ความเห็นจากนักวิชาการถึงกรณีที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เสนอชื่อ
นายเกล็น ที. เดวีส์ อดีตผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ให้วุฒิสภารับรองก่อน
มารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ แทนนางคริสตี้ เคนนีย์
อดีตทูตสหรัฐประจำประเทศไทยที่หมดวาระเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วิบูลพงศ์ พูลประสิทธิ์
รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชํานาญ จันทร์เรือง
อาจารย์พิเศษ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429154112
แถมของ อ.จ.พวงทอง ...ให้อีกคนค่ะ ...
ตามอ่าน จาก link เต็มๆ ด้วยค่ะ
พวงทอง ภวัครพันธุ์ : มองกรณีสหรัฐฯ ตั้ง"กลิน เดวีส์"นั่งเอกอัครราชทูต ....
วันที่ 16 เม.ย.
รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่สหรัฐฯ แต่งตั้งนายกลิน
ทาวน์เซนด์ เดวีส์ นักการทูตอาชีพ และอดีตผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ระหว่างปี
2555-2557 มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
โดยระบุว่า
กรณีสหรัฐอเมริกาส่งนายกลิน เดวีส์ (Glyn Davies) นักการทูตที่มีประสบการณ์รับมือกับปัญหายากๆ
แบบเกาหลีเหนือ มาประจำประเทศไทย ชี้ว่าสหรัฐฯให้ความสำคัญกับไทยอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้
หมายความว่าเขากำลังจะหันมาเอาใจรัฐบาลทหารของไทยสักนิด
นายเดวี่ส์ เป็นนักการทูตที่มีประสบการณ์การทำงานในปัญหาด้านความมั่นคงที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญสูง
เช่น ปัญหาการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ โดยเขาเคยเป็นผู้แทนพิเศษ (ฐานะเท่าเอกอัคราชทูต) ประจำ
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ International Atomic Energy Agency (IAEA) จึงทำให้เขา
ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน และต่อมาได้เป็น “ผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศ
ว่าด้วยนโยบายเกาหลีเหนือ” ซึ่งพยายามคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน
(หมายเหตุ: เขาไม่ได้มีตำแหน่งทูตประจำเกาหลีเหนือ เพราะสหรัฐฯ ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่าง
เป็นทางการกับเกาหลีเหนือ จึงไม่มีทูตประจำ)
เป็นที่รู้กันว่าทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือเป็นเสมือนกระดูกชิ้นใหญ่ที่เคี้ยวยากสำหรับสหรัฐฯเป็นภัยคุกคาม
ต่อนโยบายความมั่นคงของสหรัฐเสมอมาและมีปัญหาประชาธิปไตย ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่านายเดวีส์ เป็น
นักการทูตที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเรื่องสำคัญสำหรับสหรัฐฯ มีประสบการณ์ทำงานกับประเทศยากๆ
มาแล้ว การที่สหรัฐฯ ส่งนายเดวีส์มาไทยจึงชี้ว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับไทยไม่น้อย แต่ก็ต้องไม่หลง
ละเมอเพ้อพกไปว่า ไทยสำคัญอยู่ประเทศเดียว หรือสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จน
ทำให้สหรัฐฯกำลังจะโอนอ่อนผ่อนตามรัฐบาลทหารไทย เพราะกลัวอิทธิพลจีน
