**ความเดิมจากตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33536136 ถ้าพร้อมแล้วเริ่มเลยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกเราเดินไปอย่างกับเด็กนักเรียนถูกครูใหญ่เรียกเลย ผมเดินแล้วคิดในใจว่า “เป็นไงเป็นกันฟะ” เพราะผมก็ไม่ชัวร์ 100%ว่าผมให้สัมภาษณ์อะไรไปบ้าง
พวกเราดูวีดีโอร่วมกัน บางคนนั่ง บางคนยืน กระจายไปทั่วห้อง มีนักเตะระดับทีมชาติมากกว่า 20คน นี่มันเพิ่งจะไม่กี่ปีจากเรื่องไซปัน(แคมป์ทีมชาติที่รอย คีน โดนส่งตัวกลับก่อนบอกโลกจะเริ่ม) เหมือนเดจาวูเลย ผมเริ่มจะคุ้นเคยกับมันแล้ว
พวกเราดูกันอยู่ ผมยังคิดว่า”นี่เราจะหน้าแหกไหมเนี้ย” หรือผมจะต้องพูดว่า”เอาละทุกคน ฉันขอโทษฉันลืมพูดบางอย่างในห้องแต่งตัวเมื่อกี้”
แต่พอเราดูจบ ผมนี่โคตรเบาใจเลย ทุกสิ่งในเทปคือทุกสิ่งที่ผมบอกกับทุกคน ขอบคุณพระเจ้า!!
ดังนั้นผมเลยพูดว่า”ฟังนะทุกคน มีใครมีมีปัญหาอะไรกับมันไหม?”
ทุกคนตอบ”ไม่ ไม่ ฉันไม่มี”
ผมพูด”เฟร็ทละ?” (ดาเรน เฟร็ทเชอร์)
ผมพูดบางอย่างว่า เมียของผมยังทำได้ดีกว่าเขา(เฟร็ทเชอร์) แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าเฟร็ทไม่มีปัญหาอะไรกับมัน จากท่าทางของเขา เขารู้จักนิสัยผม บรรยากาศยังคงดีอยู่ระหว่างผมกับนักเตะทุกคน
แต่เหมือนไม่ใช้สำหรับบอสและคารอส บอสพูด”ไม่!! ไอ้วีดีโอบ้านี้มันคือความเสื่อมเสีย!” ผมพูด”ไม่เห็นมีใครมีปัญหากับมันเลย” ตอนนั้น อยู่ดีๆ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์ –ชายที่พึ่งย้ายเข้ามาไม่กี่เดือน- ยกมือแล้วพูดว่า”รู้อะไรไหมรอย ฉันคิดว่านายสามารถใช้น้ำเสียงที่ดีกว่านี้” เอ็ดวิน-นัดเตะฮอลแลนด์- ผู้ติดทีมชาติ 6ล้านครั้ง(คีนประชด)
ผมเลยสวนกลับไปว่า” เอ็ดวิน ทำไมแกไมหุบปากแกไป แกพึ่งจะย้ายมา 2-3นาที แต่แกได้ให้สัมภาษณ์ตามสื่อมากกว่าที่ฉันทำตลอด 12ปีอีก” เขายอมรับแล้วเงียบไป
แต่คารอสหันมา แล้วพูดว่า “นายไม่ได้แสดงความซื่อสัตย์และการให้เกียรติต่อเพื่อนร่วมทีม” เขายืนอยู่ทางขวามือของผม-ทำไมผมไม่อัดเขาร่วงลงบนพื้นอีกทีนะ- ผมคิดในใจว่า”ที่โปรตุเกสก็หนแล้ว และยังทำไม่ดีกับฉันตอนซ้อมอีก แถมยังกล้ามาสงสัยเรื่องความซื่อสัตย์กับฉันอีก”
ผมเลยสวนกลับไปว่า”แกอย่าได้มาตั้งคำถามเกี่ยวกับความซื่อสัตย์บ้าๆแบบนี้กับฉันคารอส แกทิ้งสโมสรไปอยู่กับรีล แมดริด หลังจากแกเข้ามาแค่ปีเดียวก่อนหน้านี้ ฉันปฎิเสธที่จะย้ายไป ยูเวนตุสและบาเยิน มิวนิค ฉะนั้นอย่างมาสังสัยในความซื้อสัตย์ของฉันโว้ย!!” “แล้วอีกอย่าง ตอนที่เราคุยกันในห้องแต่งตัวเมื่อกี้ เราคุยกันเรื่องการซ้อมที่เราอยากปรับเปลี่ยนด้วย”
เขาตอบกลับว่า”ไม่ เราต้องซ้อมมันอย่างนั้น ซ้ำไปซ้ำมา สิ่งที่เราต้องทำคือ การทำซ้ำ”
ผมสวนกลับว่า”นี่นายเอากับเมียนายท่าเดิมทุกวันเปล่า คารอส?” ผมคิดว่าเขาตอบกลับประมาณว่า”ห๊ะ อะไรนะ มันมาเกี่ยวได้ยังไง” ผมพูดต่อ”นายก็เปลี่ยนท่าใช้ไหมละ บางทีนายต้องผสมผสานบางอย่างในการซ้อมมากขึ้น นี่คือความคิดของพวกเราทุกคน ไม่ใช้ฉันคนเดียว”
บอสทนไม่ไหว พูดขึ้นว่า”ฉันพอกับเรื่องบ้าพวกนี้แล้ว” ผมตอบ”คุณก็เหมือนกันบอส พวกเราโคตรต้องการบางอย่างจากคุณเพิ่มขึ้น”
ผมเริ่มพูดถึงเรื่องราวที่บอสมีปัญหาเรื่องคอกม้าแข่ง ผมรำคาญที่เขาอยากให้เราไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มม้าแข่งของเขา โดยให้เราร่วมซื้อม้ากับเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ผมพูดว่า”พวกเราลงเงินไปกับม้าแข่งของคุณ แต่เราได้กลับมาแค่ 1ใน16ส่วนของเงินทุน นายจะว่ายังไง?”
