ไม่ได้มีปัญหาอะไรแค่อยากเอามาเล่าให้ฟัง ถึงทัศนคติของพ่อแม่แฟน
แฟนผมเกิดในครอบครัว ยากจน ไม่ทำงานทำการ แต่อยากมีลูกมากๆเพื่อให้ลูกๆหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่
ชีวิตวัยเด็กแฟนผมลำบากมาก จุดตะเกียงอยู่ ใช้น้ำบาดาล รับจ้างเด็ดผักหักหญ้า เลี้ยงน้อง และพ่อแม่ พร้อมส่งตัวเองเรียน จบ ปวส.
แฟนผมเป็นคนวุฒิน้อย แต่ทำงานเก่งมาก ส่งเงินกลับบ้านตลอด ตัวเองไม่มีสมบัติอะไรติดตัวหรอก
เงินที่ส่งกลับบ้าน พ่อแม่ก็เอาไว้กินไว้ใช้ เพราะไม่ทำการทำงาน (เลิกทำงานตอนอายุประมาณ 30 นอนอยู่บ้านรับจ้างไปวันๆ)
น้องชายติดคุก น้องสาวพิการทางสมอง ทำอะไรไม่ได้
จนแฟนผมได้มาเจอกับผม พ่อแม่เขาก็รีบเร่งให้แต่งงาน (เมื่อก่อนแฟนผมเชื่อฟังพ่อแม่มาก)
ผมจึงตกลงใจแต่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการแตกหักกับครอบครัวของผม ซึ่งเป็นครอบครัวคนจีน ซึ่งก็เหตุผลเดิมๆ
คนจีนมองว่าคนไทยขี้เกียจ (ผมเองก็ขี้เกียจมาก) และหวังเงิน
หลังจากแต่ง ได้จัดงาน และได้สินสอดสมใจแล้ว ผมได้บอกว่า เมื่อแต่งแล้ว สินสอดก็ได้แล้ว จะไม่ส่งเงินให้แล้ว
เพราะผมก็หักกับทางบ้านผมแล้ว ผมกับแฟนต้องมาสร้างครอบครัวเองแล้วนะ ไม่มีใครช่วยผมแล้วนะ ถ้าเราล้มขึ้นมาจะไม่มีใครช่วยเลยพ่อแม่แฟนก็ตกลง
ผมซึ่งมีเงินเหลือมาจากแต่งงานนิดหน่อย ก็เอาเงินไปซื้อรถ และเปิดกิจการส่วนตัว ทำให้แฟนผมไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน และนั่งรถเมล์อีก
ก็ถือว่าสบายตามอัตภาพ
ผ่านมาไม่นาน แม่แฟนเป็นมะเร็ง ได้ใช้เงินสินสอดที่ผมให้ไว้ รักษาตัวจนหมด ทีนี้แหละงานเข้า
ปกติเขาไม่ทำงานทำการอยู่แล้ว พอเงินหมด ก็มาขอเรื่อยๆ ซึ่งแฟนผมก็แอบส่งให้เรื่อยๆ ผมก็รู้ทุกทีแหละ เพราะผมถือเงินอยู่ ซึ่งก็หมดมากอยู่
จนมาปัจจุบัน แฟนผมมาเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่อยากให้หาคนใหม่ที่รวยกว่านี้ พ่อแม่จะได้สบายกว่านี้ เป่าหูบ่อยๆ ว่าผมเขี้ยว ขี้เหนียว
ซึ่งที่ผมทำก็เพื่อครอบครัวของเรา แต่แฟนผมกับผมเรารักกัน แค่แฟนไม่ค่อยสบายใจที่พ่อแม่มีความคิดอย่างนี้
ผมก็คิดว่า ทุกวันนี้ ออกเงินทำบ้านให้ ซื้อมอไซให้ ติดไฟฟ้า ประปาให้ ยังมีส่งเงินบ้างประปราย ถือว่าเขาสบายขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งๆที่นั่งๆนอนๆเฉยๆ
มาเกือบตลอดชีวิต
แฟนผมจากนั่งรถเมล์ร้อนๆ ตื่นเช้าๆ ไปทำงาน ได้มานั่งรถส่วนตัว ตื่นเมื่อไรก็ได้ อยากกินกะไรก็ได้กิน เท่าที่รายได้อำนวย