แน่นอนว่าสหรัฐฯ ย่อมไม่สบายใจที่เห็นรัฐบาล คสช. พยายามเล่นไพ่จีน (และรัสเซีย ซึ่งกำลังประสบปัญหา
เศรษฐกิจอย่างหนัก) เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ กดดันเรียกร้องให้ไทยเคารพในหลักการประชาธิปไตยและสิทธิ
มนุษยชน แต่ไม่ได้หมายความว่า ความกังวลนี้จะทำให้สหรัฐฯ ละทิ้งแนวนโยบายของตนจากหน้ามือเป็น
หลังมืออย่างทันทีทันใด เพราะอะไร
<
<
<
ไม่มีใครรับประกันได้ว่าหากปีหน้า ประเทศไทยยังไม่มีเลือกตั้งเสียที เราจะเจอกับมาตรการลงโทษทาง
เศรษฐกิจจากสหรัฐฯด้วยหรือไม่ เพราะขณะนี้ทั่วโลกรู้ดีว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ และเชื่อว่าจะส่งผล
ต่อเสถียรภาพของรัฐบาลทหาร ซึ่งที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน เช่น Joshua Kurlantzick ก็ได้เสนอ
ให้สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลทหารไทย เพราะเชื่อว่าจะทำให้แรงกดดันในประเทศ
เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
<
<
<
นอกจากนี้ สื่อมวลชนใหญ่ๆ ของโลกยังมีผลต่อมุมมองของรัฐบาลในประเด็นปัญหาสำคัญๆ ด้วย หากเรา
กลับไปอ่านสื่อใหญ่ๆ เช่น New York Times, BBC, the Economist, Wall Street Journal, CNN ฯลฯ
เราจะพบข้อเขียนที่วิพากษ์กลุ่มอำนาจเก่าของไทยอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมักปลอบใจตัวเองว่าสื่อพวกนี้ถูกทักษิณซื้อไปแล้วแต่ข้อเท็จจริงคือสื่อเหล่านี้รังเกียจ
ทักษิณอย่างยิ่งเช่นกัน เขาอาจพูดถึงข้อดีของนโยบายต่างๆ ของทักษิณต่อคนจนและคนชนบท แต่เขา
มักบรรยายคุณสมบัติของทักษิณว่าเป็นพวกอำนาจนิยม คอรัปชั่นเชิงนโยบาย สงครามต่อต้านยาเสพติด
ทำให้คนบริสุทธิ์ตายจำนวนมาก ฯลฯ
<
<
<
สุดท้าย สิ่งที่สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับไทยก็คือ คนป่วยคนนี้ยังมองหาสาเหตุความเจ็บป่วยของตนเองไม่เจอ
แถมยังงมงายอยู่กับแนวทางเผด็จการปนไสยศาสตร์พ่อมดหมอผี หากเป็นที่แน่ชัดว่า ไทยจะไม่มีการ
เลือกตั้งภายในต้นปีหน้า มีการละเมิดสิทธิของประชาชนด้วยมาตรา 44 อย่างกว้างขวางมากขึ้น ก็อย่าหวัง
เลยว่าสหรัฐฯ ภายใต้นายเดวีส์ จะหันมาฮันนีมูนกับไทย การกดดันเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงจุดหมายที่สหรัฐฯ
ใช้มากกว่าการโอ้โลมปฏิโลม
คนจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้ยังหวังลมๆแล้งๆ ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยเจอปัญหามามากมาย ก็เอาตัวรอด
มาได้ด้วยดี พระสยามเทวาธิราชจะยังช่วยเราต่อไปแน่ๆ ยังไงเราก็เอาตัวรอด ทะยานกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก
เหมือนเดิม แต่คนที่เขามองมาจากข้างนอก เขาเชื่อว่า “โชค” ที่ว่านั้น หมดไปนานแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429177112
วันนี้เราสื่อสารกันผ่านดาวเทียม และโลกก็ไร้พรมแดนไปแล้ว
คนบางกลุ่ม บางพวก ก็ยังหวังพึ่ง พระสยามเทวาธิราช ......
เพื่อนๆ ที่ถามว่า ทำไม BBC กลายเป็นสื่อสีแดง อ่านแล้วน่าจะเข้าใจ
ตื่นได้แล้ว ... เปิด AEC หากยังไม่ปรับตัว ศูนย์กลาง AEC อาจเปลี่ยนเป็น
ลาว ก็ได้ แม้ยุทธภูมิ จะเป็นต่อขนาดไหน !!!!!!!!!!!!
