พอดีผมไปกับครอบครัวและเด็กเล็กเลยไม่สะดวกจะถ่ายรูป ขอรีวิวด้วยตัวหนังสือแทนนะครับ
ก่อนหน้าจะรู้จัก Ippudo ผมได้รับการแนะนำจากเซียนราเมงท่านนึงว่า ตอนนี้แบรนด์ Ippudo มาที่ประเทศไทยแล้ว ควรไปทานเป็นอย่างยิ่งเซียนราเมงท่านนี้บอกว่า Ippudo นี่ถือว่าเป็นแบรนด์ a must ที่นักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นแล้วจะต้องทาน ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งทีเดียวโดยเฉพาะน้ำซุบนั้นถือว่าเป็นจุดขายของ Ippudo เลยทีเดียว ผมเลยปักธงเลยว่าต้องไปลองซักที จะได้รู้ว่าอร่อยสมค่ำชมเซียนท่านนี้หรือไม่
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ท่าน ผ.บ. ที่บ้านเกิดอยากทานราเมง ผมเลยเสนอ Ippudo สาขา Central Embassy เราเลยมุ่งหน้าไปไม่สนใจสาขาอื่นก่อนจะได้ชิมผมต้องเจอกับมหกรรมการหาตำแหน่งร้าน ซึ่งผมว่า Central Embassy นี่จัด layout ร้านค้าได้โ ค ต ร แปลกประหลาดมาก แถมช่องทางการสื่อสารของตำแหน่งร้าน หรือ directory นั้นก็ทำออกมาให้พวก low tech อย่างผมค้นหาไม่เจอ และที่สำคัญไม่มีพนักงานหรือช่องทางการสื่อสารให้เราสอบถามได้เลย (อันนี้อาจจะเป็นที่ผมหาไม่เจอเองก็เป็นได้)
เราเลยขึ้นไปบันไดเลื่อนตามหาร้านตั้งแต่ล่างสุดชนโรงหนัง และที่ผมประหลาดใจมากที่สุด คือ ช่องทางการสื่อสารของร้าน Ippudo ดันไม่ใส่ตำแหน่งที่ละเอียดหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ทั้งช่องทาง facebook และ website (อันนี้อาจจะเป็นที่ผมหาไม่เจอเองก็เป็นได้) จนสุดท้ายเราเจอตำแหน่งเพราะการรีวิว ผมว่าในจุดนี้ Ippudo ควรพิจารณาใส่ช่องทางการค้นหาให้ง่ายกว่านี้ ผมว่าอาจจะมีหลายคนถอดใจไปทานอย่างอื่น
พอเรามาถึงที่ร้านความหิวก็พร้อมสั่งเลย เมนูแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พวกอาหารจานเดียว และ ราเมง นานๆ มาทีเลยสั่งเพียบทั้งผมและ ผ.บ. จานเดียวเราสั่งทั้ง สลัดแซลมอล, กุ้งสไปซี่ส์, ไก่คาราเกะ, ไข่ม้วน และที่สำคัญคือ ราเมง แต่พอมาถึงการสั่ง ราเมง ผมค่อนข้างจะแปลกใจกับวิธีการสั่งคือดูไม่รู้เรื่อง เลยถาม signature dish ของราเมงไป พนักงานถึงแนะนำว่า ราเมง ที่นี่จะใช้ซุปเดียวกัน แต่ซอสต่างกัน โอ ... ผมอยากแนะนำว่าให้พนักงานอธิบายเลยน่าจะดีกว่าเพราะเป็นแบรนด์ใหม่ ผู้บริโภคคนไทยคงจะยังไม่คุ้นชิน
ข้อดีของที่นี่ที่ถูกใจผมมากคือ อาหารเสริฟ์เร็วมาก ไม่ต้องรอนาน ขออธิบายแต่ละจานที่เสิร์ฟเลยนะครับ
