ลุงเต่า ต.ตาล ต.เต่า

ลุงเต่า..


วันนี้เห็นโพสต์ที่พูดถึงชายผู้หนึ่งที่หลายคนน่าจะรู้จักและเคยเจอเขาแล้ว

ใครที่เคยแวะมาสัตหีบ หากผ่านบริเวณดงตาลคงเคยเห็นชายคนหนึ่งนั่งเฉาะตาลขายอยู่ใต้ต้นตาลหน้าการไฟฟ้าสัตหีบ

ครับ.. ชายผู้นั้นมีนามว่า "เต่า" หรือที่เรารู้จักและเรียกกันว่า "ลุงเต่า" ชายคนที่ทำให้เราได้กินลูกตาลสดอร่อยๆ

ช่วงนี้ผ่านไปทะเลไม่ได้เห็นลุงเต่ามานั่งปลอกตาลเหมือนเช่นเคย นึกถึงตอนที่ยืนต่อคิวรอซื้อลูกตาล
ลมทะเลพัดโชย เย็นเบาๆ เสียงคลื่นกระทบเขื่อน เสียงสนทนาระหว่างคนปลอกตาลและคนรอซื้อลูกตาล

คิดถึงบรรยากาศนั้นจริงๆ วันนี้หยิบเอาเรื่องราวที่เคยเขียนลงหนังสือไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว กลับมาใหม่อีกครั้ง
เอามาเล่าสู่แบ่งปันกันให้หายคิดถึงครับ

พร้อมแล้วตามมาเลยครับ ...



ครับ อยากกินลูกตาลสด ...
ออกไปหาซื้อที่ตลาดก็ไม่มี จะฝากคนรู้จักซื้อจากที่อื่นก็เกรงว่ามันจะไม่สด ไม่รู้ว่าค้างคืนมากี่วัน
แล้วมันจะสดใหม่ไหม... เป็นคำถามที่ชวนให้ต้องขบคิด


แต่หากมาที่นี่..อ่าวดงตาลสัตหีบ

รับรองไม่ผิดหวัง มีให้กินแน่นอน  
แต่อาจต้องรอคิวนานเหมือนกัน
เพราะคิวจะยาวครับ แต่ก็คุ้มค่ากับการรอคอย


อาชีพนี้ ที่นี่ เท่าที่จำได้ไม่มีใครแล้ว เห็นมีแต่ลุงเต่าแกคนเดียว เมื่อก่อนจำได้ว่าลุงแก
ขายถุงละ 15บาท แต่ตอนนี้ขึ้นเป็น 20 บาทแล้ว

หากถามว่าแพงไหมตอบได้เลยว่าไม่แพง กับการที่ต้องเสี่ยงปีนขึ้นไปบนต้นตาล
ใช่ว่าใครจะปีนได้ หากไม่เคยปีนมาก่อนหรือไม่มีความสามารถในการปีนรับรองไม่ถึงครึ่งทาง เผลอๆ ตอนลงมายังไม่รู้จะลงยังไง
บางทีขาล้า บางทีขาสั่น บางทีหมดแรงรูดลงมากับต้น เสี้ยนตาลตำซะอีก

อยู่ที่นี่เห็นลุงแกปีน เห็นลุงแกขี่มอไซด์เก็บตาลมาจนชินตา แต่ยังไม่เคยได้เข้าไปคุยสนทนากับแกสักครั้ง

แล้ววันนึงก็นึกอยากคุยกับแก ก็เลยเข้าไปทักทายแก


ผม : ลุง...ปีนมากี่ต้นแล้ววันนี้....
ลุง : หลายต้นแล้ว กำลังจะเอาจะเอาไปเฉาะขาย

ผมก็คุยกับลุงเต่าสักพัก คุยอะไรได้ไม่มาก เพราะมีธุระต้องไปทำต่อ

พอมาวันเสาร์จำได้ว่าลุงเต่าจะต้องปีนต้นตาลอีก จึงรีบปั่นจักรยานไปทะเลเหมือนเช่นเคย เพื่อไปดักรอแก
ไม่นานนักก็ได้พบลุงเต่า แกกำลังขี่มอไซด์กลับ มาพร้อมลูกสาวอีกคน

