คือเราอยากถ่ายหนังสั้นแนวผีดู แต่เพื่อนไม่ยอมถ่ายเพราะกลัว แต่เนื้อเรื่องก็ไม่ได้ลบหลู่
เอาเนื้อเรื่องให้ดูนะ เราเลยสงสัยว่า มันต้องทำอะไรก่อนถ่ายมั้ยเราจะได้เอาไปบอกเพื่อนได้ ใครมีอะไรแนะนำก็แนะนำได้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้--หลังเลิกเรียนเสร็จ 16.30น. ตั้มกับอะตอมและพิม/อีฟ เพื่อนสนิท ทั้งสามคนกำลังจัดห้องเรียนอยู่ๆตั้มก็ได้มีความรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างผ่านหลังไป ตั้มรีบหันไปดูทันที ขณะที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเงียบ และวังเวง จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกขึ้น
"ตั้มๆ " เมื่อสิ้นเสียง ตั้มจึงหันกลับมา
"รีบทำดิ เดี๋ยวจะต้องไปทำงานข้างล่างอีก เดี๋ยวกลับบ้านช้า " อะตอม เอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นตั้มหยุดนิ่ง
"เออ นั้นดิ นี่พวกแกคงยังไม่เคยได้ยินประวัติของตึกนี่ละสิ ใครๆที่รู้อ่ะนะ ก็จะอยู่เย็นไม่ได้เลย ต้องกลับบ้านก่อน 17:30 น. ทุกคน"
พิม/อีฟ ได้เอ่ยขึ้นบ้าง เพราะนึกถึงประวัติของตึกที่ตนเคยได้ยินมา
“….ทำไมว่ะ….” ตั้มค่อยๆถามด้วยความอยากรู้ แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว
“ ก็ ….”
“ เห้ย!!อย่าเพิ่งเล่าตอนนี่ดีกว่านะ รีบจัดโต๊ะให้เสร็จแล้วรีบลงไปทำงานกันเหอะ”
อะตอมเอ่ยขึ้นขัดคอ เมื่ออีฟกำลังจะเล่า
แล้วทั้งสามก็พากันจัดโต๊ะและรีบลงไปข้างล่าง แต่พวกเขาคงจะรีบจนลืมไปว่า
----สมุดการบ้าน ยังอยู่บนโต๊ะครู----(กล้องซูมมาที่สมุด)
ทั้งสามรีบลงโดยไม่คิดอะไร แต่ระหว่างทางเดินลงมา หางตาตั้ม ได้ไปจับกับสิ่งใดสิ่งนึง ทางด้านขวามือ (กล้องจับหน้าตั้ม) (ตั้มทำหน้าวาดระแวงเหล่ตามาข้างขวาและหยุดชงัก)
‘ปึ๊ก’ ทั้งสามหยุดชนกัน
“ตั้มม หยุดทำไม”
อะตอมและอีฟเริ่มกล่าวแบบอารมณ์เสีย ด้วยความเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน อะตอมย่อมรู้ดีว่าตั้ม มีสัมผัสพิเศษ จึงถามไปอย่างไม่อยากได้คำตอบนัก
“ หรือว่า เห็นอะไร ” อะตอมถามอย่างระแวง
“ เปล่า (ส่ายหัว) เปล่าๆ ไม่มีอะไร ” ตั้มตอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนๆกลัว
ทั้งสามจึงรีบเดินลงบันไดมาจนถึงโต๊ะหิน หน้าลานน้ำพุ
ทั้งหมดวางกระเป๋าลง บนโต๊ะ
“กี่โมงแล้วอ่ะ” พิม/ อีฟถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนกลับเย็นนักไม่ค่อยได้
“(ก้มดูนาฬิกา) ...ห้าโมง...กับอีกนิดๆ ....ใกล้ครึ่งละ” อะตอมบอก
“เห้ย จริงดิ งั้นกลับก่อนนะ ต้องรีบไปช่วยแม่ปิดร้าน หกโมงอ่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”
อีฟบอกอย่างเร่งรีบ