- ไข่ม้วนมาเป็นจากแรก โอ้โหเห็นขนาดแล้วน่าผิดหวังมาก แต่ยังไม่เท่ากับรสชาต เพราะจืดแทบไม่มีรสชาติ ไม่มีความหอม ผิดหวังมากๆ กับจานนี้เพราะเชื่อว่าแบรนด์ใหญ่น่าจะให้ความสำคัญกับจานนี้ ถ้ามีครั้งที่ 2 ผมคงผ่านกับเมนูนี้
- สลัดแซลม่อนมาเป็นจานที่ 2 รสชาติของซอสสลัดอร่อยมาก มีทั้งรสเค็มของซอสเหมือนซีอิ้ว และ รสหวานของมายองเนส ผักสดกรอบ
และชอบที่มีพริกหยวกเป็นชิ้นพอคำ แต่พอเจอแซลม่อนรู้สึกผิดหวังอย่างแรงเพราะไม่ค่อยจะสดและขนาดของชิ้นดูเป็นแซลม่อนราคาถูก ไม่สมราคาจริงๆ
- กุ้งสไปซี่ส์ จานนี้เสิร์ฟกุ้งมา 3 คำ ตัวกุ้งเป็นกุ้งชุปแป้งทอดตัวใหญ่วางบนช้อนที่มีชุ่มซอสด้านล้าง จานนี้ผมว่าอร่อยมาก กุ้งทอดได้พอดีกรอบทั้งแป้งและเนื้อกุ้ง ซอสก็อร่อยมากเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว จานนี้ชอบมาก ถึงราคาแพงไปหน่อย แต่อร่อยก็สมราคา
- ไก่คาราเกะ ดูจากเมนูแล้ว จำนวนชิ้นค่อนข้างน้อย เตรียมใจผิดหวัง แต่พอเสิร์ฟโอตรงกันข้ามกับที่คิดเลย ไก่ชิ้นใหญ่ ที่สำคัญคือความอร่อยเป็นไก่คาราเกะที่อร่อยมากเจ้านึง ซอสรสชาติกลมกล่อม เนื้อไก่ที่นุ่ม ไม่แข็งและกระด้าง อร่อยมากครับ
- พอหมดจากจานเดี่ยวแล้วพระเอกก็มา คือ ราเมง วกกลับมาที่วิธีการสั่ง แต่ละเมนูจะแตกต่างกันที่ซอสและหมู พอเราเลือกซอสและหมูได้แล้วก็จะมาที่วัตถุดิบที่เราต้องการเพิ่ม เช่น หมู, ไข่ หรือ สาหร่าย เลือกกันตามใจชอบ สำหรับราเมงนั้นผมว่าน้ำซุปกรดูกหมูรสชาตอยู่ระดับแนวหน้าทีเดียว ไม่แพ้ใครแต่วัตถุดิบอย่างอื่น ผมว่าไม่ได้แตกต่างจะแบรนด์อื่นๆ เลย หมูชาบูชิ้นบางกัดแล้วไม่สะใจ ตัวเส้นของที่นี่จะเป็นเส้นเล็กคล้ายๆ มาม่า บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ ผมผิดหวังอาจจะเป็นเพราะเราตั้งความหวังไว้สูง แต่โดยรวมคือว่าใช้ได้แต่ถ้าเอาครบเครื่องผมว่าราคาสูงไปไม่สมกับความอร่อย
พอเสร็จทุกอย่างก็เช็คบิลดูความเสียหาย หลักๆ สำหรับมื้อนี้ผมจะมี ราเมง 3 ชาม มีเพิ่มทอปปิ้ง, อาหารจานเดี่ยวตามรายการข้างบน, ชาเขียวรีฟิล 3 แก้ว, โค๊กแก้วนึง อ้อ ที่นี่จะเป็นโค้กกด ไม่ใช่โค้กกระป๋อง สนนราคาประมาณ 2,000 กว่าบาท
แต่ระหว่างรอเช็คบิลและเก็บเงิน ผมกลับเจอความน่าผิดหวังของพนักงาน คือ ผมต้องเรียกถึง 3 ครั้งพนักงานถึงจะมาเติมน้ำชาให้ ซึ่งน่าหงุดหงิดใจกับการบริการสำหรับร้านอาหารระดับนี้ และ ที่สำคัญคือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งวัฒนธรรมของชนชาตินี้เน้นที่การบริการเป็นเลิศ แต่กลับบริการไม่ได้มาตรฐานของต้นฉบับ
