สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ความเห็นข้างต้นก็ตอบได้ครบถ้วนแล้ว
ส่วนตัวผู้ตอบเห็นว่า หลังจบ ป.ตรี ก็ควรทำงานหาประสบการณ์สัก 3-5 ปี เป็นอย่างน้อย
ตอนเรียนโท ก็ไม่ได้มีอะไรประหลาด แค่สอนให้คุณรู้จักหลักนิยมว่า เขาทำงี้ ๆ กันแล้วมันสำเร็จ
ก็เรียน ๆ ไปตามประสา เฮฮาเป็นกิจวัตร สู้ฟัดเป็นเวลา
ที่น่าสนใจคือ การทำวิทยานิพนธ์ ต้องทำเองให้หมดเล่ม จึงจะเรียกว่าจบโท
คือรู้จักตั้งสมมติฐาน รู้จักการทำวิจัย การวิเคราะห์ การทำรูปเล่ม เพื่อเป็นพื้นฐานการเรียนด็อกต่อไป
อนึ่ง ค่าใช้จ่ายการเรียนโทอยู่ที่ราว ๆ สองแสนเศษ
เงินจำนวนนี้สามารถนำมาต่อยอดทางอื่นที่ดีกว่าเรียนโทได้อีกมาก
เช่น ขยายไซส์หน้าอก เข้าฟิตเนส เรียนพัฒนาบุคลิกภาพ ฯลฯ ซึ่งได้ผลดีกว่าเรียนโทเป็นอย่างมาก
จึงฝากไว้ให้คิดเพียงนี้
ส่วนตัวผู้ตอบเห็นว่า หลังจบ ป.ตรี ก็ควรทำงานหาประสบการณ์สัก 3-5 ปี เป็นอย่างน้อย
ตอนเรียนโท ก็ไม่ได้มีอะไรประหลาด แค่สอนให้คุณรู้จักหลักนิยมว่า เขาทำงี้ ๆ กันแล้วมันสำเร็จ
ก็เรียน ๆ ไปตามประสา เฮฮาเป็นกิจวัตร สู้ฟัดเป็นเวลา
ที่น่าสนใจคือ การทำวิทยานิพนธ์ ต้องทำเองให้หมดเล่ม จึงจะเรียกว่าจบโท
คือรู้จักตั้งสมมติฐาน รู้จักการทำวิจัย การวิเคราะห์ การทำรูปเล่ม เพื่อเป็นพื้นฐานการเรียนด็อกต่อไป
อนึ่ง ค่าใช้จ่ายการเรียนโทอยู่ที่ราว ๆ สองแสนเศษ
เงินจำนวนนี้สามารถนำมาต่อยอดทางอื่นที่ดีกว่าเรียนโทได้อีกมาก
เช่น ขยายไซส์หน้าอก เข้าฟิตเนส เรียนพัฒนาบุคลิกภาพ ฯลฯ ซึ่งได้ผลดีกว่าเรียนโทเป็นอย่างมาก
จึงฝากไว้ให้คิดเพียงนี้
ความคิดเห็นที่ 13
ก่อนอื่น เอาให้แน่ใจจริงๆว่าจะเรียนต่อสาขานั้นๆ
หาข้อมูลเรื่องหลักสูตรการเรียน เห็นหลายคนไปเรียนแล้วไม่ตรงตามที่คิด พาลให้ไม่จบง่ายๆ
เมื่อเริ่มเรียนแล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การแบ่งเวลา ค่ะ
การบ้าน รายงาน เนื้อหา ต้องจัดสรรเวลาให้เป็น
รู้ว่าเรียนแล้วไม่เข้าใจเนื้อหาอะไร รีบทำความเข้าใจ ถามเพื่อน ถามอาจารย์
ส่งการบ้าน เข้าเรียนสม่ำเสมอ ลองเอาข้อสอบเก่ามาทำ
เกรดงามแน่นอนค่ะ
เมื่อถึงขั้นตอนการทำวิจัย
อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งค่ะ
คือ พูดถึงประสบการณ์เรานะคะ เราทำวิจัยไม่เก่ง แต่อาจารย์ช่วยถีบช่วยดันจนจบ
แกบอกว่า ผมก็ไม่รู้จะดองพวกคุณไว้ทำไม ช่วยให้จบได้ก็ต้องช่วย
เราเลือกอาจารย์ที่เคมีตรงกัน คือ เวลาที่เรียนกับอาจารย์หลายๆคน เราจะรู้ว่าสไตล์การเรียนการสอนเป็นแบบไหน
