"
.. ฉะนั้น บุคคลในโลกนี้เมื่ออยู่ในระยะกาลที่ความดีให้ผลก็มีชีวิตสว่างรุ่งเรือง
แม้จะทำความชั่วในระหว่างนั้นก็ยังสว่างไสวอยู่ก่อน จนกว่าจะถึงกาลที่ความชั่วให้ผล
แต่เมื่ออยู่ในระยะกาลที่ความชั่วให้ผล ชีวิตก็อับแสงเศร้าหมอง
ถึงจะทำความดีในระหว่างนั้นก็ยังอับแสงต่อไป
จนกว่าจะถึงกาลแห่งความดีให้ผล
เหตุฉะนี้ บุคคลบางคนหรือบางพวก
ผู้ไม่มีศรัทธาในกรรมหรือผลของกรรม
จึงมักมีความเห็นเลื่อนลอยไปตามผลต่างๆ ที่เห็น
จำเพาะหน้า
เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เป็นต้นว่า
"เห็นบางคนทำดีและได้รับผลดีก็พูดว่า ทำดีได้ดี
เห็นบางคนทำชั่วแต่ได้รับผลดีก็พูดว่า ทำชั่วได้ดี
เห็นบางคนทำชั่วได้รับผลชั่วก็พูดว่า ทำชั่วได้ชั่ว
เห็นบางคนทำดีแต่ได้รับผลชั่ว ก็พูดว่า ทำดีได้ชั่ว"
คนมิใช่น้อยพูดเลื่อนลอยไปตามที่เห็นจำเพาะอย่างนี้
เพราะไม่ทราบหรือไม่เชื่อในกฎของกรรม
อันเกี่ยวกับกาลกำหนดเหมือนอย่างวันคืนดังกล่าว
ฉะนั้น เมื่อมีความรู้หรือความเชื่อในกฎของกรรม
ก็จักกล่าวอย่างแน่นอนไม่เลื่อนลอยว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" .. "
สิริมงคลของชีวิต
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ความดีให้ผลเหมือนกลางวัน ความชั่วให้ผลเหมือนกลางคืน : สมเด็จพระญาณสังวร
" .. ฉะนั้น บุคคลในโลกนี้เมื่ออยู่ในระยะกาลที่ความดีให้ผลก็มีชีวิตสว่างรุ่งเรือง
แม้จะทำความชั่วในระหว่างนั้นก็ยังสว่างไสวอยู่ก่อน จนกว่าจะถึงกาลที่ความชั่วให้ผล
แต่เมื่ออยู่ในระยะกาลที่ความชั่วให้ผล ชีวิตก็อับแสงเศร้าหมอง
ถึงจะทำความดีในระหว่างนั้นก็ยังอับแสงต่อไป
จนกว่าจะถึงกาลแห่งความดีให้ผล
เหตุฉะนี้ บุคคลบางคนหรือบางพวก
ผู้ไม่มีศรัทธาในกรรมหรือผลของกรรม
จึงมักมีความเห็นเลื่อนลอยไปตามผลต่างๆ ที่เห็นจำเพาะหน้า
เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เป็นต้นว่า
"เห็นบางคนทำดีและได้รับผลดีก็พูดว่า ทำดีได้ดี
เห็นบางคนทำชั่วแต่ได้รับผลดีก็พูดว่า ทำชั่วได้ดี
เห็นบางคนทำชั่วได้รับผลชั่วก็พูดว่า ทำชั่วได้ชั่ว
เห็นบางคนทำดีแต่ได้รับผลชั่ว ก็พูดว่า ทำดีได้ชั่ว"
คนมิใช่น้อยพูดเลื่อนลอยไปตามที่เห็นจำเพาะอย่างนี้
เพราะไม่ทราบหรือไม่เชื่อในกฎของกรรม
อันเกี่ยวกับกาลกำหนดเหมือนอย่างวันคืนดังกล่าว
ฉะนั้น เมื่อมีความรู้หรือความเชื่อในกฎของกรรม
ก็จักกล่าวอย่างแน่นอนไม่เลื่อนลอยว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" .. "
สิริมงคลของชีวิต
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก