อยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ
วันที่ 15 พค ปีที่แล้ว เราเกิดอุบัติเหตุโดนรถสิบล้อชนบริเวณด้านข้างของรถจากด้านหลังยาวมาถึงด้านหน้ารถ เนื่องจากคนขับสิบล้อไม่ยอมหยุดรถและพยายามจะขับรถหนี ดีที่มีตำรวจอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลยช่วยเรียกให้จอดมาได้
หลังจากรถชนเราก็จอดอยู่กับที่แต่เราไม่ได้ลงมาถ่ายรูปที่เกิดเหตุ เพราะประตูฝั่งคนขับพังไม่สามารถเปิดออกมาได้ จะปีนออกอีกข้างก็ไม่สามารถเพราะติดว่าใส่กระโปรงแล้วก็มีกระเป๋าใส่หมาวางอยู่บนเบาะ ด้วยที่เราเห็นว่ามีตำรวจอยู่เห็นเหตุการณ์ พอตำรวจบอกให้เราขยับรถเราก็ขยับมาจอดข้างทาง (ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากเนื่องจากสุดท้ายตำรวจไม่สามารถเป็นพยานได้ เพราะเค้าแค่มาเคลียร์รถออกไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ จำไว้ว่าถ้าถูกชนอย่าขยับรถถ้าไม่มีรูปถ่ายค่ะ)
จากนั้นก็ลงมาตกลงกันทางสิบล้อก็ไม่รับผิด ทางประกันของวิริยะมาก่อนก็เข้าไปถามเหตุการณ์กับตำรวจ ตกลงกันไม่ได้ก็ไปโรงพัก ทางประกันของวิริยะมาหาว่าเราขับรถเบียดสิบล้อ บอกให้เราผิด เราไม่ยอม สุดท้ายมาบอกให้เรารับผิดไปคนละครึ่ง ทั้งๆที่ รถเราถูกชนจากทางด้านหลังครูดยาวมาถึงหน้ารถ ส่วนสิบล้อเสียหายที่กันชนหน้าด้านซ้ายและซุ้มล้อหน้าด้านซ้าย ตำรวจยังมาถามเราว่าใครขับอยู่ข้างหน้า คนขับสิบล้อก็หน้าด้านกล้าบอกว่าตัวเองอยู่ข้างหน้าด้วย
แต่เราไม่ผิด เราไม่ยอมขอส่งพิสูจน์หลักฐานเพื่อยื่นเรื่องฟ้องให้ศาลตัดสิน (ถึงตรงนี้ทางประกันวิริยะถึงมาบอกให้รับผิดกันคนละครึ่ง เราก็ไม่ยอมแล้วเพราะก่อนหน้านี้ยืนด่าเราป่าวๆ ว่าเราเป็นคนผิด ฝากไปถึงคนรับเรื่องด้วยว่าถ้าขอกันดีๆแต่แรกเรื่องจะไม่เป็นอย่างนี้ ประกันรถเราก็ชั้นหนึ่ง เคยบ่อยไปที่ชนแล้วปล่อยผ่านแต่ไม่ใช่มาข่มขู่กันอย่างนี้ จำไว้!!) ตำรวจก็เรียกพิสูจน์หลักฐานมาให้ แต่นอกสถานที่ต้องเสีย 500 บาทด้วย เรายอมจ่ายไปเพราะรถเราขับไปเองจะไม่ปลอดภัย (อันนี้สุดท้ายเราขอใบเสร็จ ตำรวจบอกไม่มีเลยคืนเงิน 500 มาให้เรา สรุปเราไม่เสียตังค์ ก็ไม่รู้ว่าเงินเข้าส่วนไหนนะถึงออกใบเสร็จไม่ได้)
เรื่องก็ผ่านไปรอเค้าเรียกสืบพยาน ได้ไปเจอตำรวจอีกครั้งหลังผลพิสูจน์หลักฐานออก ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน สรุปว่ารถเราถูกชนจากด้านหลังอย่างที่บอกในตอนแรก ตำรวจอีกท่านนึงเลยแจ้งข้อกล่าวหาคนขับสิบล้อไป 2 ข้อหาคือ ขับรถไม่ชิดขวาและชนแล้วหนี วันนั้นทางคนขับรถสิบล้อยังไม่ยอมรับผิด เพราะกลัวว่าทางเถ้าแก่จะหักเงินหรือทางบริษัทประกันบอกมาไม่รู้ เรื่องก็เลยต้องขึ้นศาล