นักวิชาการส่องกล้อง ′เดวีส์′ทูตมะกันคนใหม่ เข้มยุทธศาสตร์มั่นคง-ศก. ...มติชนออนไลน์.../sao..เหลือ..noi
นายเกล็น ที. เดวีส์ อดีตผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ให้วุฒิสภารับรองก่อน
มารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ แทนนางคริสตี้ เคนนีย์
อดีตทูตสหรัฐประจำประเทศไทยที่หมดวาระเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วิบูลพงศ์ พูลประสิทธิ์
รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชํานาญ จันทร์เรือง
อาจารย์พิเศษ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429154112
แถมของ อ.จ.พวงทอง ...ให้อีกคนค่ะ ...
ตามอ่าน จาก link เต็มๆ ด้วยค่ะ
พวงทอง ภวัครพันธุ์ : มองกรณีสหรัฐฯ ตั้ง"กลิน เดวีส์"นั่งเอกอัครราชทูต ....
วันที่ 16 เม.ย. รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่สหรัฐฯ แต่งตั้งนายกลิน
ทาวน์เซนด์ เดวีส์ นักการทูตอาชีพ และอดีตผู้แทนพิเศษด้านนโยบายเกาหลีเหนือ ระหว่างปี
2555-2557 มาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
โดยระบุว่า
กรณีสหรัฐอเมริกาส่งนายกลิน เดวีส์ (Glyn Davies) นักการทูตที่มีประสบการณ์รับมือกับปัญหายากๆ
แบบเกาหลีเหนือ มาประจำประเทศไทย ชี้ว่าสหรัฐฯให้ความสำคัญกับไทยอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้
หมายความว่าเขากำลังจะหันมาเอาใจรัฐบาลทหารของไทยสักนิด
นายเดวี่ส์ เป็นนักการทูตที่มีประสบการณ์การทำงานในปัญหาด้านความมั่นคงที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญสูง
เช่น ปัญหาการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ โดยเขาเคยเป็นผู้แทนพิเศษ (ฐานะเท่าเอกอัคราชทูต) ประจำ
สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ International Atomic Energy Agency (IAEA) จึงทำให้เขา
ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน และต่อมาได้เป็น “ผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีต่างประเทศ
ว่าด้วยนโยบายเกาหลีเหนือ” ซึ่งพยายามคิดค้นอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน
(หมายเหตุ: เขาไม่ได้มีตำแหน่งทูตประจำเกาหลีเหนือ เพราะสหรัฐฯ ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่าง
เป็นทางการกับเกาหลีเหนือ จึงไม่มีทูตประจำ)
เป็นที่รู้กันว่าทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือเป็นเสมือนกระดูกชิ้นใหญ่ที่เคี้ยวยากสำหรับสหรัฐฯเป็นภัยคุกคาม
ต่อนโยบายความมั่นคงของสหรัฐเสมอมาและมีปัญหาประชาธิปไตย ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่านายเดวีส์ เป็น
นักการทูตที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเรื่องสำคัญสำหรับสหรัฐฯ มีประสบการณ์ทำงานกับประเทศยากๆ
มาแล้ว การที่สหรัฐฯ ส่งนายเดวีส์มาไทยจึงชี้ว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับไทยไม่น้อย แต่ก็ต้องไม่หลง
ละเมอเพ้อพกไปว่า ไทยสำคัญอยู่ประเทศเดียว หรือสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จน
ทำให้สหรัฐฯกำลังจะโอนอ่อนผ่อนตามรัฐบาลทหารไทย เพราะกลัวอิทธิพลจีน
