คือหนูสงสัยว่า คดีแบบนี้ ซึ่งผิดพรบ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 และบทลงโทษในมาตรา 79
การฟ้องคดีเนี่ยตอนขึ้นศาลใดได้บ้าง ศาลยุติธรรม ศาลจังหวัด หรือสามารถขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาได้มั้ยค่ะอยู่ใยขอบเขตอำนาจศาลนี้ด้วยรึเปล่า?
แล้วกระบวนการพิจารณาคดีเป็นอย่างไรค่ะ ?
สามารถหาเอกสารหรือหนังสืออะไรอ่านประกอบได้บ้าง?
*มาตรา 38 ห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจาหน่ายภาพยนตร์โดยทาเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
ใบอนุญาตนั้นให้ออกสาหรับสถานที่ให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจาหน่ายภาพยนตร์แต่ละแห่ง
การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 54 ห้ามผู้ใดประกอบกิจการ ให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจาหน่ายวีดิทัศน์ โดยทาเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
ใบอนุญาตนั้นให้ออกสาหรับสถานที่ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจาหน่ายวีดิทัศน์แต่ละแห่ง
การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 79 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 37 วรรคหนึ่ง มาตรา 38 วรรคหนึ่ง หรือประกอบกิจการดังกล่าวในระหว่างถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
ตัวอย่างข่าวค่ะ
2หนูน้อยร่ำไห้กอดแม่-หลัง"พงศพัศ"จ่ายค่าปรับช่วยพ้นโทษ คดีขายซีดีละเมิดลิขสิทธิ์
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดลพบุรี เพื่อเสียค่าปรับให้กับ นางนันทนา น้อยบุญมา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจ สภ.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551
จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมนายณรงค์ชัย น้อยบุญมา อายุ 36 ปี สามีนางนันทนา ด.ช.ภูวดล น้อยบุญมา อายุ 11 ปี ด.ญ.จีรนันท์ น้อยบุญมา อายุ 10 ปี ลูกชายและลูกสาวของนางนันทนา เดินขึ้นไปบนศาลจังหวัดลพบุรี ทำการเสียเงินค่าปรับแทนให้กับนางนันทนา ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดลพบุรี เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 99,600 บาท ได้ลด 400 บาท เพราะนางนันทนาถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 วัน หลังเสียค่าปรับ พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมทั้งนายณรงค์ชัย ด.ช.ภูวดล และ ด.ญ.จีรนันท์ ได้เดินทางต่อไปที่เรือนจำกลางจังหวัดลพบุรี เพื่อรับตัวนางนันทนาต่อทันที
เมื่อเดินทางไปถึงเรือนจำกลางลพบุรี เจ้าหน้าที่นำตัวนางนันทนาออกมา หลังนายณรงค์ชัยสามีพร้อมทั้งลูกชายและลูกสาวเห็นหน้านางนันทนา ก็โผเข้ากอดพร้อมส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพนียด จับกุมตัวนางนันทนาในข้อหา ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (วิซีดี) จำนวน 10 แผ่น โดยทำเป็นธุรกิจวางขายในตลาดนัดสี่แยกวังเพลิง จ.ลพบุรี และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นจึงนำตัวส่งฟ้องศาล โดยพนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี เป็นโจทก์
ขณะที่ นางนันทนา กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเป็นช่างเย็บผ้า และในช่วงเวลาดังกล่าวว่างงาน จึงนำซีดีเก่าที่หาซื้อมาดูออกขายที่ตลาดนัด โดยไม่ทราบว่ามีความผิด ทำให้ถูกตำรวจจับ ต่อมาทราบข่าวทางทีวีว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก จึงเดินทางเข้าไปพบ เมื่อเดือนมี.ค. 2554 และท่านก็รับปากว่าจะช่วยเหลือ และท่านก็ช่วยเหลือจริงๆ ซึ่งนับว่าเป็นความเมตตาอย่างใหญ่หลวงสำหรับตนและครอบครัวต่อไปตนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อที่จะหาเงินเลี้ยงลูกส่งเสียให้เรียนหนังสือให้จบการศึกษาระดับสูง เพื่อที่จะได้เป็นคนดีของสังคมต่อไป
ที่มา ข่าวสดออนไลน์วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14:02 น
หรือข่าวนี้ อุทธรณ์ยืนปรับหนุ่มเก็บขยะ2แสนตั้งแผงขายซีดี
ที่ห้องพิจารณา 915 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้( 10 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีดำ อ.3060/52 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 26 ปี ลูกจ้างประจำงานเก็บขยะมูลฝอย เขตสะพานสูง กทม.เป็นจำเลยในความผิดฐานมีแผ่นซีดีเพลง,ภาพยนตร์เพื่อเสนอจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรค 1
กรณีเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 จำเลยตั้งแผงจำหน่ายซีดีเพลง 13 แผ่น แผ่นวีซีดีภาพยนตร์ 83 แผ่น มีลูกค้า 2 คนกำลังดูสินค้าอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก มาขอตรวจดูใบอนุญาตจำหน่ายซีดี ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ แต่จำเลยไม่มี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงควบคุมตัวดำเนินคดี จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ เงินจำนวน 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้ คงปรับจำเลย 133,400 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี
ต่อมากรมคุ้มครองสิทธิ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยเหลือประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยจำเลยยื่นอุทธรณ์ อ้างว่า พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เรื่องความเสมอภาค
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า จำเลยไม่เคยยกมาตราใดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไร ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลสืบพยานเกี่ยวกับของกลางในคดีตามบันทึกจับกุมว่า เป็นของกลางที่ตรงกับของจำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า คดีนี้มีการต่อสู้และศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัย ซึ่งตามบันทึกจับกุม จำเลยได้ลงลายมือชื่อรับไว้ และภายหลังจับกุม จำเลยได้ให้บุคคลใกล้ชิดตรวจดูของกลางก็มีการเซ็นชื่อรับไว้เช่นกัน ขณะที่ ในการสืบพยานจำเลยก็ไม่ได้นำพยานซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดมาเบิกความต่อสู้ประเด็นดังกล่าว ศาลเชื่อว่าของกลางตามบันทึกจับกุมเป็นของจำเลยจริง ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยเพื่อสืบพยานใหม่
สำหรับที่จำเลยอุทธรณ์ต่อสู้ว่า ไม่ใช่ผู้ประกอบการ ตามความหมายของพ.ร.บ.ภาพยนตร์ ฯ แต่เป็นเพียงผู้เสนอขาย จึงไม่ต้องรับโทษตามมาตรา38 วรรค1 นั้น ศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สภาพของกลางแผ่นซีดีเพลง วีซีดีภาพยนตร์ มีแผ่นปกระบุรายละเอียดชื่อภาพยนตร์ ชื่อนักแสดงไว้ชัดเจน และแผ่นพลาสติกใสห่อหุ้มแผ่นซีดี และวีซีดีในสภาพเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแผ่นซีดีที่เก็บได้จากกองขยะ แต่เป็นแผ่นที่ได้มาจากแหล่งผลิตแล้วจำเลยนำมาวางจำหน่าย ซึ่งตามบันทึกการจับกุมก็มีการทดลองเปิดแผ่นดู พบว่าสามารถรับชมรับฟังได้ แม้จะวางปนเปกับสินค้าอื่นๆ แต่ก็ฟังได้ว่าเป็นจำเลยเป็นผู้จำหน่าย ผู้ประกอบการ ตามความหมายในมาตรา38วรรค1 ที่จำเลยต่อสู้ว่าโทษปรับสูงเกินไป เห็นว่า มาตรา 79 ของกฎหมายนี้ มีโทษปรับตั้งแต่ 2 แสนบาท ถึง1ล้านบาท โดยศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้ก็นับว่าลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่อาจลงโทษเป็นอย่างอื่นได้ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฟังคำพิพากษา นายสุรัตน์ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สวมกุญแจมือ จนนางส้มโอภรรยาต้องเบือนหน้า ส่วนลูกสาวคนโตก็ได้แต่กอดน้องคนเล็กไว้แล้วบอกว่าจะไปรอพ่อข้างล่าง(ห้องควบคุมตัว)
ด้านนางส้มโอ มณีนพรัตน์สุดา ภรรยา กล่าวว่า ทุกวันนี้สามีเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว เงินเดือน 9,900 บาทไม่พอใช้จ่าย ตนเองก็ถักสร้อยขาย อยากให้หน่วยงานราชการมาช่วย เพราะชาตินี้ ตนไม่เคยจับเงินแสน ไม่รู้จะหาเงินจากไหน กระทรวงยุติธรรมได้ช่วยเหลือประกันตัวให้เฉพาะศาลชั้นต้น แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนประกันตัวสามีเลย.
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคาร 10 กรกฎาคม 2555 เวลา 12:24 น
ขอบคุณมากค่ะ
สงสัยหนักมาก รบกวนถามผู้รู้เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีหน่อยค่ะ
การฟ้องคดีเนี่ยตอนขึ้นศาลใดได้บ้าง ศาลยุติธรรม ศาลจังหวัด หรือสามารถขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาได้มั้ยค่ะอยู่ใยขอบเขตอำนาจศาลนี้ด้วยรึเปล่า?