วันที่ศาลตัดสินทางคนขับสิบล้อก็เปลี่ยนใจยอมรับสารภาพ ทางศาลก็ปรับไป 2 ข้อหาเป็นเงิน 1000 บาท (บอกเลยข้อหาไม่ได้หนักอะไร ถ้าเราผิดก็รับๆไป ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากินมาให้ปากคำอย่างต่ำก็ 3-4 ครั้ง นอกจากคุณเสียเวลาแถมยังทำให้คนอื่นเสียเวลาด้วยนะคะ) ศาลก็ถามเราว่าเราจะยื่นฟ้องแพ่งต่อไหม ขณะนั้นมีทนายของบริษัทวิริยะอยู่ด้วย พอดีเรายื่นเรื่องร้องเรียนไปที่คปภ.แล้ว ก็บอกศาลตามนั้น ทางทนายก็บอกว่าเดี๋ยวเรื่องค่าสินไหมจะจัดการให้ วันที่ศาลตัดสินคดีคือเดือนพฤศจิกายน 2557
เราให้แฟนโทรแจ้งผลกับทางคปภ. บอกจะดูเรื่องให้ ผ่านไป 4 เดือนไม่คืบหน้า เดือนมีนาคม 2558 เราก็โทรเอง มีเลขที่เรื่องร้องเรียนชัดเจน แต่ขอร้องเรียนกับคนอื่นเนื่องจากการดำเนินการช้ามากและเราบอกว่าจะร้องเรียนคนที่ดำเนินเรื่องให้ด้วย เค้าก็ให้คนรับเรื่องเดิมมารับเรื่องต่อทุกอย่างเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถนัดคู่กรณีคือบริษัทวิริยะได้ในอีก 2 วันข้างหน้า วันนัดทางเราลืมไปแต่ทางคปภ.โทรมาตามบอกว่าทางวิริยะจะจ่ายให้ 18000 บาท สำหรับค่าเสียเวลาที่เราซ่อมรถไป 72 วัน คิดเป็นวันละ 250 บาท ซึ่งจากระยะทางไปกลับที่บ้านที่ทำงานเราค่าแท๊กซี่เที่ยวเดียวยังไม่พอเลย เราก็เลยไม่รับ (ลืมบอกไปว่าเราเคยไปตกลงที่บริษัทวิริยะก่อนหน้าส่งเรื่องไปคปภ.แล้ว บอกให้เราวันละ 300 บาท 10 วัน โดนไม่สนใจว่ารถเราจะซ่อมกี่วัน ทั้งๆที่เราก็มีหลักฐานการซ่อมและวันที่รับรถจากศูนย์ชัดเจน)
เค้าไปคิดดูใหม่ให้เพิ่มเป็น 25000 บาท ดีขึ้นมาหน่อย แต่จากค่าใช้จ่าย ระยะเวลา ความรู้สึกและพลังงานที่เราเสียไปมันไม่พอ เรากำลังจะเดินเรื่องฟ้องต่อ โดยจะยื่นเรื่องกับตุลาการ และยื่นคดีแพ่งด้วย นอกจากจะเรียกค่าเสียผลประโยชน์จากการใช้รถแล้ว เราจะเรียกค่าเสียเวลาในการทำงานของเรากับสามี ค่าเสื่อมสภาพรถ และค่าทนายด้วย (จากเดิมที่เรียกไป 35000 ยอดจะเป็นเท่าไหร่ยังไม่รู้ เพราะค่าเสียเวลาสามีเราก็วันละ 10000 บาทขึ้นไปแล้ว นับเฉพาะวันที่เกิดอุบัติเหตุ วันที่ให้ปากคำ วันที่นัดไกล่เกลี่ย ยังไม่รวมที่ต้องขึ้นศาลในวันข้างหน้าอีกกี่วันไม่รู้)
ถ้าท่านผู้ใดมีความรู้ทางด้านกฎหมาย รบกวนขอความรู้ด้วยค่ะว่ามีส่วนไหนที่เราพอจะเรียกอีกได้บ้าง เพราะเรารู้สึกว่าเรากำลังถูกบริษัทใหญ่เอาเปรียบ คงมีคนอีกหลายคนที่เคยโดนข่มขู่ทำให้ต้องรับผิดไป เราก็ไม่อยากทางบริษัทได้ใจคิดว่าจะทำยังไงก็คนอื่นได้ค่ะ คดีละเมิดมีอายุความ 1 ปี เราคงต้องทำเรื่องภายในอาทิตย์นี้ ส่วนคดีแพ่งจะตามมาอย่างแน่นอนค่ะ แล้วเราจะมาอัพเดทให้ฟังค่ะ