เวลาผมเดือด ผมจะเป็นอย่างนี้แหละ ผมจะรู้สึงผ่อนคลายขึ้นภายหลัง ผลที่จะตามมาคือสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง ตอนนั้นผมจะเป็นแค่คนๆหนึ่งที่กำลังต่อสู้ในสิ่งที่คิด ผู้เล่นทุกคนกำลังช็อค
ผมพูดกับบอสต่อว่า”เราต้องการบางอย่างเพิ่ม เรากำลังถูกทีมอื่นแซง” บอสพูดว่า”ฉันพอกับเรื่องนี้แล้ว” ผมคิดว่าเค้าบอกผมด้วยว่า”หุบปากซะ!!”
ผมตอบว่า”โอเค ผมก็พอแล้วเหมือนกัน ผมจะออกไปซ้อม” ผมลงไปสนามซ้อม แล้วเห็น มิเคล ซิวเวสต์ กำลังเดินออกมา แต่เขาไม่เดินตามผมมา ภายหลัง โอเล่ได้เล่าให้ผมฟังว่าตอนผมออกไป บอสพูดว่า”ไง นี่มันอะไรกัน” โอเล่บอก ริโอ(เฟอร์ดินาน)เห็นด้วยกับผม นักเตะเริ่มพูดกัน สโคลซี่และโอเล่บอกกับบอสว่าเขาทั้งคู่จะออกจากห้อง ทั้งคู่ไม่อยากพูดถึงผมตอนที่ผมไม่อยู่ต่อหน้า –ทั้งคู่ได้แสดงถึงความให้เกียรติต่อผม- โอเล่เดินออกมาแล้วผู้จัดการก็สั่งว่า”อย่าไปเอาอย่างรอย ในเรื่องที่นายไม่แน่ใจ”
จากที่โอเล่เล่าให้ฟัง คารอสเรียกเขา(โอเล่)เข้าไปพบ เพื่อให้โอเล่ขอโทษต่อผู้จัดการทีมที่โอเล่ออกไปจากห้องไม่งั้นเขาจะถูกขายทิ้ง
ผมลงไปซ้อมเช่นเดียวกับผู้เล่นที่เหลือในท้ายที่สุด
ผมเริ่มรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน ซ้อมไปได้ซัก2-3วัน ทั้งบอสและคารอสไม่พูดกับผมเลย ผมกำลังจะเล่นเกมสำรองเพื่อเรียกความฟิต ในระหว่างนั้นสโมสรส่งจดหมายแจ้งปรับเงิน 5,000ปอนกับผม สำหรับการสัมภาษณ์ใน MUTV ผมยื่นอุธรณ์ทันที่ ผมบอกไมเคิ่ล เคนนาดี้ –คนดูแลด้านกฎหมายของ รอย คีน- ให้จัดการเรื่องนี้ ผมเคยถูกปรับมาก่อนและผมไม่เคยอุธรณ์แม้แต่ครั้งเดียว ผมแค่รู้สึกว่าครั้งนี้ผมไม่ผิด แต่ผมรู้ มันทำให้บอสรำคาญใจ ผมคิดว่าเขาคงนึก”ฉันจะปรับแก 5,000ปอน แล้วพวกเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่”
ทีมชีทในเกมสำรองไม่มีชื่อผม ผมถามทีมแพทย์ว่าเพราะอะไร เขาตอบผมว่าผู้จัดการไม่ต้องการให้ผมเล่น ผมเดือดขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งเดินไปหาเขา ”ผมควรได้ลงเล่น ผมกำลังเรียกความฟิต คุณก็รู้” เขาตอบว่า”ไม่ๆ ฉันว่านายควรได้คุยกับไมเคิลก่อน”(ที่ปรึกษากฎหมายของรอย คีน)
ผมลงไปที่รถแล้วโทรหาไมเคิล ไม่เคิลพูดว่า”ใช่ฉันพึ่งได้รับสายจากสโมสร เขาอยากคุยกับเราในวันศุกร์” ผมพูด”พวกเขากำลังเล่นงานฉัน พวกเขาพยายามจะปรับเงินฉัน ไม่ว่ายังไง เจอกันวันศุกร์แล้วกัน”
เมื่อถึงวันศุกร์ ผมไปหาไม่เคิลที่สนามบิน เขาพูด”นี่มันเรื่องอะไรกันรอย?” ผมคิดในใจว่าสโมสรอาจกำลังจะบอกลาผม ผมพร้อมแต่ผมไม่ได้เตรียมตัว
เราไปที่สโมสรประมาณ 9โมงเช้า ผู้จัดการทีมอยู่ที่นั้น เดวิด กิลก็อยู่ ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะมาด้วย
ผมเริ่ม”เอาละ เราจะเอายังไงกัน?”
