<< บทความแปล MUFC ตอน 2 >> "สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ รอย คีน คือ..." โดย ริโอ เฟอร์ดินาน

-# จุดประสงค์ของกระทู้นี้คืออยากให้คนฟุตบอล แฟนบอล MUFC ได้สนุกกับเรื่องราวที่เราไม่เคยได้ยินได้รู้ หากมีอะไรผิดพลาดต้องขอโทษด้วยนะครับ พร้อมแล้วจัดไปครับ

--------------------------------------------------------------- ตอน ; รอย คีน -----------------------------------------------------------------------------
      ผมพูดได้ว่าในฐานะกับตันทีมนั้น รอย คีน สุดยอด ในหลายๆด้าน เขาเป็นคนนำซ้อม และจริงจังสุดๆในเรื่องนี้ หากใครเริ่มเหยาะแหยาะ รอย จะจัดการเขาทันที ครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกประชุมทีมเพราะเห็น (ดาเรน)เฟร็ทเชอร์ คุยโทรศัพท์(ในห้องแต่งตัว)  รวมถึงอบรมสั่งสอนบรรดาเด็กดาวรุ่งที่ไม่ยอมฝึกซ้อมพิเศษหรือเข้าห้องเวทเทรนนิ่ง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เยี่ยมเพราะบรรดานักเตะอายุน้อยอาจเลือกทางเดินที่ผิดหรือหลงละเลิงเกินไป
  วันรุ่งขึ้น ผมไปสนามซ้อมตามปรกติ ระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ผมแอบเห็นรอยกำลังคุยโทรศัพท์ในห้องแต่งตัว! ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่เขาพึ่งจะเตือนเฟร็ทไป! ผมพูดว่า “เฮ รอย ! จำได้ไหมเมื่อวานนายเตือนอะไรกับเฟร็ท??” รอยแค่ยิ้มอย่างเขินๆ เขาน่าจะกำลังคิดว่า “ใช้ ริโอ แต่ฉันทำได้เพราะฉันมันรุ่นใหญ่
      สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกเซ็งเกี่ยวกับรอยคือผมไม่ได้เล่นร่วมกับเขาตอนที่เขาพีคสุดๆ รอยยังคงเป็นสุดยอดตอนที่ผมย้ายมา รอยเข้าใจเกมและคุมจังหวะมันด้วยวิธีที่เขาเล่น แต่เขาไม่ได้อยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุด
      ผู้จัดการ(เฟอร์กี้)บอกว่ารอยเจ๋งขนาดไหนในหนังสือของเขาและยังบอกด้วยว่ารอยพร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ทุกคนด้วย “สิ่งที่อันตรายที่สุดของรอยคือปากของเขา” เฟอร์กี้กล่าว  ในห้องแต่งตัว รอยจะพูดกับทุกคนโดยเฉพาะ โอเล่(กุนน่า โซลชา) จอร์น(โอเช) และเฟร็ท อาจเป็นเพราะเขาเห็นอะไรบ้างอย่างในสามคนนี้ที่คล้ายคลึงกับตัวเอง – ผู้เล่นดาวรุ่งที่มาจากต่างถิ่น – รอยไม่ต้องการให้ทั้งสามหลงกับคำเยินยอนัก
      ผมจำดาวรุ่งได้คนนึง ไม่เคิ่ล สจวร์ต ดาวรุ่งชาวสกอตแลนด์ผู้มากด้วยพรสวรรค์ที่สโมสรตั้งความหวังไว้สูงมาก วันหนึ่งหลังจากซ้อมเสร็จ ขณะไม่เคิ่ลกำลังถอดรองเท้าเตรียมกลับบ้าน รอยเข้ามาแล้วพูดกับไม่เคิ่ลว่า “ฉันว่าในปีสองปีข้างหน้า แกคงเป็นได้แค่ผู้เล่นทีมนอกลีก มากกว่าที่จะเล่นให้แมนยูไนเต็ด อย่าลืมโม้ให้เพื่อนแก่ฟังด้วยละว่ามันเจ๋งแค่ไหนที่ได้ใช้ห้องแต่งตัวร่วมกับนักเตะอย่าง รอยคีน หรือ รุด ฟานนิสเตลรอย” ไม่เคิ่ลใจสลาย ภายหลังไมเคิลย้ายออกไป แต่ก็มีเส้นทางที่ดีในลีกสกอตและได้ติดทีมชาติ