แชร์เรื่องฟ้องบริษัทวิริยะเรื่องค่าสินไหมทดแทนจากการใช้ประโยชน์รถค่ะ
วันที่ 15 พค ปีที่แล้ว เราเกิดอุบัติเหตุโดนรถสิบล้อชนบริเวณด้านข้างของรถจากด้านหลังยาวมาถึงด้านหน้ารถ เนื่องจากคนขับสิบล้อไม่ยอมหยุดรถและพยายามจะขับรถหนี ดีที่มีตำรวจอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นเลยช่วยเรียกให้จอดมาได้
หลังจากรถชนเราก็จอดอยู่กับที่แต่เราไม่ได้ลงมาถ่ายรูปที่เกิดเหตุ เพราะประตูฝั่งคนขับพังไม่สามารถเปิดออกมาได้ จะปีนออกอีกข้างก็ไม่สามารถเพราะติดว่าใส่กระโปรงแล้วก็มีกระเป๋าใส่หมาวางอยู่บนเบาะ ด้วยที่เราเห็นว่ามีตำรวจอยู่เห็นเหตุการณ์ พอตำรวจบอกให้เราขยับรถเราก็ขยับมาจอดข้างทาง (ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากเนื่องจากสุดท้ายตำรวจไม่สามารถเป็นพยานได้ เพราะเค้าแค่มาเคลียร์รถออกไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ จำไว้ว่าถ้าถูกชนอย่าขยับรถถ้าไม่มีรูปถ่ายค่ะ)
จากนั้นก็ลงมาตกลงกันทางสิบล้อก็ไม่รับผิด ทางประกันของวิริยะมาก่อนก็เข้าไปถามเหตุการณ์กับตำรวจ ตกลงกันไม่ได้ก็ไปโรงพัก ทางประกันของวิริยะมาหาว่าเราขับรถเบียดสิบล้อ บอกให้เราผิด เราไม่ยอม สุดท้ายมาบอกให้เรารับผิดไปคนละครึ่ง ทั้งๆที่ รถเราถูกชนจากทางด้านหลังครูดยาวมาถึงหน้ารถ ส่วนสิบล้อเสียหายที่กันชนหน้าด้านซ้ายและซุ้มล้อหน้าด้านซ้าย ตำรวจยังมาถามเราว่าใครขับอยู่ข้างหน้า คนขับสิบล้อก็หน้าด้านกล้าบอกว่าตัวเองอยู่ข้างหน้าด้วย
แต่เราไม่ผิด เราไม่ยอมขอส่งพิสูจน์หลักฐานเพื่อยื่นเรื่องฟ้องให้ศาลตัดสิน (ถึงตรงนี้ทางประกันวิริยะถึงมาบอกให้รับผิดกันคนละครึ่ง เราก็ไม่ยอมแล้วเพราะก่อนหน้านี้ยืนด่าเราป่าวๆ ว่าเราเป็นคนผิด ฝากไปถึงคนรับเรื่องด้วยว่าถ้าขอกันดีๆแต่แรกเรื่องจะไม่เป็นอย่างนี้ ประกันรถเราก็ชั้นหนึ่ง เคยบ่อยไปที่ชนแล้วปล่อยผ่านแต่ไม่ใช่มาข่มขู่กันอย่างนี้ จำไว้!!) ตำรวจก็เรียกพิสูจน์หลักฐานมาให้ แต่นอกสถานที่ต้องเสีย 500 บาทด้วย เรายอมจ่ายไปเพราะรถเราขับไปเองจะไม่ปลอดภัย (อันนี้สุดท้ายเราขอใบเสร็จ ตำรวจบอกไม่มีเลยคืนเงิน 500 มาให้เรา สรุปเราไม่เสียตังค์ ก็ไม่รู้ว่าเงินเข้าส่วนไหนนะถึงออกใบเสร็จไม่ได้)
เรื่องก็ผ่านไปรอเค้าเรียกสืบพยาน ได้ไปเจอตำรวจอีกครั้งหลังผลพิสูจน์หลักฐานออก ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน สรุปว่ารถเราถูกชนจากด้านหลังอย่างที่บอกในตอนแรก ตำรวจอีกท่านนึงเลยแจ้งข้อกล่าวหาคนขับสิบล้อไป 2 ข้อหาคือ ขับรถไม่ชิดขวาและชนแล้วหนี วันนั้นทางคนขับรถสิบล้อยังไม่ยอมรับผิด เพราะกลัวว่าทางเถ้าแก่จะหักเงินหรือทางบริษัทประกันบอกมาไม่รู้ เรื่องก็เลยต้องขึ้นศาล
