รักละมุน ~ หอมกลิ่นแก้ว ตอนที่ 12 by ปิ่นนลิน

กระทู้สนทนา
... เมื่อเขา คือ คนที่เธอแอบปลื้ม เหมือนไอดอลคนหนึ่ง
...... เมื่อเธอ คือ คนที่จะมาเช่าบ้านเก่า ซึ่งเขาไม่ยอมรับ และต้องการไล่เธอออกไป
............ เธอ พบ 'เทวดา'  ในบ้านหลังนี้ และ ความฝันที่จะได้ทำงานกับ 'เขา' อาจจะไม่ราบรื่นอย่างใจหวัง
คนเห็นวิญญาณ เทวดา ผีสาง วิญญาณไม่ยอมกลับร่าง และ ผู้ชายกวนๆ



บทนำ + ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/33402809
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/33409017
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/33418583
ตอนที่ 4 http://ppantip.com/topic/33428314
ตอนที่ 5.1 http://ppantip.com/topic/33434178
ตอนที่ 5.2 http://ppantip.com/topic/33446172
ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/33464685
ตอนที่ 7.1 http://ppantip.com/topic/33468900
ตอนที่ 7.2 http://ppantip.com/topic/33472106
ตอนที่ 8 http://ppantip.com/topic/33495703
ตอนที่ 9 http://ppantip.com/topic/33500584
ตอนที่ 10 http://ppantip.com/topic/33503967
ตอนที่ 11 http://ppantip.com/topic/33508917



ตอนที่ 12

    แม้วันรุ่งขึ้นจะมีออกต่างจังหวัดกับบริษัทฯ กณิกก็ยังไม่วายลากศตภัทรมางานเลี้ยงรุ่นที่ร้านอาหารตะวันตกด้วยกัน เขาทั้งสองเคยเรียนสถาบันเดียวกันตอนปริญญาตรี ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อโทเฉพาะทางต่างมหาวิทยาลัย และต่างรัฐกัน แต่ก็ยังหมั่นติดต่อกันอยู่ตลอด

    หลังจากเรียนจบยังได้ทำงานในบริษัทฯสถาปนิกชื่อดังที่เดียวกันอีก พอศตภัทรตัดสินใจกลับประเทศไทย ปีต่อมากณิกก็ต้องกลับบ้างเพราะเขาเองก็อยากอยู่กับพ่อแม่มากกว่าอยู่หง่าวๆเหงาๆคนเดียว และเลือกที่จะทำงานกับเพื่อนซี้

    แม้ในฐานะที่ศตภัทรเข้าทำงานก่อน เขาจึงได้ตำแหน่งหัวหน้า กณิกก็ใช่จะมีบทบาทน้อยกว่า เขาสามารถตัดสินใจได้หากเป็นเคสเร่งด่วน ฝีมือการทำงานกณิกดีจนสมควรแยกทีมไปด้วยซ้ำ แต่กณิกไม่อยากยุ่งยากในเมื่อทำงานแบบนี้เขาก็มีความสุขดี เห็นว่าเขามีแพลนจะออกไปตั้งบริษัทฯ เองถ้าหากเก็บประสบการณ์ได้มากกว่านี้อีกสักปี
    ทั้งสองจึงสนิทกันมาก ผ่านร้อนหนาวกันมาเป็นสิบปี ศตภัทรจึงไว้ใจกณิกกว่าใคร

    สาเหตุที่กณิกต้องลากเขามาน่ะหรือ ก็เพราะจะได้มีคนขับรถไปส่งเขาที่บ้านไง รู้อยู่ว่าศตภัทรไม่ดื่มเหล้าจนเมาแน่นอน

    งานนี้เป็นงานเลี้ยงรุ่นเหล่านักเรียนไทยจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้จะต่างคณะ หากเพราะมักจะมีการรวมกลุ่ม หรือสมาคมนักศึกษาไทยอยู่ทั้งโลกจริงและโลกออนไลน์ ส่วนมากจึงรู้จักกัน ไม่ก็ต้องเคยเห็นหน้ากันบ้าง ตัวศตภัทรนั้นยอมรับว่าเขาห่างเหินจากการเข้าร่วมสมาคมเพราะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาเคยพูดคุยด้วย