อาจารย์สอนในวิชาที่เราสนใจทำงานวิจัยรึเปล่า
แล้วก็ค้นหา "หัวข้อที่อยากทำวิจัย" (ที่เราต้องอยู่กับมันแทบตลอดเวลา) เสนออาจารย์ที่ปรึกษา (ที่เราอยากทำงานวิจัยด้วย)
และเมื่อได้หัวข้อแล้ว ต้องขยันมากๆ
หางานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญคือ ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาบ่อยๆ
เพราะถ้ามีปัญหาอะไร จะได้แก้ไขอย่างทันท่วงที
มีคนที่รู้จักหลายคน ตอนเรียนเกรดดีงาม แต่พอทำงานวิจัยช้ามากก ทำให้จบช้าไป
บางทีก็บอกว่า อาจารย์ไม่ว่าง นัดไม่ตรงกัน อาจารย์ไม่ใช่แนว อะไรทำนองนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คือ งานวิจัยเรามันจะจบด้วยได้เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาอ่ะค่ะ
เรามีเคสที่ตอนเรียน เพื่อนคนนึงที่เรียนด้วยกัน เรียนดี เก่ง
ได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกับเรา ปรากฏว่าตอนทำวิจัย อยู่ดีๆเธอก็เงียบไป
ไม่ยอมส่งงาน อาจารย์แกก็ตามๆๆๆ ทั้งเมลล์ ทั้งโทร คุยกับผู้ปกครอง จนแกบอกว่า เหลืออย่างเดียวคือ ผมไปตามที่บ้านแล้วครับ
คือ เรามองว่า อาจารย์บางคนเค้าไม่ตามขนาดนี้อ่ะค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่า อะไรๆก็โยนให้อาจารย์ที่ปรึกษาหมดนะคะ
เพราะตัวยืนหลักๆคือเรา แต่อาจารย์คอยช่วยถีบช่วยดันเราให้ไปสุดปลายทาง
ตอนจะสอบพรีเซนต์
เตรียมตัวให้พร้อม ซ้อมพรีเซนต์ ลองคิดดูว่า ถ้าเราเป็นคนฟัง ฟังเราพรีเซนต์และอ่านสไลด์เราแล้ว เค้าจะมีคำถามอะไร
แล้วเตรียมคำตอบไว้ หรือทำสไลด์ให้สมบูรณ์
เวลาตอบคำถาม อาจารย์ที่ปรึกษาบางคนก็ช่วยนะคะ ถ้าเราตอบไม่ได้จริงๆ และกำลังจะโดนคิล
ตอนเราพรีเซนต์ เราตอบผิด ออกมาจากห้อง แกบ่นว่า คุณน่ะ ไม่ยอมมองผม ผมอุตส่าห์ส่งสัญญาณ ฮ่าาาา
จบออกมาได้นี่ ป้าดดด เราก็ทำได้เหมือนกันนะนี่ ฮ่าาา
ขอให้มีความสุขกับการเรียนนะคะ
แต่ไม่ใช่ว่ามุ่งเรียนอย่างเดียว ตอนเรียนเราก็หาเวลาว่างไปออกกำลังกายด้วย ไม่งั้นความเครียดกินสมองหมด
หาข้อมูลเรื่องหลักสูตรการเรียน เห็นหลายคนไปเรียนแล้วไม่ตรงตามที่คิด พาลให้ไม่จบง่ายๆ
เมื่อเริ่มเรียนแล้ว ที่สำคัญที่สุด คือ การแบ่งเวลา ค่ะ
การบ้าน รายงาน เนื้อหา ต้องจัดสรรเวลาให้เป็น
รู้ว่าเรียนแล้วไม่เข้าใจเนื้อหาอะไร รีบทำความเข้าใจ ถามเพื่อน ถามอาจารย์
ส่งการบ้าน เข้าเรียนสม่ำเสมอ ลองเอาข้อสอบเก่ามาทำ