“แล้วการบ้านอ่ะ ต้องส่งภายในวันนี่นะเว้ย”ตั้มถาม
“เอ้า นี่ยังไม่ได้บอกหรอ ว่าส่งไปตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว ” พิม/ อีฟตอบ “งั้นไปก่อนนะ บาย พรุ่งนี้เจอกัน(เดินกลับบ้าน พร้อมโบกมือ)”
“อ่าว ส่งไม่บอกกันเลย” อะตอมบ่น “ รีบทำกันเหอะ เดี๋ยวครูกลับก่อน” ตั้มเตือนอะตอม
ทั้งสองเปิดหาสมุดในกระเป๋า
“เห้ย!!”ตั้มกับอะตอมพูดพร้อมกัน และเงยหน้าขึ้นมามองกัน “สมุด….” และนี่เป็นครั้งที่สองที่ทั้งสองพูดพร้อมกัน และหันหน้าไปมองตึก(กล้องซูมเข้าหาตึก)
“โหย” ตั้มพูดแบบคนหมดหวัง “แล้วจะเอาไงอ่ะ”
“ก็ขึ้นไปเอาดิ”อะตอมบอกแบบเฉยชา
สิ่งที่อะตอมพูดทำให้ตั้มสายตาจากตึก ไปมองหน้าอะตอม ก่อนทั้งสองจะพากันเดินมาหยุดอยู่ข้างตึกนาฏศิลป์ และได้ยิน เสียงดนตรีไทยแผ่วเบา ทั้งสองหยุดเดินชงัก
“โอยยยย แค่เดินขึ้นตึกกูก็กลัวจนขาก้าวไม่ออกอยู่แล้วนี่ยังมีซาวด์ประกอบอีก”
“รีบเดินเหอะ...” ตั้มรีบชวนด้วยอาการติดอ่าง
ทั้งสองเริ่มตัดสินใจยากที่จะเดินต่อไป แต่ก็พากันขยั้นขยอเดินไปจนถึงหน้าตึก
และค่อยๆเดินขึ้นบันไดไป ซึ่งผ่านหน้าห้องพักครูชั้น 3 ที่อีฟเคยเล่าให้ฟังว่า (ภาพตัดไปยังเมื่ออดีตที่พิม/อีฟเล่าให้ทั้งสองฟัง) “ ห้องพักครูชั้น 3 มีประวัติว่า ห้องน้ำที่อยู่ข้างๆห้องพักครู มีคนเคยเข้าไปเข้าห้องน้ำ กับเพื่อนอีกคน เพื่อนที่ปวดฉี่ก็เข้าห้องน้ำไป แต่เพื่อนอีกคนก็ล้างมือรออยู่หน้าห้องน้ำ แต่เธอได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงนึกว่าเพื่อนของเธอร้อง จึงถามไปว่า ‘ร้องไห้ทำไม’ แต่จู่ๆเสียงก็หายไป แต่กลับมีเสียงที่ไม่ใช้เสียงเพื่อนของเธอตอบกลับว่า ‘ฉันอกหัก’ แล้วเพื่อนคนที่เข้าห้องน้ำก็ออกมา แล้วพบว่ามีคนยืนอยู่ข้างๆเพื่อนเธอที่รออยู่
“เขาก็มาฉี่ปะวะ” เสียงตั้มแทรกขึ้น ทำให้บรรยากาศที่อีฟสร้างขึ้นหายหมด
“หึมมมม”พิม/อีฟและอะตอมอุทานพร้อมกันพร้อมส่ายหัว
“เสียงบรรยากาศหมดไอตั้ม” อะตอมบอก “โทษทีๆ เล่าต่อๆ” ตั้มให้อีฟปลุกบรรยากาศใหม่อีกครั้ง
อีฟเล่าต่อ “ แต่เพื่อนสาวไม่ได้คิดอะไร เลยชวนเพื่อนตนออกจากห้องน้ำไป และแล้วเพื่อนสาวก็ได้หลุดปากถามไปว่า ‘คนที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างๆแกอะ เขาเป็นไรวะ’ เพื่อนเขาก็งงและตอบไปว่า ‘ไม่มี บ้าป่าวคนร้องไห้นั่งอยู่ในห้องน้ำนู้น’ แล้วทั้งสองก็เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนเขาฟังจนเรื่องแพร่หลายข้ามห้อง”(ภาพตัดกลับมาที่อะตอมและตั้มตรงบันได)
ตั้มกับอะตอมค่อยๆเดินช้าๆเนื่องจากความกลัวและแล้วก็มีเสียงคราง ฮือฮือ ฮือ ดังมา
เสียงนั้นทำให้อะตอมช็อคสุดๆ แต่เสียงมันไม่ได้มาจากห้องน้ำข้างบันได แต่มันดังมาจาก...