    ศตภัทรอยากหาข้ออ้างดีๆสักข้อ ในการกลับบ้านไปหาคนเช่าบ้านมากกว่า เรื่องที่เขาแอบเข้าไปอยู่กับรัตติดารานั้นยังไม่รู้ถึงหูของเพื่อนสนิท ซึ่งเขาว่าดีแล้วที่กณิกยังไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเขาคงกลายเป็นเรื่องล้อขบขันของเพื่อนตัวแสบนี้แน่ๆ แต่ว่ากณิกก็ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าศตภัทรจะบอกว่า เขายังไม่ได้เก็บของ เก็บเสื้อผ้า เก็บกระเป๋าในการเดินทางเลย กณิกกลับมองว่าเขาจุกจิกเป็นผู้หญิงไปเสียอย่างนั้น ไปเที่ยวแค่สามวันสองคืน จะต้องเก็บอะไรมากมาย วันแรกก็ต้องใส่เสื้อโปโลของบริษัท วันที่สองก็ต้องใส่เสื้อสีขาว มีแต่วันสุดท้ายที่อิสระ คนจุกจิกในสายตาเพื่อนเลยต้องตามมา กลัวว่าจะโดนซักมากเข้าแล้วเขาจะหลุดพูดเหตุผลแท้จริงไป

    “ผมกลับดึกนะครับ ล็อคบ้านดีๆล่ะ" ศตภัทรใช้จังหวะที่กณิกเดินไปทักทายรุ่นพี่รุ่นน้อง ส่งข้อความออนไลน์ผ่านมือถือไปหารัตติดารา ไม่นานอีกฝ่ังก็ตอบกลับมา เรียกรอยยิ้มมีความสุขจากเขาได้

    “ล็อคแล้วค่ะ ขับรถดีๆนะคะ คุณหัวหน้า"

    รอยยิ้มที่แปลกตาบนใบหน้าเพื่อนสนิท ทำให้กณิกที่เดินกลับมาหาหรี่ตามองอย่างสงสัย

    “แกยิ้มแบบนี้ อินเลิฟเหรอวะ" เพราะสนิทกันมานานหรือไง ถึงได้เดาได้ถูกเผงแบบนั้น ศตภัทรกดปิดหน้าจอ วางไว้บนโต๊ะข้างมือตน แล้วหยิบเครื่องดื่มสีเข้มขึ้นจิบเบาๆ กลบเกลื่อนอาการอินเลิฟที่เพื่อนทัก

    “อย่ามาปิดเลยน่า คราวก่อนแกก็แบบนี้ เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ ใครล่ะคราวนี้" กณิกที่อยู่ด้วยตอนศตภัทรมีรักครั้งก่อนยังจำได้ดี ก่อนที่เพื่อนเขาจะกลายเป็นผู้ชายเคร่งเครียดแบบนี้ ก็เคยมีมุมสบายๆ รอยยิ้มเกลื่อนกลาดบนใบหน้า เพราะถูกหักหลังศตภัทรก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

    “อือ" เขายอมรับอย่างง่ายดาย

    “ใคร" กณิกยังถามคำเดิม เพราะที่เพื่อนตอบมานั้นเขาไม่ได้อยากรู้สักหน่อย

    “ทำไม ฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ" ศตภัทรถาม หน้ายังบานไม่หุบ กณิกเอนหลังกับพนักพิง กอดอก หรี่ตามองคนถาม ท่าทางมันจะไม่รู้สึกตัวจริงๆนั่นล่ะว่าอาการมันฟ้องมาหลายวัน เพียงแต่วันนี้ดูจะมากกว่าปกติ