แน่นอนว่าสหรัฐฯ ย่อมไม่สบายใจที่เห็นรัฐบาล คสช. พยายามเล่นไพ่จีน (และรัสเซีย ซึ่งกำลังประสบปัญหา
เศรษฐกิจอย่างหนัก) เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ กดดันเรียกร้องให้ไทยเคารพในหลักการประชาธิปไตยและสิทธิ
มนุษยชน แต่ไม่ได้หมายความว่า ความกังวลนี้จะทำให้สหรัฐฯ ละทิ้งแนวนโยบายของตนจากหน้ามือเป็น
หลังมืออย่างทันทีทันใด เพราะอะไร
<
<
<
ไม่มีใครรับประกันได้ว่าหากปีหน้า ประเทศไทยยังไม่มีเลือกตั้งเสียที เราจะเจอกับมาตรการลงโทษทาง
เศรษฐกิจจากสหรัฐฯด้วยหรือไม่ เพราะขณะนี้ทั่วโลกรู้ดีว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ และเชื่อว่าจะส่งผล
ต่อเสถียรภาพของรัฐบาลทหาร ซึ่งที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญอเมริกัน เช่น Joshua Kurlantzick ก็ได้เสนอ
ให้สหรัฐฯ เพิ่มมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลทหารไทย เพราะเชื่อว่าจะทำให้แรงกดดันในประเทศ
เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
<
<
<
นอกจากนี้ สื่อมวลชนใหญ่ๆ ของโลกยังมีผลต่อมุมมองของรัฐบาลในประเด็นปัญหาสำคัญๆ ด้วย หากเรา
กลับไปอ่านสื่อใหญ่ๆ เช่น New York Times, BBC, the Economist, Wall Street Journal, CNN ฯลฯ
เราจะพบข้อเขียนที่วิพากษ์กลุ่มอำนาจเก่าของไทยอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมมักปลอบใจตัวเองว่าสื่อพวกนี้ถูกทักษิณซื้อไปแล้วแต่ข้อเท็จจริงคือสื่อเหล่านี้รังเกียจ
ทักษิณอย่างยิ่งเช่นกัน เขาอาจพูดถึงข้อดีของนโยบายต่างๆ ของทักษิณต่อคนจนและคนชนบท แต่เขา
มักบรรยายคุณสมบัติของทักษิณว่าเป็นพวกอำนาจนิยม คอรัปชั่นเชิงนโยบาย สงครามต่อต้านยาเสพติด
ทำให้คนบริสุทธิ์ตายจำนวนมาก ฯลฯ
<
<
<
สุดท้าย สิ่งที่สหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับไทยก็คือ คนป่วยคนนี้ยังมองหาสาเหตุความเจ็บป่วยของตนเองไม่เจอ
แถมยังงมงายอยู่กับแนวทางเผด็จการปนไสยศาสตร์พ่อมดหมอผี หากเป็นที่แน่ชัดว่า ไทยจะไม่มีการ
เลือกตั้งภายในต้นปีหน้า มีการละเมิดสิทธิของประชาชนด้วยมาตรา 44 อย่างกว้างขวางมากขึ้น ก็อย่าหวัง
เลยว่าสหรัฐฯ ภายใต้นายเดวีส์ จะหันมาฮันนีมูนกับไทย การกดดันเป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงจุดหมายที่สหรัฐฯ
ใช้มากกว่าการโอ้โลมปฏิโลม
คนจำนวนไม่น้อยในประเทศนี้ยังหวังลมๆแล้งๆ ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยเจอปัญหามามากมาย ก็เอาตัวรอด
มาได้ด้วยดี พระสยามเทวาธิราชจะยังช่วยเราต่อไปแน่ๆ ยังไงเราก็เอาตัวรอด ทะยานกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก
เหมือนเดิม แต่คนที่เขามองมาจากข้างนอก เขาเชื่อว่า “โชค” ที่ว่านั้น หมดไปนานแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1429177112
วันนี้เราสื่อสารกันผ่านดาวเทียม และโลกก็ไร้พรมแดนไปแล้ว
คนบางกลุ่ม บางพวก ก็ยังหวังพึ่ง พระสยามเทวาธิราช ......
เพื่อนๆ ที่ถามว่า ทำไม BBC กลายเป็นสื่อสีแดง อ่านแล้วน่าจะเข้าใจ
ตื่นได้แล้ว ... เปิด AEC หากยังไม่ปรับตัว ศูนย์กลาง AEC อาจเปลี่ยนเป็น
ลาว ก็ได้ แม้ยุทธภูมิ จะเป็นต่อขนาดไหน !!!!!!!!!!!!