“โธ่ ไอตั้มม จะร้องทำไมเนี่ย กูตกใจหมด” อะตอมบอก “ก็กูกลัวว”ตั้มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
แล้วอะตอมก็เจออะไรที่สะดุดตาเข้า
“ก็หลอกให้กูกลัวนี่มันเพิ่งชั้น2 ที่ไออีฟเล่าอะ มันชั้น3” อะตอมบอกอย่างโล่งใจ
“จะโล่งใจทำไมวะ ชั้น3มันก็ชั้นต่อไปแล้วไม่ใช้อ่อ” ตั้มบอก เมื่อฉุดคิดขึ้นได้
“เออ งั้นเอางี้ดิ เราก็เดินไปทางระเบียง แล้วขึ้นบันได ฝั่งนู้นเอา”อะตอมหัวใส
แต่เมื่อทั้งสองกำลังจะก้าวไปต่อ นั้นก็ได้มีเสียงร้องให้ครางออกมา อีกครั้ง
“ไอตั้มม จะร้องทำไมอีกกก” อะตอมบอกอย่างหงุดหงิด
“กูป่าวนะ (ส่ายสายตาไปมา)” ตั้มปฏิเสธ “เห้ย!!”ตั้มตะโกนเสียงอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนเดินออกมาจากห้องน้ำ อะตอมรีบหันควับไป ทั้งสองตกใจสุดขีด พากันถอยหลังห่างจากผู้หญิง(อีฟ ชญานี)ที่เดินร้องไห้ออกมา ตั้มพยายามจะเดินหนีลงไป ต่อะตอมดึงตัวไว้ ตั้มกับอะตอมพากันสวดมนต์ “นโม นโม นโม อย่าหลอกหลอนกันเลย” ทั้งสองพากันสวดผิดสวดถูก แต่สักพักผู้หญิงคนนั้น เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “มาทำอะไรกัน” ตั้มกับอะตอมหยุดสวดและเงยหน้าขึ้นมามองและรู้ว่าไม่ใช้อย่างที่ตนคิด
“มาเอาสมุดการบ้านน่ะ”อะตอมบอกด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
“แล้วเธออ่ะมาทำอะไร” ตั้มถามบ้าง
“คนปวดขี้ก็มาขี้ป่ะวะ” หญิงสาวตอบอย่างกวนๆ
“ไม่ใช้ หมายถึงว่า ทำไมถึงมาอยู่บนตึก ทั้งๆที่มันเย็นขนาดนี่แล้ว” ตั้มบอก
“ก็เมื่อกี้ทำงานอยู่ โดนแฟนบอกเลิกเลยมาแอบร้องไห้”หญิงสาวพูดเศร้าส้อย
“เอ้าแล้วเมื่อกี้บอกปวดขี้” อะตอมขัด
“ฟังให้จบก่อนสิ ” หญิงสาวตวาด “ ก็พอแอบไปร้องไห้ มันก็ปวดเพราะบรรยากาศมันให้ ก็เลย ปล่อยไปสักนิดสักหน่อย”
“แล้วมีใครอยู่ข้างบนอยู่มั้ย”ตั้มถาม
“คิดว่าคงไม่มีแล้วละ”หญิงสาวบอก
“ถ้างั้น พวกเราขอตัวไปข้างบนก่อนนะ ”อะตอมบอก ตอนนี่ทั้งคู่เริ่มใจชื้นขึ้นบ้างแล้ว
และเมื่อทั้งสองเดินมาทางระเบียง ผ่านห้องต่างๆยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก
“อะตอมม คิดดีแล้วหรอ เดินมาทางนี้เนี้ย”ตั้มบ่น
“คิดว่าคงงั้น” อะตอมตอบอย่างไม่มั่นใจ
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงห้อง 751 บรรยากาศวังเวงกว่าตอนที่ขึ้นบันไดซะอีก
จู่ๆ ไฟในห้องก็เปิดขึ้น ทำเอาทั้งสองตกใจ พากันสะดุ้งโหยง
“ไฟเปิดได้ไงว่ะ”อะตอมพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“มีคนเปิดหรือป่าว”ตั้มบอกเพื่อให้สบายใจ
“แต่เขาบอกว่าไม่มีใครแล้วนะเว้ย” อะตอมบอก และประตูห้องก็เปิดออกมาโดยไร้ผู้คน