ลูกสาวคุณสบายขึ้นมาก ตามอัตภาพ แต่แค่คุณไม่ได้สบายสุดๆดังใจหวัง กลับต้องการให้คนที่รักกันแยกทางกัน
เพื่อหาคนใหม่ทำให้คุณสบายกว่านี้ ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้
ทุกวันนี้ผมเกลียดครอบครัวเขามาก เลี้ยงลูกมาอดๆอยากๆ เห็นแก่ตัว
ผมเคยเห็นคำของคนในบอร์ดนี่แหละ ผมชอบมาก
"คนเราเกิดมาจนไม่ผิด แต่ถ้ายังจนต่อไปจนแก่และไม่มีอะไรให้ลูกหลาน แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้ผิด" (ประมานนี้มั้ง ถ้าจำผิดก็ขออภัย)
ตระกูลแฟนผม ขายลูกสาวกินหมด ส่วนลูกชาย ก้ไม่ได้เรื่องทั้งหมด อยู่รอดได้เพราะเงินของบรรดาลูกเขย
ผมว่าคนอ่านคงไม่ได้อ่านทุกประโยคและจับใจความมั่วๆนะครับ
1. ผมแค่มาเล่าให้ฟัง ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรดังที่กล่าวไว้ตอนต้น
2. การแตกหักของผม พวกคุรก็เอาไปเดากันแล้ว ว่าแตกหักระดับไหน ผมก็ไม่ได้บอกเอาไว้
3. ผมไม่ได้เลือกผิด เป็นความตั้งใจของผมเอง ผมไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรแค่มาเล่าให้ฟัง ถึงทัศนคติของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ในภูมิภาคหนึ่ง ของประเทศแห่งหนึ่ง
ตั้งใจอ่านดีๆนะครับ
ปล.สมมุติผมแตกหักขั้นตัดขาดกับที่บ้านผมก็ไม่ได้เดือดร้อน แค่ออกมายืนด้วยขาตัวเอง ไม่ลูกแหง่
พ่อแม่แฟนอยากให้เลิกกันเพราะเขาไม่สบายดังที่หวังไว้
แฟนผมเกิดในครอบครัว ยากจน ไม่ทำงานทำการ แต่อยากมีลูกมากๆเพื่อให้ลูกๆหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่
ชีวิตวัยเด็กแฟนผมลำบากมาก จุดตะเกียงอยู่ ใช้น้ำบาดาล รับจ้างเด็ดผักหักหญ้า เลี้ยงน้อง และพ่อแม่ พร้อมส่งตัวเองเรียน จบ ปวส.
แฟนผมเป็นคนวุฒิน้อย แต่ทำงานเก่งมาก ส่งเงินกลับบ้านตลอด ตัวเองไม่มีสมบัติอะไรติดตัวหรอก
เงินที่ส่งกลับบ้าน พ่อแม่ก็เอาไว้กินไว้ใช้ เพราะไม่ทำการทำงาน (เลิกทำงานตอนอายุประมาณ 30 นอนอยู่บ้านรับจ้างไปวันๆ)
น้องชายติดคุก น้องสาวพิการทางสมอง ทำอะไรไม่ได้
จนแฟนผมได้มาเจอกับผม พ่อแม่เขาก็รีบเร่งให้แต่งงาน (เมื่อก่อนแฟนผมเชื่อฟังพ่อแม่มาก)
ผมจึงตกลงใจแต่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการแตกหักกับครอบครัวของผม ซึ่งเป็นครอบครัวคนจีน ซึ่งก็เหตุผลเดิมๆ
คนจีนมองว่าคนไทยขี้เกียจ (ผมเองก็ขี้เกียจมาก) และหวังเงิน
หลังจากแต่ง ได้จัดงาน และได้สินสอดสมใจแล้ว ผมได้บอกว่า เมื่อแต่งแล้ว สินสอดก็ได้แล้ว จะไม่ส่งเงินให้แล้ว
เพราะผมก็หักกับทางบ้านผมแล้ว ผมกับแฟนต้องมาสร้างครอบครัวเองแล้วนะ ไม่มีใครช่วยผมแล้วนะ ถ้าเราล้มขึ้นมาจะไม่มีใครช่วยเลยพ่อแม่แฟนก็ตกลง
