  โอเค นอกเรื่องไปไกลมาเข้าเรื่องละกันนะคะ เชจูของเรา

หลังจากที่เราได้อินว๊อยซ์ชำระเงินทางเมล์ ตอนนั้นเราเสริชเน็ตดูว่าบริษัทนี้จดทะเบียนจริงมั้ย ถูกแบล็คลิสมั้ย เพราะไม่ค่อยมีรีวิวของบริษัทนี้จาก pantip เท่าไหร่ แต่ในเมื่อบริษัทจะทะเบียนถูกต้อง สถานที่ตั้งมีจริง เราจึงวางใจไป 70% วันต่อมาวันจันทร์ เราจึงไปโอนเงินชำระค่าทัวร์ 2 คน คนละ 19900บาท (ช่วงเทศกาลค่าทัวร์จะแพงกว่าปกติค่ะ) แล้วก็โทรติดต่อไปบริษัทว่าโอนชำระแล้ว ตอนนั้นเราคิดได้เราจึงบอกพนักงานเพิ่มว่า รบกวนส่งใบเสร็จมาให้ทางเมล์ด้วยนะคะ จะทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายค่ะ ตอนนั้นผ่านไป 2 วันก็ยังไม่มีเมล์ส่งมา เราเริ่มใจแป้วแล้ว แต่สักพัก พี่พนักงานขายที่รับเรื่องเราก็ติดต่อมาบอกว่า ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้า กำลังทยอยเคลียร์ให้ลูกค้า ไม่เกินพรุ่งนี้เช้าจะเมล์ส่งมาให้  และเช้าวันถัดไปเราก็ได้รับเมล์ และพี่เค้าก็ติดต่อมาเรื่อยๆขอสำเนาหนังสือเดินทาง จนกระทั่งก่อนวันเดินทาง 3-4 วัน ก็มีเมล์กำหนดการเดินทาง จุดนัดหมายมา เราก็ดีใจ  ไชโย ได้ไปเที่ยวแว้ววว