บอสพูด”ฟังนะรอย ฉันคิดว่าเรามาถึงจุดจบระหว่างสโมสรกับตัวนาย” !!ง่ายๆอย่างนั้นแหละ !!
ไม่เคิลพูด”ห๊ะ อะไรน๊ะ ผมคิดว่ามันเป็นแค่การปรับเงิน 5,000ปอน” ผมตอบกลับบอสว่า”ได้ๆผมเห็นด้วย” จากนั้นเดวิด กิลพูดขึ้นว่า”เราได้เตรียมการแฉลงข่าวไว้แล้ว”
พวกเขาเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว มันเหมือนกับพวกเขาขว้างระเบิดมาใส่ผมเลย ไม่ใช้ 1หรือสองชั่วโมงข้างหน้า แต่แฉลงการณ์ถูกเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยทั่วไปผมคิดว่าคนที่โดนอย่างนี่มักพูดว่า”ได้ แล้วพวกคุณจะจ่ายผมเท่าไหร่?” แต่นั้นไม่ใช้สิ่งแรกที่ผมคิดเลย ชื่อเสียงผมถูกทำลาย แต่ผมไม่ได้กำลังห่วงเรื่องนั้น ผมแค่”เอาหละ มันจบแล้ว”
ผมกำลังอ่านแฉลงการณ์ “พวกเราต้องขอขอบคุณ รอย คีน สำหรับ 11ปี กับอีก 6เดือนที่รับใช้สโมสร....” แต่ผมอยู่ที่นี่มา 12ปีครึ่ง ผมนึกในใจ”ทุกอย่างมันจบก็จริง แต่พวกแกควรจะทำมันให้เหมาะสมหน่อยซิวะ” ระหว่างนั้นไม่เคิลพูดขึ้นว่า “ผมขอเวลาคุยกับรอย เป็นการส่วนตัวก่อนได้ไหม” เดวิด กิลตอบ“ได้สิ” แล้วพวกเขาก็ออกจากห้องไป
ผมพูด”เอาน่าไม่เคิล ผมเบื่อกับเรื่องบ้านี่เต็มทน ช่างแม่* เราไม่มีความเคารพต่อกันแล้ว” แต่ไม่เคิลพูดว่า”คุณพูดอะไรรอย ผมไม่อยากจะเชื่อ ทั้งสัญญา ทั้งครอบครัวคุณ..” ไมเคิลคิดว่ามันไม่แฟร์
เดวิด กิลและบอสเข้ามาให้ห้อง ผมถามเขาว่า “มีบางอย่างที่ฉันยังไม่เคลีย ฉันสามารถเล่นให้สโมสรอื่นได้ทันที่เลยไหม?” นี่แหละคือที่ผมบอกว่าผมพร้อมแต่ผมยังไม่ได้เตรียมตัว ผมควรโทรขอคำปรึกษาจาก PFA อะไรประมาณนั้น ผมถามบอสอีกว่า”ผมเล่นให้กับกับคนอื่นได้ไหม?” บอสตอบ”ได้สิ เพราะเราฉีกสัญญาคุณแล้ว”
ผมรู้ว่าจะมีหลายสโมสรสนใจตัวผม ผมพูด”ได้ๆผมก็ว่าเรามาถึงจุดจบกันแล้ว ผมจะกลับแล้ว” ผมคิดในใจ”ไอ้อวัยวะเพศชายเอ้ย!!”
ผมปล่อยให้ไมเคิลอยู่ในห้องนั้นต่อ ผมกลับมาในรถประมาณ 9โมง 45นาที บางทีนี้อาจเป็นวิธีรับมือของผม –ออกจากที่นั้นให้เร็วที่สุด- “ผมควรออกจากที่นั้นก่อนฆ่าใครตาย” ผมเบลอ ผมไม่ต้องการเจอลูกทีม ผมไม่ต้องการบอกลาใคร บางทีมันอาจดูไม่ค่อยโตเป็นผู้ใหญ่เลยว่าไหม
ผมกลับไปที่รถแล้วขับออกไป ซักพักผมจำเป็นต้องจอดรถเขาทาง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาของผมเอาไว้ ผมร้องไห้อยู่ 2-3นาที “มันจบแล้วๆ!!” ผมขับกลับบ้าน พร้อมกับความคิดที่ว่า”เราน่าจะทำให้มันออกมาดีกว่านี้ได้สิ” เรื่องเล็กๆน้อยๆต่างๆ ไม่ใช้เฉพาะแค่ผม แต่ตัวบอสและสโมสรด้วย
ผมกำลังคิดถึงครอบครัวของผมที่จะได้รับผลกระทบอันหนักหนาจากมัน ผมรู้ว่าชาวคอล์กเป็นยังไง เมื่อข่าวจะกระจายไปทั่วในสิบนาที พ่อแม่ของผมจะเหมือนถูกทรมาน ครอบครัวผมจะเหมือนมีคนมาตะโกนรอบบ้านว่า” รอยสร้างเรื่องอีกแล้ว!!”