    “ใช่ ตอนที่แกรักกับอลิซแรกๆก็แบบนี้แหละ" กณิกบอกให้เพื่อนฟัง

    “อลิช ชื่อนี้นานมากที่ไม่ได้ยิน นายได้ข่าวบ้างไหม" ศตภัทรรู้ดีว่าไม่มีใครรอบข้างกล้าพูดชื่อออกมา ด้วยกลัวว่าเขาจะเจ็บปวดที่ได้ยิน เมื่อก่อนอาจจะใช่ ศตภัทรคงอารมณ์เสียและโวยวายใส่ และเขารู้เหตุและผลดีว่าทำไมเขาถึงพูดชื่ออลิซออกจากปากได้ง่ายดายขนาดนี้

    “นายจะถามถึงเรื่องเก่าๆทำไมล่ะ มีความรักกับคนใหม่ๆก็ดีแล้ว ว่าแต่จะไม่บอกหรือแนะนำกันหน่อยจริงๆเหรอ ฉันเพื่อนซี้แกนะอย่าให้ต้องรู้จากคนอื่นเลย มันเฟลว่ะ" กณิกยังคงอยากรู้ คนถูกค่อนขอดยิ้มกว้าง

    “แล้วจะบอกน่า รอฉันคอนเฟิร์มความรู้สึกเขาก่อน" ศตภัทรให้สัญญา เพื่อนซี้จึงยอมหยุดถาม เหลือบเห็นใครบางคนเดินอยู่ลิบๆ กณิกไม่รอช้าเดินไปคว้าตัวมารวมกลุ่มทันที เอกรินทร์ เพื่อนอีกคนของเขานั่นเอง

    “คราวก่อนกว่าจะได้ไปงานฉันนะ เล่นเอาวันสุดท้าย เพื่อนไม่สำคัญกว่าสาวจริงๆ" เอกรินทร์อดว่ากณิกไม่ได้ นั่นทำให้ศตภัทรหันมองเจ้าตัว กณิกทำท่าเหมือนขโมยที่ถูกจับได้

    “เออน่า ไว้จะบอกอีกที เหมือนนายแหละ รอคอนเฟิร์มไง" กณิกเองก็สัญญากับศตภัทรเช่นกัน

    “อ้าว นายยังไม่รู้เหรอ ภัทร" เอกรินทร์นึกว่าอีกคนจะรู้แล้ว

    “นิก ฉันเริ่มเข้าใจที่นายว่าเฟลเมื่อกี้มันรู้สึกยังไง ... ยังไม่รู้น่ะสิเอก แต่รอเจ้าตัวบอกเองล่ะกัน" ศตภัทรไม่อยากฟังจากปากคนอื่นเช่นกัน แม้ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็ตาม

    “จริงสิ เรื่องณฉัตรเป็นไงบ้าง มีอะไรเกิดขึ้นไหม" เอกรินทร์ถามศตภัทร แน่นอนว่าศตภัทรส่ายหัว เขาสืบและถามคนรอบตัวที่พอจะอยู่ในแวดวงที่มีณฉัตร แต่ไม่มีใครให้ข้อมูลอะไรที่าสงสัยเลย

    “ยัง ข่าวบริษัท ... ที่ว่าโดนฟ้องนั่นก็พยายามเก็บข่าว ไม่มีใครยอมเล่า ฉันรู้จากเควินแค่ว่าณฉัตรออกหลังจากบริษัทนั่นเกิดปัญหา ไม่มีใครสงสัยอะไรนายคนนั้น" ศตภัทรเล่าถึงการที่เขาได้สอบถามเพื่อนร่วมรุ่นชาวต่างชาติ ซึ่งเคยทำงานที่เดียวกับณฉัตรมาก่อน เมื่อคนที่ทำงานด้วยกันพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้อะไรเพิ่ม

    “นี่นายหมายถึงณฉัตรเดียวกับที่ฉันรู้จักใชไหม" กณิกถามสองคนตรงหน้า เมื่อเห็นพวกเขาพยักหน้าก็โวยวายออกมา