[CR] Ippudo : Central Embassy ไม่สมราคาและการรอคอย (ไม่มีรูปนะครับ)
ก่อนหน้าจะรู้จัก Ippudo ผมได้รับการแนะนำจากเซียนราเมงท่านนึงว่า ตอนนี้แบรนด์ Ippudo มาที่ประเทศไทยแล้ว ควรไปทานเป็นอย่างยิ่งเซียนราเมงท่านนี้บอกว่า Ippudo นี่ถือว่าเป็นแบรนด์ a must ที่นักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นแล้วจะต้องทาน ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ใหญ่แบรนด์หนึ่งทีเดียวโดยเฉพาะน้ำซุบนั้นถือว่าเป็นจุดขายของ Ippudo เลยทีเดียว ผมเลยปักธงเลยว่าต้องไปลองซักที จะได้รู้ว่าอร่อยสมค่ำชมเซียนท่านนี้หรือไม่
ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ท่าน ผ.บ. ที่บ้านเกิดอยากทานราเมง ผมเลยเสนอ Ippudo สาขา Central Embassy เราเลยมุ่งหน้าไปไม่สนใจสาขาอื่นก่อนจะได้ชิมผมต้องเจอกับมหกรรมการหาตำแหน่งร้าน ซึ่งผมว่า Central Embassy นี่จัด layout ร้านค้าได้โ ค ต ร แปลกประหลาดมาก แถมช่องทางการสื่อสารของตำแหน่งร้าน หรือ directory นั้นก็ทำออกมาให้พวก low tech อย่างผมค้นหาไม่เจอ และที่สำคัญไม่มีพนักงานหรือช่องทางการสื่อสารให้เราสอบถามได้เลย (อันนี้อาจจะเป็นที่ผมหาไม่เจอเองก็เป็นได้)
เราเลยขึ้นไปบันไดเลื่อนตามหาร้านตั้งแต่ล่างสุดชนโรงหนัง และที่ผมประหลาดใจมากที่สุด คือ ช่องทางการสื่อสารของร้าน Ippudo ดันไม่ใส่ตำแหน่งที่ละเอียดหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ทั้งช่องทาง facebook และ website (อันนี้อาจจะเป็นที่ผมหาไม่เจอเองก็เป็นได้) จนสุดท้ายเราเจอตำแหน่งเพราะการรีวิว ผมว่าในจุดนี้ Ippudo ควรพิจารณาใส่ช่องทางการค้นหาให้ง่ายกว่านี้ ผมว่าอาจจะมีหลายคนถอดใจไปทานอย่างอื่น
พอเรามาถึงที่ร้านความหิวก็พร้อมสั่งเลย เมนูแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พวกอาหารจานเดียว และ ราเมง นานๆ มาทีเลยสั่งเพียบทั้งผมและ ผ.บ. จานเดียวเราสั่งทั้ง สลัดแซลมอล, กุ้งสไปซี่ส์, ไก่คาราเกะ, ไข่ม้วน และที่สำคัญคือ ราเมง แต่พอมาถึงการสั่ง ราเมง ผมค่อนข้างจะแปลกใจกับวิธีการสั่งคือดูไม่รู้เรื่อง เลยถาม signature dish ของราเมงไป พนักงานถึงแนะนำว่า ราเมง ที่นี่จะใช้ซุปเดียวกัน แต่ซอสต่างกัน โอ ... ผมอยากแนะนำว่าให้พนักงานอธิบายเลยน่าจะดีกว่าเพราะเป็นแบรนด์ใหม่ ผู้บริโภคคนไทยคงจะยังไม่คุ้นชิน
ข้อดีของที่นี่ที่ถูกใจผมมากคือ อาหารเสริฟ์เร็วมาก ไม่ต้องรอนาน ขออธิบายแต่ละจานที่เสิร์ฟเลยนะครับ