ผม : ลุง ปีนตาลเสร็จแล้วหรอครับ (ตะโกนถามตอนรถสวนกัน)
ลุง : เสร็จแล้ว xxxx xxxx
อะไรต่อฟังไม่ทันเพราะลมมันแรง แต่ก็เห็นลุงเต่าจอดรถแล้วเลี้ยวเข้าไปอีกที่นึง คิดว่าคงจะไปปีนต่อแน่ๆ
ผมเลยปั่นตามไป แล้วก็จริงอย่างที่คิดไว้

ผม : ลุง..ปีนอีกหรอ
ลุง : อืม..ก็ว่าจะพอแต่ดูแล้วมันยังไม่เต็มรถเลย ได้มานิดเดียว เดี๋ยวปีนอีก 4–5 ต้น

ว่าแล้วลุงเต่าก็จอดรถ ผมก็รอดูว่าลุงแกจะทำอะไรต่อ

ลุงเต่าหยิบอุปกรณ์ง่าย ๆ ที่ใช้อยู่ทุกวัน
1.อีโต้เล่มพอเหมาะ เหน็บหลังไว้
2.เชือกไนลอน 1 ขด

(แอบสงสัย..ใช้แค่มีดอันเดียว? แล้วไม่มีพะองหรืออย่างไร?)

** อธิบายความเพิ่มของพะอง  พะอง คือไม้ไผ่ลำยาวที่มีตาของไผ่ยาวประมาณ 3-5 นิ้ว เป็นลำไม้ไผ่สำหรับพาดขึ้นต้นตาลต่าง บันได สำหรับเหยียบไต่เป็นบันไดขึ้นสู่ยอดต้นตาล ต้นตาลที่สูงมากต้องใช้พะองหลายลำ พะองที่สูงมากจะใช้ไม้ไผ่ประมาณสี่ลำ พะอง ๆ หนึ่งยาวประมาณสิบศอกถึงสามวา หรือประมาณ 6 เมตร **

ว่าแล้วลุงเต่าก็เริ่มปีน มีดเหน็บหลัง เชือกมัดเอวปล่อยปลายสายไว้ที่พื้น พร้อมด้วยผ้าที่มัดคล้องทำปลอกยึดโยงเท้าทั้งสองข้างไว้ เพื่อเป็นการผ่อนแรง เหน็บอยู่ที่เอว



วิธีปีนแบบนี้เป็นวิธีแบบดั้งเดิม ปัจจุบันน้อยคนนักที่จะปีนแบบนี้ เท่าที่รู้มาส่วนมากจะใช้วิธีปีนโดยมีขั้นบันไดหรือที่เรียกว่าพะอง

** การปีนแบบไม่ใช้พะองโดยท่าปีนต้นไม้ทั่วไป อย่างที่เรียกกันว่าการ "ปรับ" โดยปลายเท้าจะสวมปลอกยึดโยงเท้าทั้งสองข้าง
เป็นการผ่อนแรง ส่วนมือทั้งสองประสานโอบต้นเอาไว้ให้แน่นเหนียว **


ระหว่างที่ลุงเต่ากำลังปีนขึ้นไปผมก็ได้คุยกับลูกสาวลุงเต่าว่าลุงเต่าอายุเท่าไหร่ ทำไมยังมาปีนต้นตาลอยู่อีก
ลูกสาวลุงเต่าก็เล่าต่างๆ นาๆ แต่ที่จับความได้คือลุงเต่าอายุ 68ปี (แข็งแรงมากๆ )
ลุงแกปีนจากต้นนี้เสร็จก็ไปต่อต้นนั้น แล้วไปต้นโน้นต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพักเลย

ผมก็ถามต่อว่าต้นที่เหลือ ลุงเต่าไม่ปีนหรือ? ลูกสาวลุงเต่าบอกว่าลุงแกปีนได้ไม่ทุกต้น
บางต้นคอเล็กปีนได้แต่ถ้าขึ้นไปใกล้ๆ ถึงยอดอกมันใหญ่แกจะปีนไม่ได้ เพราะมือแกจะโอบไม่ได้รอบ

เท่าที่มองดูมันก็จริง มีหลายต้นที่อกโตๆ ก็คิดว่าน่าจะปีนไม่ได้เหมือนกัน
ลูกสาวลุงเต่าเล่าให้ฟังอีกว่าส่วนมากลุงเต่าแกจะปีนเกือบทุกต้น ต้นไหนมีไม่มีแกจะรู้ ต้นไหนจะมาปีนตอนไหนยังไงแกก็จะรู้

แต่ก็ใช่ว่าต้นที่แกปีนได้แกจะขึ้นหมด บางต้นแกก็ไม่ขึ้น
ผมก็สงสัย...? ทำไมไม่ปีนล่ะ..?