      ผมจำได้หลังความพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูล 2-0 นัดชิงลีกคัพ รอยตะโคกใส่นักเตะทุกคน เขาหันมาที่ผมและตะโกนว่า “แกนะหรอ 30 ล้านปอน? แกไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไรเลย” ผมนั่งลงแล้วคิดในใจว่าทำไมเขาพูดอย่างงี้ฟะ ผมเถียงกลับไปประมาณว่า “ใช่แกพูดได้สิ เพราะแกมันเอาแต่พูด” รอยไม่หยุด หันไปตะโกนใส่คนอื่น  “พวกแกแพ้ไอ้พวก***ลิเวอร์พูลได้ยังไง
      ผมไม่กลัวเรื่องพวกนี้ ผมไม่กลัวการเผชิญหน้าในห้องแต่งตัว ผมคิดว่ามันดีกว่าไม่ได้พูดอะไรเลย ถ้าคุณรับมือกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้งั้นคุณก็ต้องจากไป ตอนเด็กผมและน้องชายตะโกนใส่กันบ่อยๆ ที่เวสแฮมก็เคยมีการต่อยกันในสนามซ้อม แม้ว่าที่ลีดส์จะไม่ได้มีเรื่องพันนี้มากนัก
      ตอนที่ผมย้ามมายูไนเต็ด ในสนามซ้อมมีความเข้มข้นและเอาจริงเอาจังมากกว่าที่อื่น ผู้เล่นเข้าปะทะกันและมีการกระทบกระทั้งกันตลาดเวลาในการซ้อม อย่างเรื่องที่หลายคนรู้ระหว่างโรนัลโด้ กับ รุด(ฟานนิสฯ) เพราะว่าโรนัลโด้ชอบเอาแต่เลี้ยงบอล เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ยูไนเต็ดกำลังสร้างทีมขึ้นมากใหม่ด้วยดาวรุ่ง รุดฯดูอึดอัดกับช่วงเวลานั้นเพราะเราไม่มีถ้วยรางวัลเลยมาสองสามปีแล้ว รุดฯเคยแม้กระทั้งเล่นงานผมครั้งหนึ่ง นั้นแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลมีค่าแค่ไหนสำหรับเขา จริงๆแล้วรุดฯกับผมเข้ากันได้ดี แต่นั้นเป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในโลกฟุตบอล  รุดฯเตะโรนัลโด้ลงไปกลิ้งกับพื้นในการซ้อมเพราะเกิดหงุดหงิดขึ้นมา ผมเลยเตะรุดฯกลับไปทีนึง หลังจากนั้นพอรุดฯได้บอลอีก ผมเข้าไปประกบด้านหลัง เขาหมุนตัวและพยายามเหวี่ยงศอกใส่หน้าผม เฉียดไปนิดเดียว ผมผลักเขาออกแล้วพูดว่า “แกศอกมาอีกทีสิ คราวหน้าเอาให้โดนนะ”   หลังจากซ้อมเสร็จ เราเขาไปในห้องแต่งตัว แล้วเรื่องทุกอย่างก็ถูกลืม ไม่มีใครเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย พวกเราแค่หัวเราะกับมัน นี่เหละความเป็นมืออาชีพ