- ไข่ม้วนมาเป็นจากแรก โอ้โหเห็นขนาดแล้วน่าผิดหวังมาก แต่ยังไม่เท่ากับรสชาต เพราะจืดแทบไม่มีรสชาติ ไม่มีความหอม ผิดหวังมากๆ กับจานนี้เพราะเชื่อว่าแบรนด์ใหญ่น่าจะให้ความสำคัญกับจานนี้ ถ้ามีครั้งที่ 2 ผมคงผ่านกับเมนูนี้
- สลัดแซลม่อนมาเป็นจานที่ 2 รสชาติของซอสสลัดอร่อยมาก มีทั้งรสเค็มของซอสเหมือนซีอิ้ว และ รสหวานของมายองเนส ผักสดกรอบ
และชอบที่มีพริกหยวกเป็นชิ้นพอคำ แต่พอเจอแซลม่อนรู้สึกผิดหวังอย่างแรงเพราะไม่ค่อยจะสดและขนาดของชิ้นดูเป็นแซลม่อนราคาถูก ไม่สมราคาจริงๆ
- กุ้งสไปซี่ส์ จานนี้เสิร์ฟกุ้งมา 3 คำ ตัวกุ้งเป็นกุ้งชุปแป้งทอดตัวใหญ่วางบนช้อนที่มีชุ่มซอสด้านล้าง จานนี้ผมว่าอร่อยมาก กุ้งทอดได้พอดีกรอบทั้งแป้งและเนื้อกุ้ง ซอสก็อร่อยมากเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว จานนี้ชอบมาก ถึงราคาแพงไปหน่อย แต่อร่อยก็สมราคา
- ไก่คาราเกะ ดูจากเมนูแล้ว จำนวนชิ้นค่อนข้างน้อย เตรียมใจผิดหวัง แต่พอเสิร์ฟโอตรงกันข้ามกับที่คิดเลย ไก่ชิ้นใหญ่ ที่สำคัญคือความอร่อยเป็นไก่คาราเกะที่อร่อยมากเจ้านึง ซอสรสชาติกลมกล่อม เนื้อไก่ที่นุ่ม ไม่แข็งและกระด้าง อร่อยมากครับ
- พอหมดจากจานเดี่ยวแล้วพระเอกก็มา คือ ราเมง วกกลับมาที่วิธีการสั่ง แต่ละเมนูจะแตกต่างกันที่ซอสและหมู พอเราเลือกซอสและหมูได้แล้วก็จะมาที่วัตถุดิบที่เราต้องการเพิ่ม เช่น หมู, ไข่ หรือ สาหร่าย เลือกกันตามใจชอบ สำหรับราเมงนั้นผมว่าน้ำซุปกรดูกหมูรสชาตอยู่ระดับแนวหน้าทีเดียว ไม่แพ้ใครแต่วัตถุดิบอย่างอื่น ผมว่าไม่ได้แตกต่างจะแบรนด์อื่นๆ เลย หมูชาบูชิ้นบางกัดแล้วไม่สะใจ ตัวเส้นของที่นี่จะเป็นเส้นเล็กคล้ายๆ มาม่า บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ ผมผิดหวังอาจจะเป็นเพราะเราตั้งความหวังไว้สูง แต่โดยรวมคือว่าใช้ได้แต่ถ้าเอาครบเครื่องผมว่าราคาสูงไปไม่สมกับความอร่อย
พอเสร็จทุกอย่างก็เช็คบิลดูความเสียหาย หลักๆ สำหรับมื้อนี้ผมจะมี ราเมง 3 ชาม มีเพิ่มทอปปิ้ง, อาหารจานเดี่ยวตามรายการข้างบน, ชาเขียวรีฟิล 3 แก้ว, โค๊กแก้วนึง อ้อ ที่นี่จะเป็นโค้กกด ไม่ใช่โค้กกระป๋อง สนนราคาประมาณ 2,000 กว่าบาท
แต่ระหว่างรอเช็คบิลและเก็บเงิน ผมกลับเจอความน่าผิดหวังของพนักงาน คือ ผมต้องเรียกถึง 3 ครั้งพนักงานถึงจะมาเติมน้ำชาให้ ซึ่งน่าหงุดหงิดใจกับการบริการสำหรับร้านอาหารระดับนี้ และ ที่สำคัญคือเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งวัฒนธรรมของชนชาตินี้เน้นที่การบริการเป็นเลิศ แต่กลับบริการไม่ได้มาตรฐานของต้นฉบับ