ลูกสาวลุงเต่าบอกว่าบางต้นมันเป็นตัวผู้ ปีนไปก็ไม่มี
อ๊ะ..ต้นตาลมีตัวผู้ตัวเมียด้วยเหรอนี่..?

ลูกสาวลุงเต่าบอกอีก พร้อมชี้มือให้ดู นั่น..ต้นนั้นต้นต้วผู้มันจะมีงวง ตัวผู้มีงวงจะไม่มีลูก ส่วนตัวเมียไม่มีงวงจะมีลูก ต้นตัวผู้จะมีงวงแบบนี้




ระหว่างคุยไปคุยมา ลุงเต่าแกได้ลูกตาลมาแล้ว แกจับมัดที่ลูกแล้วหย่อนลงมา

ผมก็นึกไม่ออกเอ..อันนื้มันเรียกอะไร ถามลูกสาวลุงเต่าไป จึงได้ความว่าทะลาย .. เออใช่ ทำไมผมลืมได้นี่!
ที่ลุงเต่าตัดลงมา ที่มีลูกตาลติดกับก้านมาด้วย เขาเรียกว่าทะลายนี่เอง

พอลุงเต่าลงมาจากต้นนั้นแกก็ไปต่อต้นโน้น ทำอย่างนี้ 2-3 ต้นติดๆ กัน


จนมาถึงต้นที่อยู่ข้างหน้าผม ลุงแกปีนขึ้นไปแล้วก็ลงมา
ผมก็ถามลุง

ผม : ลุง..ทำไมต้นนี้ลุงลงมาตัวปล่าวล่ะ
ลุง : ไม่ไหว..มันมีต่อมีแตน

ผม : อ้าวมันมีด้วยเหรอลุง
ลุง : มีซี่ เยอะด้วย นั่นไงตรงใบที่แก่ๆ ที่จะหลุดนั่น สีน้ำตาลๆ นั่นไง มันทำรังอยู่ในนั้น

ผม : อ้าว..แล้วอย่างนี้ต้องทำไงล่ะลุง
ลุง : เดี๋ยวพรุ่งนี้เอายามาฉีด

ผม : ยาฉีด? ยังไงล่ะลุง?
ลุง : ก็พวกไบกอนไง

ผม : อ๋อ แล้วอย่างนี้ฉีดเสร็จ ต้องรอนานแค่ไหนล่ะลุง
ลุง : ฉีดแล้วมันก็มึน สักพักก็ขึ้นเก็บได้เลย

แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า ก่อนที่จะปั่นเข้ามาเห็นนกเอี้ยงมันร้องเสียงดังและเสียงที่ได้ยินนั้นมันคล้าย ๆ เสียงของกระรอก
หรือกระถิก เลยถามลูกสาวลุงเต่าไปว่า เสียงนั่นมันเป็นเสียงอะไรรู้หรือเปล่า

ลูกสาวลุงบอกว่า “มันเป็นกระรอก พวกกระรอกชอบมากิน พอกินเสร็จ มันก็เยี่ยวใส่” (ไม่เซ็นเซอร์ เพราะลูกสาวลุงแกว่าอย่างนี้จริงๆ)
พอมันเยี่ยวใส่ ลูกตาลมันก็ใช้ไม่ได้ลูกตาลมันก็จะหล่น ตกมาเองแหละ

** มันกินโดยการเจาะเข้าไปที่ลูกตาล (เวลาเราไปทะเล ถ้าเห็นลูกตาลหล่นที่พื้นลูกที่เล็กๆ ถ้าเป็นลูกที่ยังไม่สุก ถ้ามีรู
ลักษณะเหมือนโดนเจาะนั่นคือกระรอกกิน แล้วเยี่ยว(ฉี่) ที่มันเยี่ยวใส่จะทำให้ขั้วของลูกตาลนั้นอ่อน จะทำให้ลูกตาลตกลงมา
(อย่างที่เราเห็นตามพื้น เวลาที่เราไปทะเลนั่นแหละครับ) **


พอลุงเต่าปีนเสร็จ ลุงแกก็ขนขึ้นรถกลับมาเตรียมเฉาะขาย พอจอดรถ ขนลูกตาลลง ลูกค้าก็เริ่มทะยอยมารอกันเรื่อยๆ
จาก 1 เป็น 2  
จาก 2 เป็น 3
จาก 3 เป็น 4 แต่ละคนก็ 2 ถุง 4 ถุง 5 ถุง มีอยู่คนนึง ลุงๆ “ผมเอา 15 ถุง”  
โห.......