      แต่อาจไม่ใช้กับรอย คีน แม้แต่ในการประชุมกับผู้จัดการทีม รอยค่อนข้างมีความมั่นใจสูง “ฉันไม่แคร์” รอยมั้กพูด ด้วยความสัตย์จริง การสัมภาษณ์พาดพิงและวิจารณ์เพื่อนร่วมที่ทางเอ็มยูทีวีที่อื้อฉาวที่ทำให้รอยต้องย้ายออกจอกทีมไปนั้น มันค่อนข้างเบาแล้วนะเมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมได้ยินจากปากเค้าที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเห็นตอนรอยกำลังสับเพื่อนร่วมทีมจนเละ ผมคิดว่าหากคุณมีอะไรจะพูดกับเพื่อนร่วมทีมในฐานะกัปตันมันคือสิ่งที่ถูกที่จะไม่พูดมันผ่านทางสื่อหรือการให้สัมภาษณ์ใดๆ ผู้จัดการทีม(เซอร์อเล็กซ์) ก็ทำเช่นนั้น แม้หากคุณเป็นส่วนหนึ่งของทีมไม่ว่าจะในฐานะกัปตันหรือไม่ ผมว่ามันก็ไม่ใช้งานของคุณที่จะทำแบบนั้นอยู่ดี แต่รอยไม่คิดอย่างนั้น “ฉันจะพูดมันกับทุกคน
      เมือรอยจากสโมสรไปผมได้เห็น เฟร็ท โอเช เวส(บราวน์) กล้าแสดงออกมากขึ้น เหมือนกับว่าพวกเข้าหายใจได้คล่องขึ้น พวกเขาเติบโตและเราก็ยังคงเป็นทีมทีประสบความสำเร็จโดยมีทั้งสามคนนี้เป็นแกนหลัก
      ตอนที่รอยจากไป เขาเหมือนถูกมองว่ามีด้านมืดในตัวเอง แต่เมื่อเราเริ่มเห็นเขาทางทีวี ทุกคนรู้สึกว่าเขาก็เป็นคนมีอารมณ์ขันใช่เล่น ความยากคือคุณเดาเขาไม่ออก ผมเคยคิดเล่นๆว่า “นี่เขากำลังแสดงอยู่รึเปล่า” เขามักเข้ามาพร้อมกับสีหน้าราวกับยักษ์ คุณจะคิดว่าต้องมีคนซ่วยแน่ๆวันนี้ แต่หลายๆครั้ง รอยมั้กจะมีส่วนกับมุขตลกฮาๆเสมอ เรามีห้องแต่งตัวที่ดีและสนุกสนานในตอนที่รอยอารมณ์ดี เช่น เมื่อใครแต่งตัวแย่ๆ รอยจะแซวทันที หรือ หากคุณเอาแต่ถ่ายรูปอะไรประมาณนั้น รอยจะพูดว่า “เป็นบ้าอะไรของแก แกมันนักฟุตบอลนะ
      ผมค่อนข้างแปลกใจเมื่อเห็นเขาในฐานะกรูทางทีวี เพราะผมจำได้ว่ารอยก็ชอบพูดจา-ดันผู้เล่นเก่าๆที่ผันตัวเป็นกูรูทางทีวี รอยเคยทำแม้กระทั้งปิดเสียงทีวีไปเลย ผมเคยคิดว่า “เมื่อรอยเลิกเล่น จะไม่มีใครได้เห็นเขาอีกเลย
      ดังนั้นเขาไม่ใช้ขาโหดอารมณ์เสียตลอดเวลา แค่ผันผวนทางอารมณ์พอสมควร เดือดกับสิ่งที่แม้จะเล็กน้อย และคุณไม่มีทางจะเดาเขาออก
      รอยนั้นเจ๋งสุดๆ ผมจำเกมกับอาเซนอลที่ไฮบิวรี่ได้ เหตุการณ์ในอุโมงค์ก่อนเริ่มเกม  ในห้องแต่งตัวแกรี่พูดว่า “ไอ้***วิเอร่า ต่อยหลังฉันตอนที่วอร์มเสร็จ”  พอได้ยินเท่านั้นทุกคนเดือดดาลและของขึ้นกันหมด แต่รอยไม่พูดอะไรเลย นิ่งเฉย แต่เมื่อถึงเวลารอลงสนามที่อุโมงค์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รอย พุ่งเข้าหา แพทริก ทันที อารมณ์ของเขาระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันจะเล่นงานแก แกเจอฉันแน่ในสนาม” อย่างที่คุณเห็นนั้นแหละ จบเกมนั้นเราถล่มอาเซนอล 4-2 นั้นคือความเจ๋งของรอย เขารับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่กัปตันทีมต้องทำ --จบตอน--
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่