แล้วกระบวนการพิจารณาคดีเป็นอย่างไรค่ะ ?
สามารถหาเอกสารหรือหนังสืออะไรอ่านประกอบได้บ้าง?
*มาตรา 38 ห้ามผู้ใดประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจาหน่ายภาพยนตร์โดยทาเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
ใบอนุญาตนั้นให้ออกสาหรับสถานที่ให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจาหน่ายภาพยนตร์แต่ละแห่ง
การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 54 ห้ามผู้ใดประกอบกิจการ ให้เช่า แลกเปลี่ยนหรือจาหน่ายวีดิทัศน์ โดยทาเป็นธุรกิจหรือได้รับประโยชน์ตอบแทน เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน
ใบอนุญาตนั้นให้ออกสาหรับสถานที่ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจาหน่ายวีดิทัศน์แต่ละแห่ง
การขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 79 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 37 วรรคหนึ่ง มาตรา 38 วรรคหนึ่ง หรือประกอบกิจการดังกล่าวในระหว่างถูกพักใช้หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 200,000-1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่
ตัวอย่างข่าวค่ะ
2หนูน้อยร่ำไห้กอดแม่-หลัง"พงศพัศ"จ่ายค่าปรับช่วยพ้นโทษ คดีขายซีดีละเมิดลิขสิทธิ์
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดลพบุรี เพื่อเสียค่าปรับให้กับ นางนันทนา น้อยบุญมา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจ สภ.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551
จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมนายณรงค์ชัย น้อยบุญมา อายุ 36 ปี สามีนางนันทนา ด.ช.ภูวดล น้อยบุญมา อายุ 11 ปี ด.ญ.จีรนันท์ น้อยบุญมา อายุ 10 ปี ลูกชายและลูกสาวของนางนันทนา เดินขึ้นไปบนศาลจังหวัดลพบุรี ทำการเสียเงินค่าปรับแทนให้กับนางนันทนา ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดลพบุรี เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 99,600 บาท ได้ลด 400 บาท เพราะนางนันทนาถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 วัน หลังเสียค่าปรับ พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมทั้งนายณรงค์ชัย ด.ช.ภูวดล และ ด.ญ.จีรนันท์ ได้เดินทางต่อไปที่เรือนจำกลางจังหวัดลพบุรี เพื่อรับตัวนางนันทนาต่อทันที
เมื่อเดินทางไปถึงเรือนจำกลางลพบุรี เจ้าหน้าที่นำตัวนางนันทนาออกมา หลังนายณรงค์ชัยสามีพร้อมทั้งลูกชายและลูกสาวเห็นหน้านางนันทนา ก็โผเข้ากอดพร้อมส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เพนียด จับกุมตัวนางนันทนาในข้อหา ประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ (วิซีดี) จำนวน 10 แผ่น โดยทำเป็นธุรกิจวางขายในตลาดนัดสี่แยกวังเพลิง จ.ลพบุรี และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นจึงนำตัวส่งฟ้องศาล โดยพนักงานอัยการจังหวัดลพบุรี เป็นโจทก์
ขณะที่ นางนันทนา กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเป็นช่างเย็บผ้า และในช่วงเวลาดังกล่าวว่างงาน จึงนำซีดีเก่าที่หาซื้อมาดูออกขายที่ตลาดนัด โดยไม่ทราบว่ามีความผิด ทำให้ถูกตำรวจจับ ต่อมาทราบข่าวทางทีวีว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ท่านเป็นคนที่มีคุณธรรมชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก จึงเดินทางเข้าไปพบ เมื่อเดือนมี.ค. 2554 และท่านก็รับปากว่าจะช่วยเหลือ และท่านก็ช่วยเหลือจริงๆ ซึ่งนับว่าเป็นความเมตตาอย่างใหญ่หลวงสำหรับตนและครอบครัวต่อไปตนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อที่จะหาเงินเลี้ยงลูกส่งเสียให้เรียนหนังสือให้จบการศึกษาระดับสูง เพื่อที่จะได้เป็นคนดีของสังคมต่อไป
ที่มา ข่าวสดออนไลน์วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 14:02 น
หรือข่าวนี้ อุทธรณ์ยืนปรับหนุ่มเก็บขยะ2แสนตั้งแผงขายซีดี