    “ทำไมไม่มีใครบอกฉันเลย ไอ้เราก็หาข้อมูลใหญ่ รู้ไหมว่าที่ฉันรู้มานี่เล่นเอากินไม่ได้นอนไม่พอเลยนะ" กณิกบ่น

    “ที่นอนไม่พอเพราะมัวแต่จีบสาวหรือเปล่า นิก" เอกรินทร์แซว เลยถูกกณิกหันมองด้วยแววตาค้อนๆ

    “แล่วนายได้เรื่องไหม นิก" ศตภัทรอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า กณิกขยับตัวไปมา สีหน้าไม่ค่อยดี ก่อนจะพูดในสิ่งที่เขารู้ออกมา ข้อมูลที่ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งไป

    “ณฉัตรเป็นลูกชายบุญธรรมของสามีอลิซ"




    หินกลมๆใสๆเย็นๆ ยกขึ้นส่องไฟก็เห็นว่ามีสีสันอ่อนๆของสีฟ้า สีชมพู เขียว และม่วง ในความโปร่งใสของมันซ่อนอยู่ในความใสประกาย รัตติดารายังคงนอนไม่หลับ เลยว่าจะนอนอ่านหนังสือก่อนหลังจากจัดกระเป๋าไปต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว เธอยกข้อมือตัวขึ้นขนานกับตัว มองกำไลหินมงคลที่เธอเพิ่งได้รับมาจากศตภัทร

    'แทนคำขอโทษครับ – บี'

    ชื่อที่เขาลงท้ายนั้น ศตายุบอกว่าเขาไม่เคยแนะนำตัวด้วยชื่อนั้นกับใครสักคน มีแต่พ่อ แม่ น้องสาวคนเล็กเท่านั้นที่ศตภัทรยอมให้เรียก หวงแหนไว้ให้กับคนสำคัญที่สุดเท่านั้น

    คนสำคัญที่สุด ... รัตติดารายิ้มดีใจเมื่อเธออยู่ในกลุ่มคนนั้น

    “พี่ภัทร ... พี่บี ...” เธอเรียกชื่อเบาๆ ก่อนจะลุกไปทางโต๊ะทำงานข้างเตียง กรอบรูปที่ถูกคว่ำลงถูกเธอหยิบขึ้นตั้ง เห็นภาพตัวเองในชุดนักศึกษายืนหน้าแดงก่ำ สีหน้าตื่นเต้นน่าอายจนตัวเองยังแทบรับไม่ได้ ตอนนั้นเธอเขินมากกับการได้เจอเขา ศตภัทรที่เธอต้องแบกหน้าเข้าไปขอถ่ายรูปหลังจากได้มาดูงานจัดแสดงของเขาถึงกรุงเทพฯ

    พอคิดถึงช่วงเวลานั้นแล้ว เธอยังกล้าหาญกว่าวันนี้อีก เธอเอาแต่หลบเลี่ยงเพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทั้งๆที่เขากลัวผียังเข้าช่วยเธอ เธอไม่ควรลังเล และเชื่อใจเขามากกว่านี้

    รัตติดาราควรตัดสินใจสักที

    “น่าจะถ่ายใหม่อีกสักรูปนะ รูปนี้ดูไม่ได้เลย" เสียงศตายุดังขึ้น ทำเอาคนคิดอะไรเพลินๆตกใจ รีบคว่ำรูปลง อย่างที่ศตายุพูดนั่นล่ะ หน้าตาเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะเธอเริ่มดูแลตัวเอง การแต่งตัวก็โอเคขึ้นกว่าเก่า ใบหน้ามันเยิ้มย่องก็ไม่มีให้เขาเห็น ผมยาวๆยุ่งฟูดำสนิท เธอจัดการย้อมสีและบำรุง จัดทรงจนมันไม่ฟูไม่น่ามองแบบเก่าแล้ว  ฟันก็ยังจัดไม่เสร็จยิ้มทีฟันเต็มปากนั่นตอนนี้ก็เอาเหล็กออกเรียบร้อย ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่าเดิมเยอะทีเดียว

    “ไม่ต้องปิดหรอกครับ ผมเห็นคุณมาตั้งแต่อายุสิบห้า ตอนนั้น เฮ้อ ...”