เมื่อผกลับมาถึงบ้าน ผมโทรปรึกษาเรื่องสิทธิต่างๆกับ PFA พวกเขาบอกว่าจะโทรกลับวันจันทร์ ซึ่งมันทำให้ผมกังวลใจ ตอนนั้นผมมึนไปหมด ผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ อย่างน้อย การเดินออกมาจากห้องประชุม โดยที่สถานะของผมยังไม่ชัดเจนไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดเลย
หลายชั่วโมงผ่านไป ไม่เคิลโทรมา”ฟังนะรอย เรามีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆอยู่ ในตอนนี้” ผมตอบกลับไปว่า”ฉันไม่ได้สนใจเรื่องบ้าพวกนั้นหรอก” เขากลับมาที่บ้านผมภายหลัง หน้าเขาซีดเป็นไก่ต้มเลย เขายังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมบอกไมเคิลว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด ผมต้องแสดงความเข้มแข็งต่อไมเคิล ต่อเมียผมและต่อครอบครัวผม ทั้งๆที่ผมพึ่งจะร้องไห้กับมันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ลึกๆแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจนะ ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น ถ้าผู้จัดการคิดว่าผมล้ำเส้นเกินไปกับเรื่องที่โปรตุเกสและMUTV เขาน่าจะบอกกับผมแบบลับๆ ”รอย นายทำเกินไป ทำตัวให้มันเหมาะสมหน่อย” อะไรประมาณนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยทำกับผมมาแล้วในอดีต
หรือจะเป็นเรื่องที่โปรตุเกส แต่ผมทำไปเพราะต้องดูแลครอบครัวของผม มันไม่ใช้เรื่องใหญ่โตอะไร ในฐานะกัปตัน ผมทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มที่แล้ว ตอนกลับมาที่แมนเชสเตอร์ คารอสก็แปลกๆ ขว้างเสื้อเอี้ยมใส่ผม ผมทำอะไรผิด หรือเขาไม่ชอบหน้าผม?ถ้าจริง ผู้จัดการคิดว่าเขาต้องหนุนหลังคารอสหรอ? คารอสเคยออกไปอยู่ รีล แมดริด แล้วก็กลับมา คารอสอาจคิดว่าผมมีบทบาทให้ทีมมากเกินไป แต่ผมไม่เคยต้องการเรื่องพวกนั้น มันมาเองจากเกม จากการลงสนามและถ้วยรางวัล
ผมอาจจะมีคำพูดแรงๆกับคารอสเช่น “นี่นายเอากับเมียนายท่าเดิมทุกวันเปล่า คารอส” ที่จริงผมไม่ได้ใช้คำว่า “เอา” หรอก ผมรู้ว่าเขาคงไม่ชอบ บางคนในห้องตอนนั้นอาจคิด”บ้าเอ้ย เรื่องมันมาถึงนี่ได้ไงฟะ?” หรือเรื่องม้าแข่งของผู้จัดการที่ผมพูดใส่เขา ผมก็แค่อยากจะรู้ ผมไม่ชอบเป็นคนที่เอาแต่นั่งแล้วฟังอย่างเดียว
ส่วนเรื่อง MUTV นั้นผมน่าขอให้สโมสรออกอากาศ ผมควรเช็คว่าผมทำอย่างนั้นได้ไหมในทางกฎหมาย เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งๆที่คนทั่วไปยังไม่เคยได้ดูตัวเต็มของมันเลย
ผมวิจารณ์ คีแรน รีชาร์ดสัน ว่าขี้เกียจเกินไป เขาลงมาตั้งรับไม่เร็วพอ แต่ภายหลังตอนผมเป็นผู้จัดการทีม ผมก็ซี้อเขาเข้ามา ผมวิจารณ์ ดาเรน เฟร็ทเชอร์ ว่าเขาถูกยกย่องโดยคนสกอตร์มากเกินไป แต่ผมก็ผลักดันเขาเสมอและให้คำแนะนำตลอดมา ผมคิดว่าคนที่ผมวิจารณ์ทุกเพราะผมคิดว่าเขาสามารถเป็นยอดนักเตะได้ ใครที่ผมไม่พูดถึงนั้นควรจะกังวลมากกว่า --ติดตามต่อคอมเม้นท์ด้านล่าง--
<< บทความแปล MUFC ตอน 4.2 >> ตอบจบของ "แฉเบื้องลึกเบื่องหลัง ทุกปัญหาที่ทำให้ รอย คีน ต้องเดินจากไป" จากปากคำของ รอย คีน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกเราเดินไปอย่างกับเด็กนักเรียนถูกครูใหญ่เรียกเลย ผมเดินแล้วคิดในใจว่า “เป็นไงเป็นกันฟะ” เพราะผมก็ไม่ชัวร์ 100%ว่าผมให้สัมภาษณ์อะไรไปบ้าง
พวกเราดูวีดีโอร่วมกัน บางคนนั่ง บางคนยืน กระจายไปทั่วห้อง มีนักเตะระดับทีมชาติมากกว่า 20คน นี่มันเพิ่งจะไม่กี่ปีจากเรื่องไซปัน(แคมป์ทีมชาติที่รอย คีน โดนส่งตัวกลับก่อนบอกโลกจะเริ่ม) เหมือนเดจาวูเลย ผมเริ่มจะคุ้นเคยกับมันแล้ว
พวกเราดูกันอยู่ ผมยังคิดว่า”นี่เราจะหน้าแหกไหมเนี้ย” หรือผมจะต้องพูดว่า”เอาละทุกคน ฉันขอโทษฉันลืมพูดบางอย่างในห้องแต่งตัวเมื่อกี้”
แต่พอเราดูจบ ผมนี่โคตรเบาใจเลย ทุกสิ่งในเทปคือทุกสิ่งที่ผมบอกกับทุกคน ขอบคุณพระเจ้า!!