ที่ห้องพิจารณา 915 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้( 10 ก.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีดำ อ.3060/52 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 26 ปี ลูกจ้างประจำงานเก็บขยะมูลฝอย เขตสะพานสูง กทม.เป็นจำเลยในความผิดฐานมีแผ่นซีดีเพลง,ภาพยนตร์เพื่อเสนอจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวิดีทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 38 วรรค 1
กรณีเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 จำเลยตั้งแผงจำหน่ายซีดีเพลง 13 แผ่น แผ่นวีซีดีภาพยนตร์ 83 แผ่น มีลูกค้า 2 คนกำลังดูสินค้าอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก มาขอตรวจดูใบอนุญาตจำหน่ายซีดี ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ แต่จำเลยไม่มี เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงควบคุมตัวดำเนินคดี จำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับ เงินจำนวน 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้ คงปรับจำเลย 133,400 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี
ต่อมากรมคุ้มครองสิทธิ์ กระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยเหลือประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยจำเลยยื่นอุทธรณ์ อ้างว่า พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เรื่องความเสมอภาค
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า จำเลยไม่เคยยกมาตราใดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ อย่างไร ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลสืบพยานเกี่ยวกับของกลางในคดีตามบันทึกจับกุมว่า เป็นของกลางที่ตรงกับของจำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า คดีนี้มีการต่อสู้และศาลชั้นต้นได้มีคำวินิจฉัย ซึ่งตามบันทึกจับกุม จำเลยได้ลงลายมือชื่อรับไว้ และภายหลังจับกุม จำเลยได้ให้บุคคลใกล้ชิดตรวจดูของกลางก็มีการเซ็นชื่อรับไว้เช่นกัน ขณะที่ ในการสืบพยานจำเลยก็ไม่ได้นำพยานซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดมาเบิกความต่อสู้ประเด็นดังกล่าว ศาลเชื่อว่าของกลางตามบันทึกจับกุมเป็นของจำเลยจริง ศาลอุทธรณ์จึงไม่วินิจฉัยเพื่อสืบพยานใหม่
สำหรับที่จำเลยอุทธรณ์ต่อสู้ว่า ไม่ใช่ผู้ประกอบการ ตามความหมายของพ.ร.บ.ภาพยนตร์ ฯ แต่เป็นเพียงผู้เสนอขาย จึงไม่ต้องรับโทษตามมาตรา38 วรรค1 นั้น ศาลเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สภาพของกลางแผ่นซีดีเพลง วีซีดีภาพยนตร์ มีแผ่นปกระบุรายละเอียดชื่อภาพยนตร์ ชื่อนักแสดงไว้ชัดเจน และแผ่นพลาสติกใสห่อหุ้มแผ่นซีดี และวีซีดีในสภาพเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแผ่นซีดีที่เก็บได้จากกองขยะ แต่เป็นแผ่นที่ได้มาจากแหล่งผลิตแล้วจำเลยนำมาวางจำหน่าย ซึ่งตามบันทึกการจับกุมก็มีการทดลองเปิดแผ่นดู พบว่าสามารถรับชมรับฟังได้ แม้จะวางปนเปกับสินค้าอื่นๆ แต่ก็ฟังได้ว่าเป็นจำเลยเป็นผู้จำหน่าย ผู้ประกอบการ ตามความหมายในมาตรา38วรรค1 ที่จำเลยต่อสู้ว่าโทษปรับสูงเกินไป เห็นว่า มาตรา 79 ของกฎหมายนี้ มีโทษปรับตั้งแต่ 2 แสนบาท ถึง1ล้านบาท โดยศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 2 แสนบาท และลดอัตราส่วนโทษให้ก็นับว่าลงโทษสถานเบาที่สุดแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่อาจลงโทษเป็นอย่างอื่นได้ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฟังคำพิพากษา นายสุรัตน์ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สวมกุญแจมือ จนนางส้มโอภรรยาต้องเบือนหน้า ส่วนลูกสาวคนโตก็ได้แต่กอดน้องคนเล็กไว้แล้วบอกว่าจะไปรอพ่อข้างล่าง(ห้องควบคุมตัว)
ด้านนางส้มโอ มณีนพรัตน์สุดา ภรรยา กล่าวว่า ทุกวันนี้สามีเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว เงินเดือน 9,900 บาทไม่พอใช้จ่าย ตนเองก็ถักสร้อยขาย อยากให้หน่วยงานราชการมาช่วย เพราะชาตินี้ ตนไม่เคยจับเงินแสน ไม่รู้จะหาเงินจากไหน กระทรวงยุติธรรมได้ช่วยเหลือประกันตัวให้เฉพาะศาลชั้นต้น แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนประกันตัวสามีเลย.
ที่มา เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคาร 10 กรกฎาคม 2555 เวลา 12:24 น
ขอบคุณมากค่ะ