    รัตติดาราหันไปทันเห็นว่าเทวดาหนุ่มส่ายหน้าไปมา หมายความได้ว่า สมัยก่อนเธอดูไม่ได้เลย!

    “ถ้าถอนหายใจกันขนาดนี้ แล้วมาจับคู่ให้หนูเรกับน้องชายคุณทำไมล่ะคะ" หญิงสาวคว่ำรูปไว้ที่เดิม ทำปากยื่นใส่เขาที่มาส่ายหน้าใส่

    “เพราะผมมองแล้ว ลูกเป็ดขี้เหร่จะโตขึ้นมาเป็นหงส์น่ะสิ" ศตายุทำให้รัตติดารารู้สึกเหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลังอย่างไรไม่รู้

    “นี่คือชมใช่ไหมคะ" เธอถามยืนยันอีกที แน่นอนเทวดาหนุ่มพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

    “หนูเรสวยขึ้นเยอะเลยครับ ถ้าผมยังไม่ตายนะ ผมจะเก็บคุณไว้เอง ไม่ยกคุณให้นายบีหรอก" เทวดายิ้มกว้างกว่าเดิม เห็นคนตัวเล็กแก้มแดงก่ำ ถูกเทวดาจีบนี่มันรู้สึกแปลกๆแฮะ

    “เทวดานี่ปากหวานจังนะคะ ถ้าฉันไม่ได้ชอบน้องชายคุณ ฉันอาจจะหลงรักคุณก็ได้นะ ไม่กลัวเหรอ" เธอแหย่เขาบ้าง

    เทวดาหนุ่มส่ายหน้าตอบ
    “หัวใจคุณมีเจ้าของแล้ว"

    “หัวใจหนูเรเป็นของหนูเรต่างหาก" คนไม่ยอมรับเดินกลับไปนั่งที่เตียง หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ

    “กำไลนั่น ใส่ไว้นะครับ อย่าถอด" อยู่ๆเทวดาหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง สายตาอ่อนโยนมองมายังกำไลหินที่เธอสวมอยู่ รัตติดารายกมือขึ้นมอง ไม่เข้าใจความหมาย

    “ตอนที่นายบีช่วยให้คุณหายผีสิง ผมว่าเป็นเพราะความรักที่เขามีทำให้ผีร้ายตัวนั้นแพ้ภัยไป ถึงแม้ว่านายบีจะอยู่กับคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเขาอยู่ในกำไลนั่นมันจะช่วยปกป้องคุณได้" ศตายุพูดในสิ่งที่ทำให้คนฟังใจไม่ดี

    “คุณพูดอย่างกับว่า คุณจะไปไหนอย่างนั้นแหละ"

    “ถ้าภารกิจของผมสำเร็จ ผมก็ต้องไปครับ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ผมควรอยู่" ศตายุบอกให้เธอรู้ ดวงตากลมมองเขาด้วยความเศร้า ก่อนที่เธอจะสัมผัสความรู้สึกมากมายผ่านมือหนาที่วางลงบนเรือนผมเธอ กลิ่นดอกแก้วที่ทำให้เธอสบายใจ สัมผัสอ่อนโยน และคุ้นเคย ทำให้หัวใจเธออบอุ่นปลอดภัยเสมอเวลามีเขาอยู่ใกล้ๆ

    “อย่าเศร้าสิครับ ผมยังไม่ไปไหนหรอกน่า ยังห่วงอยู่ ทั้งคุณและน้องชายผม" เขายิ้มบางๆ

    รัตติดาราได้แต่ยิ้มตอบ เธอเข้าใจดีที่เขาพูด ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าอย่างไรวันหนึ่งก็ต้องจากกัน และตอนนี้เขาก็ยังอยู่ข้างๆเธอนี่นา อย่าเพิ่งใจเสียไปก่อนเลยจะดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่