ดังนั้นผมเลยพูดว่า”ฟังนะทุกคน มีใครมีมีปัญหาอะไรกับมันไหม?”
ทุกคนตอบ”ไม่ ไม่ ฉันไม่มี”
ผมพูด”เฟร็ทละ?” (ดาเรน เฟร็ทเชอร์)
ผมพูดบางอย่างว่า เมียของผมยังทำได้ดีกว่าเขา(เฟร็ทเชอร์) แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าเฟร็ทไม่มีปัญหาอะไรกับมัน จากท่าทางของเขา เขารู้จักนิสัยผม บรรยากาศยังคงดีอยู่ระหว่างผมกับนักเตะทุกคน
แต่เหมือนไม่ใช้สำหรับบอสและคารอส บอสพูด”ไม่!! ไอ้วีดีโอบ้านี้มันคือความเสื่อมเสีย!” ผมพูด”ไม่เห็นมีใครมีปัญหากับมันเลย” ตอนนั้น อยู่ดีๆ เอ็ดวิน ฟานเดอร์ซาร์ –ชายที่พึ่งย้ายเข้ามาไม่กี่เดือน- ยกมือแล้วพูดว่า”รู้อะไรไหมรอย ฉันคิดว่านายสามารถใช้น้ำเสียงที่ดีกว่านี้” เอ็ดวิน-นัดเตะฮอลแลนด์- ผู้ติดทีมชาติ 6ล้านครั้ง(คีนประชด)
ผมเลยสวนกลับไปว่า” เอ็ดวิน ทำไมแกไมหุบปากแกไป แกพึ่งจะย้ายมา 2-3นาที แต่แกได้ให้สัมภาษณ์ตามสื่อมากกว่าที่ฉันทำตลอด 12ปีอีก” เขายอมรับแล้วเงียบไป
แต่คารอสหันมา แล้วพูดว่า “นายไม่ได้แสดงความซื่อสัตย์และการให้เกียรติต่อเพื่อนร่วมทีม” เขายืนอยู่ทางขวามือของผม-ทำไมผมไม่อัดเขาร่วงลงบนพื้นอีกทีนะ- ผมคิดในใจว่า”ที่โปรตุเกสก็หนแล้ว และยังทำไม่ดีกับฉันตอนซ้อมอีก แถมยังกล้ามาสงสัยเรื่องความซื่อสัตย์กับฉันอีก”
ผมเลยสวนกลับไปว่า”แกอย่าได้มาตั้งคำถามเกี่ยวกับความซื่อสัตย์บ้าๆแบบนี้กับฉันคารอส แกทิ้งสโมสรไปอยู่กับรีล แมดริด หลังจากแกเข้ามาแค่ปีเดียวก่อนหน้านี้ ฉันปฎิเสธที่จะย้ายไป ยูเวนตุสและบาเยิน มิวนิค ฉะนั้นอย่างมาสังสัยในความซื้อสัตย์ของฉันโว้ย!!” “แล้วอีกอย่าง ตอนที่เราคุยกันในห้องแต่งตัวเมื่อกี้ เราคุยกันเรื่องการซ้อมที่เราอยากปรับเปลี่ยนด้วย”
เขาตอบกลับว่า”ไม่ เราต้องซ้อมมันอย่างนั้น ซ้ำไปซ้ำมา สิ่งที่เราต้องทำคือ การทำซ้ำ”
ผมสวนกลับว่า”นี่นายเอากับเมียนายท่าเดิมทุกวันเปล่า คารอส?” ผมคิดว่าเขาตอบกลับประมาณว่า”ห๊ะ อะไรนะ มันมาเกี่ยวได้ยังไง” ผมพูดต่อ”นายก็เปลี่ยนท่าใช้ไหมละ บางทีนายต้องผสมผสานบางอย่างในการซ้อมมากขึ้น นี่คือความคิดของพวกเราทุกคน ไม่ใช้ฉันคนเดียว”
บอสทนไม่ไหว พูดขึ้นว่า”ฉันพอกับเรื่องบ้าพวกนี้แล้ว” ผมตอบ”คุณก็เหมือนกันบอส พวกเราโคตรต้องการบางอย่างจากคุณเพิ่มขึ้น”
ผมเริ่มพูดถึงเรื่องราวที่บอสมีปัญหาเรื่องคอกม้าแข่ง ผมรำคาญที่เขาอยากให้เราไปมีส่วนร่วมกับกลุ่มม้าแข่งของเขา โดยให้เราร่วมซื้อม้ากับเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ผมพูดว่า”พวกเราลงเงินไปกับม้าแข่งของคุณ แต่เราได้กลับมาแค่ 1ใน16ส่วนของเงินทุน นายจะว่ายังไง?”