วันที่ศาลตัดสินทางคนขับสิบล้อก็เปลี่ยนใจยอมรับสารภาพ ทางศาลก็ปรับไป 2 ข้อหาเป็นเงิน 1000 บาท (บอกเลยข้อหาไม่ได้หนักอะไร ถ้าเราผิดก็รับๆไป ไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากินมาให้ปากคำอย่างต่ำก็ 3-4 ครั้ง นอกจากคุณเสียเวลาแถมยังทำให้คนอื่นเสียเวลาด้วยนะคะ) ศาลก็ถามเราว่าเราจะยื่นฟ้องแพ่งต่อไหม ขณะนั้นมีทนายของบริษัทวิริยะอยู่ด้วย พอดีเรายื่นเรื่องร้องเรียนไปที่คปภ.แล้ว ก็บอกศาลตามนั้น ทางทนายก็บอกว่าเดี๋ยวเรื่องค่าสินไหมจะจัดการให้ วันที่ศาลตัดสินคดีคือเดือนพฤศจิกายน 2557
เราให้แฟนโทรแจ้งผลกับทางคปภ. บอกจะดูเรื่องให้ ผ่านไป 4 เดือนไม่คืบหน้า เดือนมีนาคม 2558 เราก็โทรเอง มีเลขที่เรื่องร้องเรียนชัดเจน แต่ขอร้องเรียนกับคนอื่นเนื่องจากการดำเนินการช้ามากและเราบอกว่าจะร้องเรียนคนที่ดำเนินเรื่องให้ด้วย เค้าก็ให้คนรับเรื่องเดิมมารับเรื่องต่อทุกอย่างเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถนัดคู่กรณีคือบริษัทวิริยะได้ในอีก 2 วันข้างหน้า วันนัดทางเราลืมไปแต่ทางคปภ.โทรมาตามบอกว่าทางวิริยะจะจ่ายให้ 18000 บาท สำหรับค่าเสียเวลาที่เราซ่อมรถไป 72 วัน คิดเป็นวันละ 250 บาท ซึ่งจากระยะทางไปกลับที่บ้านที่ทำงานเราค่าแท๊กซี่เที่ยวเดียวยังไม่พอเลย เราก็เลยไม่รับ (ลืมบอกไปว่าเราเคยไปตกลงที่บริษัทวิริยะก่อนหน้าส่งเรื่องไปคปภ.แล้ว บอกให้เราวันละ 300 บาท 10 วัน โดนไม่สนใจว่ารถเราจะซ่อมกี่วัน ทั้งๆที่เราก็มีหลักฐานการซ่อมและวันที่รับรถจากศูนย์ชัดเจน)
เค้าไปคิดดูใหม่ให้เพิ่มเป็น 25000 บาท ดีขึ้นมาหน่อย แต่จากค่าใช้จ่าย ระยะเวลา ความรู้สึกและพลังงานที่เราเสียไปมันไม่พอ เรากำลังจะเดินเรื่องฟ้องต่อ โดยจะยื่นเรื่องกับตุลาการ และยื่นคดีแพ่งด้วย นอกจากจะเรียกค่าเสียผลประโยชน์จากการใช้รถแล้ว เราจะเรียกค่าเสียเวลาในการทำงานของเรากับสามี ค่าเสื่อมสภาพรถ และค่าทนายด้วย (จากเดิมที่เรียกไป 35000 ยอดจะเป็นเท่าไหร่ยังไม่รู้ เพราะค่าเสียเวลาสามีเราก็วันละ 10000 บาทขึ้นไปแล้ว นับเฉพาะวันที่เกิดอุบัติเหตุ วันที่ให้ปากคำ วันที่นัดไกล่เกลี่ย ยังไม่รวมที่ต้องขึ้นศาลในวันข้างหน้าอีกกี่วันไม่รู้)
ถ้าท่านผู้ใดมีความรู้ทางด้านกฎหมาย รบกวนขอความรู้ด้วยค่ะว่ามีส่วนไหนที่เราพอจะเรียกอีกได้บ้าง เพราะเรารู้สึกว่าเรากำลังถูกบริษัทใหญ่เอาเปรียบ คงมีคนอีกหลายคนที่เคยโดนข่มขู่ทำให้ต้องรับผิดไป เราก็ไม่อยากทางบริษัทได้ใจคิดว่าจะทำยังไงก็คนอื่นได้ค่ะ คดีละเมิดมีอายุความ 1 ปี เราคงต้องทำเรื่องภายในอาทิตย์นี้ ส่วนคดีแพ่งจะตามมาอย่างแน่นอนค่ะ แล้วเราจะมาอัพเดทให้ฟังค่ะ