ตัดภาพมาที่วันที่ 12 เมษายน 2558 เวลา 19:00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
ครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวเกาหลีครั้งที่ 2 เพราะเมื่อปี 2010 เราไปที่โซลกับท่านแม่มาแล้วรอบนึง ไปกับทัวร์เช่นกัน  เวลาหนึ่งทุ่ม ที่สนามบินคนเยอะมากกกกก กกก ที่สุด เราก็หาที่นั่งกับแ ม่ นั่งรอจนกระทั่ง 23:00 น. เวลานัดหมาย ตอนนั้นพนักงานมาตั้งป้ายกันแล้ว และเนื่องจากครั้งนี้เป็นทัวร์เหมาลำ บิน  eastar jet ทั้งลำจึงมีแต่คนไทย ตามจริงแล้วไฟล์ทเราออกตีสอง และเปิดเชคอินตอน หกทุ่ม แต่ปรากฏว่า ไฟล์ทดีเลย์ ตอนแรกดีเลย์เป็น 3:10 ผ่านไป 5 นาที  ดีเลย์เป็น 3:40 โอวว เป็นครั้งแรกของการเดินทางบนเครื่องบินของเราที่เจอเครื่องดีเลย์  หลังจากผ่านการเชคอิน โหลดกระเป๋า ตรวจหนังสือเดินทาง ก็มาถึงมหกรรม ชอปปิ้งจ้า Dutyfree เปิดบริการตลอด 24ชม แต่คนชอปตาจะปิดล่ะ ก็เล่นชอปปิ้งตอนตี2น่ะ อ่อมมม เดินๆๆ เลยสอยแป้งChanel มาตลับนึง จากนั้นเรากับท่านแม่จึงไปรอที่เกท ต้องเรียกว่าไปนั่งหลับรอเพราะ เกทยังไม่เปิดจ้า จวบจนกระทั่งเครื่องมาจอดเทียบตื่นเต้นๆสิได่ไปเที่ยวเมืองนอก (ตื่นเต้นตลอด) แล้วก็ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง เรากับแม่ได้แถวที่4 ติดหน้าต่าง เครื่องบินเป็นเครื่องลำเล็ก ที่นั่ง 3-3 ตอนนั้นก็คิดน่ะว่า โอว ชั้นต้องนั่งลำนี้ข้ามน้ำข้ามทะเล 5 ชม เลยหรอ เพราะปกติจะนั่งแต่เครื่อง 3-3-3 ไม่ก็ 3-4-3 หรือA380 ในการไปเที่ยวต่างประเทศ โอเคถึงเวลา takeoff แอร์ กัปตัน คนเกาหลีทั้งหมด แต่จะมีเสียงไทยในการบอกอีกที  และเมื่อเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ตอนนั้นเสียงเครื่องดังมาก คือมันดังอี๊ดดดดดดดด ไอ้เราก็ เอาแล้วไง คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองทุกคนด้วย  แต่พอเครื่องไต่ระดับความสูงที่โอเค เสียงดังก็หายไป  แอร์ก็ทำหน้าที่เสริฟอาหารว่าง (ขนมปังกับน้ำผลไม้) แล้วเราก็ข่มตาให้หลับ แต่มันหลับไม่ลงจริงๆ (ย่านอิหลี) เพราะเครื่องลำเล็ก ก็จะส่ายบ้าง แต่สุดท้าย เราก็ถึงสนามบินเกาะเชจูเรียบร้อย ตอนนั้นคึกขึ้นมาเลยจ้า อากาศที่นั่น ณ ตอนนั้น 15-18 องศา แถมมีฝนตกปรอยๆเล็กน้อย  ต้องบอกก่อนว่าเค้าจะแบ่งออกเป็น Bus รวม 5 Bus เรากับแม่อยู่ Bus5 รายชื่ออยู่2 คนสุดท้ายของBus ไม่ต้องสืบ เพราะเล่นจองก่อนเดินทางแค่สิบกว่าวัน  หลังจากผ่านด่าน ตม รับสัมภาระเรียบร้อย ก็แยกตามบัส  เหมือนเดิมค่ะ ท่านแม่จะต้องรีบไปจองที่นั่งแถวหน้าๆ (บ้านใครเป็นมั้ยค่ะ เวลาไปทัวร์ อาอี่ อาอึ้ม อาเจ่ก จะต้องรีบเดินนำไปจองที่นั่งแถวหน้าๆเสมอ คริคริ) และที่แรกที่เราจะไปนั่นคือ   ภูเขาฮัลลาซาล ที่จัดให้เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตอนนั้นฝนปรอยๆ มีท่านแม่คนเดียวที่เอาเสื้อฝนมาจากเมืองไทย จึงได้ชุดที่แหวกแนวกว่าใครจ้า อิอิ










หลังจากให้ถ่ายรูปเสร็จแล้ว สถานที่ต่อไป แน่นอนว่าคือ กิมมิค บนเกาะเชจูนะค่ะ Hello Kitty ซึ่งนั่งรถบัสไป20 นาทีก็ถึง เนื่องจากสถานที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ใกล้ๆกัน จึงไม่เสียเวลาในการเดินทางค่ะ และแล้วเราก็มาถึง บ้านของคุณคิตตี้



บรรยากาศภายใน  ต้องบอกก่อนว่า เค้าจัดแสงไฟได้เริ่ดมากกกจ้า เพราะถ่ายแบบ real ไม่ต้องใช้app
หน้าเราก็จะวิ๊งตลอกเวลา ภายในอาคารมี3 ชั้นจ้า  ชั้น3 จะมีทางเดินออกไป outdoor ด้วยน๊า

และหลังจากที่ถ่ายภาพเป็นที่พอใจแล้ว เราก็มาลองชิมขนมและกาแฟกันเลย

กาแฟที่เกาหลีจะเริ่มต้นที่ 5000 วอน หรือประมาณ 150-170 บาท ตามเรทเงินนะจ้า
ในการสั่งเมนู  เราก็สั่งๆๆๆ จ่ายเงิน แล้วเค้าจะให้เจ้าตัวเครื่องนี้มาว่ารอกี่นาที พอเสร็จไฟก็จะกระพริบๆขึ้นจ้า
หลังจากดื่มกาแฟและทานบราวนี่เสร็จแล้ว ก็ลงไปเดินดูสินค้าที่ทางออก  ซึ่งโดยส่วนตัวเราไม่ค่อนจะเป็นสาวกคิตตี้
จึงเลือกสินค้าเป็นของฝากให้น้องดีกว่า  ได้เสื้อยืดและสมุดโน้ตมาจ้า

แล้วก็ถึงเวลา รับประทานอาหารเที่ยง วันนี้เมนู  “พีบิมบับ ข้าวคลุกเกาหลี” อร่อยมากๆเลย และเค้าจะมีหม้อไฟด้วย ทานคู่เครื่องเคียง กิมจิ ถั่วงอก แต่ข้าวคลุกฟินมาก ขอบอก

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เดินทางต่อไปยัง O’sulloc tea house ไร่ชาเขียว ซึ่งเค้าการันตีว่าชาเขียวที่นี้ปลูกในดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด


ว๊าววทุ่งชาเขียวว เขียวขจี ฟินๆๆๆ

เซลฟี่กับผู้ช่วยไกด์ ชื่อลูลู่ เป็นนักศึกษาที่ทำงานพิเศษ (ช่างภาพ) เด่วจะมาเม้าท์ลูลู่ให้ฟังตอนท้ายจ้า


มาที่ตัวอาคารกันบ้าง สินค้าเกี่ยวกับชาเขียวเยอะแยะไปหมดเบย

เสร็จแล้วเราก็เดินทางต่อไปที่ วัดบังซา คือวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่และเจ้าแม่กวนอิม
ก่อนเดินขึ้นไปสักการะ จะมีส้มขาย เราก็ซื้อส้มไปไหว้ ถุงละ 10000 วอน หรือ300 บาทจ้า

ก่อนกลับขึ้นรสบัสแวะซื้อไปทานบนรถด้วย ต้องบอกว่าส้มอร่อยมาก เปรี้ยวอมหวาน เนื้อฉ่ำมากกกกจ้า

และที่สุดท้ายที่เราจะไปคือ น้ำตกซอนจียอน  แต่ ฝนตก เราจึงไม่เดินเข้าไปด้านใน  หาของกินแถวนั้นรอจ้า

มีปลาหมึกที่อร่อยเป็นไฮไลท์ที่นี่  อร่อยง่ะ


แถวมีอาหารเสียบไม้หน้าตาแปลกๆให้เราได้ชิมด้วย

และที่พลาดไม่ได้ ร้าน Paris Bagutte  ร้านเบเกอรี่แสนอร่อย เมนูซูครีมที่เลื่องชื่อที่ต้องโดนจ้า
ดูจิ่หน้ากินๆทั้งนั้นเลย ต้องบอกก่อนว่าที่เกาหลีเค้าจะมีแคลอรี่บอกทุกชิ้น เฮ้ย มันดีอ่า


และก็มาถึงมื้อดินเนอร์คืนนี้ เมนู โอซัมพูลโกกิ ที่มีปลาหมึกและเนื้อหมู โดยผัดคลุกเค้ารวมกัน ขลุกขลิกๆทานกับข้าวสวย

และก็เดินทางไปยังที่พัก นั่งรถ 40 นาทีก็ถึงโรงแรท Jhill hotel ค๊าบบบ
ปล.โรงแรมนี้เป็นโรงแรมระดับ2-3ดาว ห้องพักสะอาด มีลิฟท์กว้างขวาง เดินไป 300เมตรก็จะเจอร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนมจ้า

แปะวีดีโอไว้ก่อน เดี๋ยวมาต่อ Day2 นะจ้า