เวลาผมเดือด ผมจะเป็นอย่างนี้แหละ ผมจะรู้สึงผ่อนคลายขึ้นภายหลัง ผลที่จะตามมาคือสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง ตอนนั้นผมจะเป็นแค่คนๆหนึ่งที่กำลังต่อสู้ในสิ่งที่คิด ผู้เล่นทุกคนกำลังช็อค
ผมพูดกับบอสต่อว่า”เราต้องการบางอย่างเพิ่ม เรากำลังถูกทีมอื่นแซง” บอสพูดว่า”ฉันพอกับเรื่องนี้แล้ว” ผมคิดว่าเค้าบอกผมด้วยว่า”หุบปากซะ!!”
ผมตอบว่า”โอเค ผมก็พอแล้วเหมือนกัน ผมจะออกไปซ้อม” ผมลงไปสนามซ้อม แล้วเห็น มิเคล ซิวเวสต์ กำลังเดินออกมา แต่เขาไม่เดินตามผมมา ภายหลัง โอเล่ได้เล่าให้ผมฟังว่าตอนผมออกไป บอสพูดว่า”ไง นี่มันอะไรกัน” โอเล่บอก ริโอ(เฟอร์ดินาน)เห็นด้วยกับผม นักเตะเริ่มพูดกัน สโคลซี่และโอเล่บอกกับบอสว่าเขาทั้งคู่จะออกจากห้อง ทั้งคู่ไม่อยากพูดถึงผมตอนที่ผมไม่อยู่ต่อหน้า –ทั้งคู่ได้แสดงถึงความให้เกียรติต่อผม- โอเล่เดินออกมาแล้วผู้จัดการก็สั่งว่า”อย่าไปเอาอย่างรอย ในเรื่องที่นายไม่แน่ใจ”
จากที่โอเล่เล่าให้ฟัง คารอสเรียกเขา(โอเล่)เข้าไปพบ เพื่อให้โอเล่ขอโทษต่อผู้จัดการทีมที่โอเล่ออกไปจากห้องไม่งั้นเขาจะถูกขายทิ้ง
ผมลงไปซ้อมเช่นเดียวกับผู้เล่นที่เหลือในท้ายที่สุด
ผมเริ่มรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน ซ้อมไปได้ซัก2-3วัน ทั้งบอสและคารอสไม่พูดกับผมเลย ผมกำลังจะเล่นเกมสำรองเพื่อเรียกความฟิต ในระหว่างนั้นสโมสรส่งจดหมายแจ้งปรับเงิน 5,000ปอนกับผม สำหรับการสัมภาษณ์ใน MUTV ผมยื่นอุธรณ์ทันที่ ผมบอกไมเคิ่ล เคนนาดี้ –คนดูแลด้านกฎหมายของ รอย คีน- ให้จัดการเรื่องนี้ ผมเคยถูกปรับมาก่อนและผมไม่เคยอุธรณ์แม้แต่ครั้งเดียว ผมแค่รู้สึกว่าครั้งนี้ผมไม่ผิด แต่ผมรู้ มันทำให้บอสรำคาญใจ ผมคิดว่าเขาคงนึก”ฉันจะปรับแก 5,000ปอน แล้วพวกเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่”
ทีมชีทในเกมสำรองไม่มีชื่อผม ผมถามทีมแพทย์ว่าเพราะอะไร เขาตอบผมว่าผู้จัดการไม่ต้องการให้ผมเล่น ผมเดือดขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งเดินไปหาเขา ”ผมควรได้ลงเล่น ผมกำลังเรียกความฟิต คุณก็รู้” เขาตอบว่า”ไม่ๆ ฉันว่านายควรได้คุยกับไมเคิลก่อน”(ที่ปรึกษากฎหมายของรอย คีน)
ผมลงไปที่รถแล้วโทรหาไมเคิล ไม่เคิลพูดว่า”ใช่ฉันพึ่งได้รับสายจากสโมสร เขาอยากคุยกับเราในวันศุกร์” ผมพูด”พวกเขากำลังเล่นงานฉัน พวกเขาพยายามจะปรับเงินฉัน ไม่ว่ายังไง เจอกันวันศุกร์แล้วกัน”
เมื่อถึงวันศุกร์ ผมไปหาไม่เคิลที่สนามบิน เขาพูด”นี่มันเรื่องอะไรกันรอย?” ผมคิดในใจว่าสโมสรอาจกำลังจะบอกลาผม ผมพร้อมแต่ผมไม่ได้เตรียมตัว
เราไปที่สโมสรประมาณ 9โมงเช้า ผู้จัดการทีมอยู่ที่นั้น เดวิด กิลก็อยู่ ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะมาด้วย
ผมเริ่ม”เอาละ เราจะเอายังไงกัน?”