“แล้วประตูมันเปิดได้ไงวะ”อะตอมสงสัย “ลมมันแรงมั้ง”ตั้มบอก
“ไม่มีลมเลยนะเว้ย”อะตอมบอก “นี่กะจะให้กูบอกว่าพี่หลอกใช้มั้ยเนี่ย” ตั้มบอกอย่างเสียอารมณ์
ทั้งสองค่อยๆย่องเข้าไปหยิบ สมุดในห้องแต่แล้ว ทั้งสองก็ได้ผิดสังเกตเมื่อ ห้องถูกรื้อกระจัดกระจาย (กล้องซูมจากห้องออกมาหาทั้งสอง) และจู่ๆหญิงสาวคนนั้นก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง
ตั้มกับอะตอมพากันกรี๊ดตกใจ รีบหยิบสมุดตนและวิ่งออกไป และรีบทำงานส่งอ.ให้เสร็จแล้วจึงกลับบ้าน
--- เช้าวันต่อมา---
ทั้งสองเล่าให้พิม/อีฟฟัง แต่แล้วก็มีคนเดินมา ทักพิม/อีฟ
ตั้มกับอะตอมตกใจมาก เพราะคนคนนั้นคือ หญิงสาวที่เจอเมื่อวานตอนเย็น
“คนนั้นไง ที่เราเจอเมื่อวาน ” ตั้มรีบบอก “ใช้ๆๆ”อะตอมเสริม ทั้งสองพากันวาดกลัว
“เดี๋ยวๆๆๆจะไปกันใหญ่แล้ว เนี่ยชื่ออีฟ เพื่อนต่างห้อง(ภาพตัดไปขณะที่ อีฟเดินไปที่ห้องตอนที่จัดโต๊ะอยู่ )เขามาขอยืมห้องทำงาน ” พิม/อีฟรีบชี้แจง “อ่อ ถึงว่า รู้สึกเหมือนมีอะไรผ่านหลัง ที่แท้ก็เธอนี่เอง” ตั้มนึกถึงตอนนั้น “แล้วทำไมถึงร้องไห้ออกมาจากห้องน้ำเหมือนที่พิม/อีฟเล่าให้ฟังอ่ะ “ อะตอมยังคงสงสัย “ที่เราเจอกันอ่ะมันชั้น2 แต่ที่มีประวัติอ่ะ มันชั้น3 พวกเธอก็รู้” พิม/อีฟ เอ่ย
“แล้วทำไมเธอถึงโผล่มาแล้วทำไมประตูเปิดเองแล้วทำไมโต๊ะกระจัดกระจายแล้ว...”อะตอมถามอย่างสงสัยและรีบเร่งได้คำตอบแต่ก็โดนอีฟ/พิมขัดเสียก่อน
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ(ภาพตัดไปเหตุการณ์ตอนนั้น)หลังจากที่เจอพวกเธอน่ะ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฉันลืมของเลยรีบวิ่งขึ้นมาเอาจากบรรไดอีกฝั่งนึงเพราะกลัวมันหาย นั้นคือแหวนที่แฟนเก่าฉันให้ไว้น่ะ เสียดายเลยขึ้นไปเอา ฉันต้องปิดประตูห้องเพราะเดี๋ยวยามโรงเรียนรู้ว่ามีคนอยู่แล้วจะให้ลงจากตึก เลยต้องปิดประตูไว้ แล้วฉันก็ทำแหวนหล่นฉันเลยค้นหาจนทั่วโต๊ะโต๊ะเลยกระจัดกระจายและก็เจอ ตอนที่ฉันเปิดประตูกำลังจะออกมันก็หล่นอีกครั้งนึง และกลิ้งไปข้างในห้องฉันคิดได้ว่ามันต้องเปิดไปหาฉันเลยต้องผลักประตูออกเพื่อไปหาแหวนใต้โต๊ะตอนนั้นพวกเธอก็มาพอดีมั้ง’’
“อ๋อ”ตั้มกับอะตอมเข้าใจ ดีแล้ว และทุกอย่างก็แถลง แต่ตำนานของตึกนี้ยังคงเป็นที่กล่าวขาน
อยากถ่ายหนังสั้น เป็นแนวผีต้องทำอะไรก่อน
เอาเนื้อเรื่องให้ดูนะ เราเลยสงสัยว่า มันต้องทำอะไรก่อนถ่ายมั้ยเราจะได้เอาไปบอกเพื่อนได้ ใครมีอะไรแนะนำก็แนะนำได้นะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้