เกรดงามแน่นอนค่ะ
เมื่อถึงขั้นตอนการทำวิจัย
อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งค่ะ
คือ พูดถึงประสบการณ์เรานะคะ เราทำวิจัยไม่เก่ง แต่อาจารย์ช่วยถีบช่วยดันจนจบ
แกบอกว่า ผมก็ไม่รู้จะดองพวกคุณไว้ทำไม ช่วยให้จบได้ก็ต้องช่วย
เราเลือกอาจารย์ที่เคมีตรงกัน คือ เวลาที่เรียนกับอาจารย์หลายๆคน เราจะรู้ว่าสไตล์การเรียนการสอนเป็นแบบไหน
อาจารย์สอนในวิชาที่เราสนใจทำงานวิจัยรึเปล่า
แล้วก็ค้นหา "หัวข้อที่อยากทำวิจัย" (ที่เราต้องอยู่กับมันแทบตลอดเวลา) เสนออาจารย์ที่ปรึกษา (ที่เราอยากทำงานวิจัยด้วย)
และเมื่อได้หัวข้อแล้ว ต้องขยันมากๆ
หางานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญคือ ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาบ่อยๆ
เพราะถ้ามีปัญหาอะไร จะได้แก้ไขอย่างทันท่วงที
มีคนที่รู้จักหลายคน ตอนเรียนเกรดดีงาม แต่พอทำงานวิจัยช้ามากก ทำให้จบช้าไป
บางทีก็บอกว่า อาจารย์ไม่ว่าง นัดไม่ตรงกัน อาจารย์ไม่ใช่แนว อะไรทำนองนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คือ งานวิจัยเรามันจะจบด้วยได้เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาอ่ะค่ะ
เรามีเคสที่ตอนเรียน เพื่อนคนนึงที่เรียนด้วยกัน เรียนดี เก่ง
ได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกับเรา ปรากฏว่าตอนทำวิจัย อยู่ดีๆเธอก็เงียบไป
ไม่ยอมส่งงาน อาจารย์แกก็ตามๆๆๆ ทั้งเมลล์ ทั้งโทร คุยกับผู้ปกครอง จนแกบอกว่า เหลืออย่างเดียวคือ ผมไปตามที่บ้านแล้วครับ
คือ เรามองว่า อาจารย์บางคนเค้าไม่ตามขนาดนี้อ่ะค่ะ
แต่ก็ไม่ใช่ว่า อะไรๆก็โยนให้อาจารย์ที่ปรึกษาหมดนะคะ
เพราะตัวยืนหลักๆคือเรา แต่อาจารย์คอยช่วยถีบช่วยดันเราให้ไปสุดปลายทาง
ตอนจะสอบพรีเซนต์
เตรียมตัวให้พร้อม ซ้อมพรีเซนต์ ลองคิดดูว่า ถ้าเราเป็นคนฟัง ฟังเราพรีเซนต์และอ่านสไลด์เราแล้ว เค้าจะมีคำถามอะไร
แล้วเตรียมคำตอบไว้ หรือทำสไลด์ให้สมบูรณ์
เวลาตอบคำถาม อาจารย์ที่ปรึกษาบางคนก็ช่วยนะคะ ถ้าเราตอบไม่ได้จริงๆ และกำลังจะโดนคิล
ตอนเราพรีเซนต์ เราตอบผิด ออกมาจากห้อง แกบ่นว่า คุณน่ะ ไม่ยอมมองผม ผมอุตส่าห์ส่งสัญญาณ ฮ่าาาา
จบออกมาได้นี่ ป้าดดด เราก็ทำได้เหมือนกันนะนี่ ฮ่าาา
ขอให้มีความสุขกับการเรียนนะคะ
แต่ไม่ใช่ว่ามุ่งเรียนอย่างเดียว ตอนเรียนเราก็หาเวลาว่างไปออกกำลังกายด้วย ไม่งั้นความเครียดกินสมองหมด
แสดงความคิดเห็น
รบกวนแชร์ประสบการณ์ ในการเรียนป.โท