บอสพูด”ฟังนะรอย ฉันคิดว่าเรามาถึงจุดจบระหว่างสโมสรกับตัวนาย” !!ง่ายๆอย่างนั้นแหละ !!
ไม่เคิลพูด”ห๊ะ อะไรน๊ะ ผมคิดว่ามันเป็นแค่การปรับเงิน 5,000ปอน” ผมตอบกลับบอสว่า”ได้ๆผมเห็นด้วย” จากนั้นเดวิด กิลพูดขึ้นว่า”เราได้เตรียมการแฉลงข่าวไว้แล้ว”
พวกเขาเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว มันเหมือนกับพวกเขาขว้างระเบิดมาใส่ผมเลย ไม่ใช้ 1หรือสองชั่วโมงข้างหน้า แต่แฉลงการณ์ถูกเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยทั่วไปผมคิดว่าคนที่โดนอย่างนี่มักพูดว่า”ได้ แล้วพวกคุณจะจ่ายผมเท่าไหร่?” แต่นั้นไม่ใช้สิ่งแรกที่ผมคิดเลย ชื่อเสียงผมถูกทำลาย แต่ผมไม่ได้กำลังห่วงเรื่องนั้น ผมแค่”เอาหละ มันจบแล้ว”
ผมกำลังอ่านแฉลงการณ์ “พวกเราต้องขอขอบคุณ รอย คีน สำหรับ 11ปี กับอีก 6เดือนที่รับใช้สโมสร....” แต่ผมอยู่ที่นี่มา 12ปีครึ่ง ผมนึกในใจ”ทุกอย่างมันจบก็จริง แต่พวกแกควรจะทำมันให้เหมาะสมหน่อยซิวะ” ระหว่างนั้นไม่เคิลพูดขึ้นว่า “ผมขอเวลาคุยกับรอย เป็นการส่วนตัวก่อนได้ไหม” เดวิด กิลตอบ“ได้สิ” แล้วพวกเขาก็ออกจากห้องไป
ผมพูด”เอาน่าไม่เคิล ผมเบื่อกับเรื่องบ้านี่เต็มทน ช่างแม่* เราไม่มีความเคารพต่อกันแล้ว” แต่ไม่เคิลพูดว่า”คุณพูดอะไรรอย ผมไม่อยากจะเชื่อ ทั้งสัญญา ทั้งครอบครัวคุณ..” ไมเคิลคิดว่ามันไม่แฟร์
เดวิด กิลและบอสเข้ามาให้ห้อง ผมถามเขาว่า “มีบางอย่างที่ฉันยังไม่เคลีย ฉันสามารถเล่นให้สโมสรอื่นได้ทันที่เลยไหม?” นี่แหละคือที่ผมบอกว่าผมพร้อมแต่ผมยังไม่ได้เตรียมตัว ผมควรโทรขอคำปรึกษาจาก PFA อะไรประมาณนั้น ผมถามบอสอีกว่า”ผมเล่นให้กับกับคนอื่นได้ไหม?” บอสตอบ”ได้สิ เพราะเราฉีกสัญญาคุณแล้ว”
ผมรู้ว่าจะมีหลายสโมสรสนใจตัวผม ผมพูด”ได้ๆผมก็ว่าเรามาถึงจุดจบกันแล้ว ผมจะกลับแล้ว” ผมคิดในใจ”ไอ้อวัยวะเพศชายเอ้ย!!”
ผมปล่อยให้ไมเคิลอยู่ในห้องนั้นต่อ ผมกลับมาในรถประมาณ 9โมง 45นาที บางทีนี้อาจเป็นวิธีรับมือของผม –ออกจากที่นั้นให้เร็วที่สุด- “ผมควรออกจากที่นั้นก่อนฆ่าใครตาย” ผมเบลอ ผมไม่ต้องการเจอลูกทีม ผมไม่ต้องการบอกลาใคร บางทีมันอาจดูไม่ค่อยโตเป็นผู้ใหญ่เลยว่าไหม
ผมกลับไปที่รถแล้วขับออกไป ซักพักผมจำเป็นต้องจอดรถเขาทาง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาของผมเอาไว้ ผมร้องไห้อยู่ 2-3นาที “มันจบแล้วๆ!!” ผมขับกลับบ้าน พร้อมกับความคิดที่ว่า”เราน่าจะทำให้มันออกมาดีกว่านี้ได้สิ” เรื่องเล็กๆน้อยๆต่างๆ ไม่ใช้เฉพาะแค่ผม แต่ตัวบอสและสโมสรด้วย
ผมกำลังคิดถึงครอบครัวของผมที่จะได้รับผลกระทบอันหนักหนาจากมัน ผมรู้ว่าชาวคอล์กเป็นยังไง เมื่อข่าวจะกระจายไปทั่วในสิบนาที พ่อแม่ของผมจะเหมือนถูกทรมาน ครอบครัวผมจะเหมือนมีคนมาตะโกนรอบบ้านว่า” รอยสร้างเรื่องอีกแล้ว!!”