15 ถุงเพียบเลย ลุงแกต้องไปปีนเพิ่มอีกหรือเปล่าเนี่ย?

มีอยู่คนนึงมาซื้อ ลุง..เอา 2 ถุงๆ ละเท่าไหร่?
20บาท ลุงเต่าแกร้องบอก
อ้าวไม่ได้ 15 บาทแล้วเหรอ?

ผมอยู่ตรงนั้นก็เลยบอกไปว่า 20 บาท ไม่แพงหรอกครับ ค่าความพยายาม + ความเสี่ยง 20 บาทเนี่ยคุ้มมากนะครับ

ระหว่างลุงเต่าปลอกตาลแกก็ชวนคุยไปเรื่อย
"ปีนตาลหนะมันเสี่ยงรู้มั๊ย  ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน" ไม่เสี่ยงได้ไงแกว่ามา

"เรื่องต้นไม้ สมุนไพร ที่อยู่ตามพื้น นี่..ต้นนี้นะกินได้ แก้ช้ำใน แก้ความดัน ฯลฯ"
ต้นอะไรที่เป็นสมุนไพรลุงเต่าแกก็จะบอกจะเล่าให้ฟัง ต้นนี้แก้นั่น ต้นนี้แก้นี่ …

เวลาใครมายืนรอคิว ลุงเต่าแกก็ชวนคุยไปตามประสา ฆ่าเวลา บางทีปลอกไปก็หยิบส่งให้ลูกค้าชิม เอ้า เอาไปชิม ...

ผมเองก็ได้มา 1 ชิ้น อึ้มๆๆ อร่อยครับ ลูกตาลสดๆ เฉาะออกมาเนื้อมันนุ่มมากๆ
วันนั้นผมซื้อไป 100บาท เอาไปฝากน้องๆ ที่ทำงานอร่อยกันแน่เลย

ลุงเต่าแกพูดเสริมอีกว่า ปีนตาลหนะยากใครคิดว่าง่าย ข้างบนนะคมมาก คมยิ่งกว่าปากฉลามเสียอีก
(ก็เมื่อก่อนคนโบราณนิยมตัดก้านมันไปทำเป็นเลื่อย ไว้เลื่อยไม้)



*** *** ***

ภาพซ้าย : การปีนแบบใช้พะองช่วย
ภาพขวา : สองมือสองเท้า หนึ่งผ้าผูกขา

ทุกวันนี้แกยังคงปีนและแกก็จะทำเหมือนเช่นทุกๆ วันไม่มีวันหยุด

อาชีพที่นับวันยิ่งจะหายาก อาชีพที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ลุงเต่าแกเคยบอกกับผมว่า ว่างเมื่อไหร่ให้ไปหาแก แกจะเล่าเรื่องราวของแกให้ฟังอย่างละเอียด
แกอยากจะถ่ายทอดความรู้และเรื่องราวต่างๆ ให้สู่คนรุ่นหลัง แกอยากจะเป็นตำนานหน้านึงของที่นี่

ผมเองก็คิดว่าคงจะมีแกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำแบบนี้ได้ ถ้าแกวางมือไป ผมเองยังนึกไม่ออกว่าจะมีใครจะมาสานต่อจากแกได้

และนี่ก็เป็นเรื่องราวของชายวัยเริ่มชรา กับอาชีพที่แกรัก
อาชีพที่แกภูมิใจมาตลอดทั้งชีวิตของแก

ชายผู้สร้างตำนานปีนตาลหนึ่งเดียวคนนี้


ลุงเต่า..ชายปีนตาล


ข้อมูลและเรื่องราวเขียน ณ วันที่ 12.03.2011

- z o o n v o r s -

fb : zoonvors
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่