ผมซึ่งมีเงินเหลือมาจากแต่งงานนิดหน่อย ก็เอาเงินไปซื้อรถ และเปิดกิจการส่วนตัว ทำให้แฟนผมไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน และนั่งรถเมล์อีก
ก็ถือว่าสบายตามอัตภาพ
ผ่านมาไม่นาน แม่แฟนเป็นมะเร็ง ได้ใช้เงินสินสอดที่ผมให้ไว้ รักษาตัวจนหมด ทีนี้แหละงานเข้า
ปกติเขาไม่ทำงานทำการอยู่แล้ว พอเงินหมด ก็มาขอเรื่อยๆ ซึ่งแฟนผมก็แอบส่งให้เรื่อยๆ ผมก็รู้ทุกทีแหละ เพราะผมถือเงินอยู่ ซึ่งก็หมดมากอยู่
จนมาปัจจุบัน แฟนผมมาเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่อยากให้หาคนใหม่ที่รวยกว่านี้ พ่อแม่จะได้สบายกว่านี้ เป่าหูบ่อยๆ ว่าผมเขี้ยว ขี้เหนียว
ซึ่งที่ผมทำก็เพื่อครอบครัวของเรา แต่แฟนผมกับผมเรารักกัน แค่แฟนไม่ค่อยสบายใจที่พ่อแม่มีความคิดอย่างนี้
ผมก็คิดว่า ทุกวันนี้ ออกเงินทำบ้านให้ ซื้อมอไซให้ ติดไฟฟ้า ประปาให้ ยังมีส่งเงินบ้างประปราย ถือว่าเขาสบายขึ้นกว่าเดิมมาก ทั้งๆที่นั่งๆนอนๆเฉยๆ
มาเกือบตลอดชีวิต
แฟนผมจากนั่งรถเมล์ร้อนๆ ตื่นเช้าๆ ไปทำงาน ได้มานั่งรถส่วนตัว ตื่นเมื่อไรก็ได้ อยากกินกะไรก็ได้กิน เท่าที่รายได้อำนวย
ลูกสาวคุณสบายขึ้นมาก ตามอัตภาพ แต่แค่คุณไม่ได้สบายสุดๆดังใจหวัง กลับต้องการให้คนที่รักกันแยกทางกัน
เพื่อหาคนใหม่ทำให้คุณสบายกว่านี้ ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้
ทุกวันนี้ผมเกลียดครอบครัวเขามาก เลี้ยงลูกมาอดๆอยากๆ เห็นแก่ตัว
ผมเคยเห็นคำของคนในบอร์ดนี่แหละ ผมชอบมาก
"คนเราเกิดมาจนไม่ผิด แต่ถ้ายังจนต่อไปจนแก่และไม่มีอะไรให้ลูกหลาน แถมยังสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้ผิด" (ประมานนี้มั้ง ถ้าจำผิดก็ขออภัย)
ตระกูลแฟนผม ขายลูกสาวกินหมด ส่วนลูกชาย ก้ไม่ได้เรื่องทั้งหมด อยู่รอดได้เพราะเงินของบรรดาลูกเขย
ผมว่าคนอ่านคงไม่ได้อ่านทุกประโยคและจับใจความมั่วๆนะครับ
1. ผมแค่มาเล่าให้ฟัง ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรดังที่กล่าวไว้ตอนต้น
2. การแตกหักของผม พวกคุรก็เอาไปเดากันแล้ว ว่าแตกหักระดับไหน ผมก็ไม่ได้บอกเอาไว้
3. ผมไม่ได้เลือกผิด เป็นความตั้งใจของผมเอง ผมไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรแค่มาเล่าให้ฟัง ถึงทัศนคติของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ในภูมิภาคหนึ่ง ของประเทศแห่งหนึ่ง
ตั้งใจอ่านดีๆนะครับ
ปล.สมมุติผมแตกหักขั้นตัดขาดกับที่บ้านผมก็ไม่ได้เดือดร้อน แค่ออกมายืนด้วยขาตัวเอง ไม่ลูกแหง่