เมื่อผกลับมาถึงบ้าน ผมโทรปรึกษาเรื่องสิทธิต่างๆกับ PFA พวกเขาบอกว่าจะโทรกลับวันจันทร์ ซึ่งมันทำให้ผมกังวลใจ ตอนนั้นผมมึนไปหมด ผมน่าจะทำได้ดีกว่านี้ อย่างน้อย การเดินออกมาจากห้องประชุม โดยที่สถานะของผมยังไม่ชัดเจนไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดเลย
หลายชั่วโมงผ่านไป ไม่เคิลโทรมา”ฟังนะรอย เรามีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆอยู่ ในตอนนี้” ผมตอบกลับไปว่า”ฉันไม่ได้สนใจเรื่องบ้าพวกนั้นหรอก” เขากลับมาที่บ้านผมภายหลัง หน้าเขาซีดเป็นไก่ต้มเลย เขายังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมบอกไมเคิลว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด ผมต้องแสดงความเข้มแข็งต่อไมเคิล ต่อเมียผมและต่อครอบครัวผม ทั้งๆที่ผมพึ่งจะร้องไห้กับมันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ลึกๆแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจนะ ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น ถ้าผู้จัดการคิดว่าผมล้ำเส้นเกินไปกับเรื่องที่โปรตุเกสและMUTV เขาน่าจะบอกกับผมแบบลับๆ ”รอย นายทำเกินไป ทำตัวให้มันเหมาะสมหน่อย” อะไรประมาณนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยทำกับผมมาแล้วในอดีต
หรือจะเป็นเรื่องที่โปรตุเกส แต่ผมทำไปเพราะต้องดูแลครอบครัวของผม มันไม่ใช้เรื่องใหญ่โตอะไร ในฐานะกัปตัน ผมทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มที่แล้ว ตอนกลับมาที่แมนเชสเตอร์ คารอสก็แปลกๆ ขว้างเสื้อเอี้ยมใส่ผม ผมทำอะไรผิด หรือเขาไม่ชอบหน้าผม?ถ้าจริง ผู้จัดการคิดว่าเขาต้องหนุนหลังคารอสหรอ? คารอสเคยออกไปอยู่ รีล แมดริด แล้วก็กลับมา คารอสอาจคิดว่าผมมีบทบาทให้ทีมมากเกินไป แต่ผมไม่เคยต้องการเรื่องพวกนั้น มันมาเองจากเกม จากการลงสนามและถ้วยรางวัล
ผมอาจจะมีคำพูดแรงๆกับคารอสเช่น “นี่นายเอากับเมียนายท่าเดิมทุกวันเปล่า คารอส” ที่จริงผมไม่ได้ใช้คำว่า “เอา” หรอก ผมรู้ว่าเขาคงไม่ชอบ บางคนในห้องตอนนั้นอาจคิด”บ้าเอ้ย เรื่องมันมาถึงนี่ได้ไงฟะ?” หรือเรื่องม้าแข่งของผู้จัดการที่ผมพูดใส่เขา ผมก็แค่อยากจะรู้ ผมไม่ชอบเป็นคนที่เอาแต่นั่งแล้วฟังอย่างเดียว
ส่วนเรื่อง MUTV นั้นผมน่าขอให้สโมสรออกอากาศ ผมควรเช็คว่าผมทำอย่างนั้นได้ไหมในทางกฎหมาย เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งๆที่คนทั่วไปยังไม่เคยได้ดูตัวเต็มของมันเลย
ผมวิจารณ์ คีแรน รีชาร์ดสัน ว่าขี้เกียจเกินไป เขาลงมาตั้งรับไม่เร็วพอ แต่ภายหลังตอนผมเป็นผู้จัดการทีม ผมก็ซี้อเขาเข้ามา ผมวิจารณ์ ดาเรน เฟร็ทเชอร์ ว่าเขาถูกยกย่องโดยคนสกอตร์มากเกินไป แต่ผมก็ผลักดันเขาเสมอและให้คำแนะนำตลอดมา ผมคิดว่าคนที่ผมวิจารณ์ทุกเพราะผมคิดว่าเขาสามารถเป็นยอดนักเตะได้ ใครที่ผมไม่พูดถึงนั้นควรจะกังวลมากกว่า --ติดตามต่อคอมเม้นท์ด้านล่าง--