เตือน!!!
คนไทยและคนทุกประเทศ>>>โฮจิมิน>>>เวียดนามไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด
ผมเป็นพนักงานเอกชนในกรุงเทพ ทำงานเก็บเงินและออกมาหาประสบการณ์ ต่างแดน ทุกทีไปที่ไหนก็มีเพื่อนไป แต่รอบนี้ ลองใช้ชีวิตเอง ผมมาโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม วันที่ 31-2 เมษา 2558 ด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ หวังจะมาเกี่ยวเก็บความงดงามตามคำล่ำลืมของบ้านนี้เมืองนี้ แต่มันไม่ใช้อย่างที่ผมคิดครับ
<<<ผมถูกปล้นครับ>>>
วันแรกที่มาถึง 31 มีนา 58 เวลา 9.30 น. เรียกบริการเทคซี้ที่สนามบิน เค้าคิดราคา 780,000 ดง ผมคำนวนดูแล้ว แพงถามหลายเจ้าราคา 800,000-780,000 ดง ราคานี้หมด เลยตัดสินใจเลือก 780,000. ดง เดินทางไปเข้าพักที่ โรงแรม Alagon Hoang Hai Long Hotel ไม่ไกลจากตลาดเบนถัน เดินทาง 45 นาทีจากสนามบินมา เดินทางมาถึงโรงแรมก่อนเวลา ถึงประมาณ 11.30 น. มันไม่ให้ผมเชคอินให้รอ เวลา บ่ายสอง แต่คุยไปคุยมาก็ให้และมีห้องว่างผมเลยได้เข้าพักตอน 12.30 น.
วันแรกมาถึงบ่ายๆผมไปเดินเล่นตลาดเบนถันเพราะมันไม่ได้ไกลเดินไปได้ ไม่ต่างจากจตุจักรสักเท่าไหร่ ของบ้านเราดีกว่าเยอะครับ
วันที่สอง (ที่เกิดเรื่อง) ผมเริ่มออกเดินเที่ยวตามแผนที่ที่มี จนท. โรงแรมก็แนะนำที่ที่ผมจะไปไม่ไกลกันเดินได้และผมก็เลือกที่จะเดินเอาครับ พอเดินมาได้สักพักมีสามล้อถีบ ปันตามหลังมา ตื้นๆพูดมากมาย และที่สำคัญเอาสมุดโน๊ตที่มีคนไทยเขียนข้อความไว้มาให้อ่าน. ว่าตนนั้นบริการดีอย่างไร สุดท้ายผมตกลงราคากันไปสถานที่ต่างๆซึ่งมันเองก็บอก no far no far ตกลงไปส่งผมสถานทีละ 15,000 ดง มทั้งหมด 7 ที่ที่ไป ผมก็นั่งชมเมืองถ่ายรูปไปเรื่อย ใช้เวลาไปเกือบ 4 ชม. ถึงเวลากลับมันให้พักระหว่างทางซึ่งไม่ใช้ทางที่เคยผ่าน มีโต๊ะเล็กๆให้เขียนบันทึก เอากาแฟเย็นมาเสริฟ คุยเป็นมิตรโน้นนี้นั้น ยังไม่ยอมสีงผมไปโรงแรม ผมเขียนบันทึกให้ เห็นว่าเป็นลุงแก่ๆปั่นจักรยานให้เรา เขียนขอบคุณ เมืองสวย ต้นไม้เยอะ ลงวันที่1/4/58 และมันก็เอาสมุดนั้นไป สุดท้ายถามค่าใช้จ่าย ตามที่ตกลงกันคือ 15,000*7 = 105,000 ดง แต่มันบอกไม่ใช่ ทั้งหมด 2,000,000 ดง เหมาทั้งหมดครึ่งวัน ผมไม่ได้ตกลงแบบนี้ มันก็บอกว่าเหนื่อยๆ ภาษาอังกฤษ พูดไม่ได้เลยทีนี้ ยื้อกันอยู่นั้นให้ผมกินกาแฟมัน ผมเริ่มอารมณ์เสียจากที่ชมเมืองมาดีๆเริ่มของขึ้นเพราะตกลงราคาอีกแบบ. มันทำหน้ามึน ไม่ให้ไม่ไปส่ง นั่งดูดบุหรี่เฉย ผมตัดลำคาญ บอกมีเท่านี้เอามัย 1,000,000 ดง ถ้าไม่เอาก็ให้ตกลงกับตำรวจผมทำทีหยิบโทรศัพท์มาจะโทรคุย มันเลยยอมโอเคๆและรีบคว้าเงินไป
ความวัวไม่ทันจะหายดีใน ใจคิดช่างมันเพราะถือว่ามาเที่ยวเราได้ไปที่ที่อยากไปละ เช่น ไปรษณีเก่าแก่ที่นี้ จ่ายแค่นี้ไปก็ยอมว่ะ นานๆทีมาเที่ยว
รอบค่ำนี้แหละ>>>ขอบคุณที่ยังเอาชีวิตรอด>>> ผมออกไปหาไรกินที่ตลาดเบนถันรอบทำเดินซื้อที่ชงกาแฟไปฝากพี่ที่เรียน ชอปของฝาก ชุดอ๋าวด๊าย และอื่นๆ สักพักมีจักรยานปั่นมาเบียดข้างๆ ชวนนวดเท้า ผมเองเป็นคนชอบนวดมาก ตื้อผมอีกตามเคย ไอ้โจรนี้มันบอกว่าเป็นนวดเท้าแบบเวียดนามท้องถิ่นผสมนวดแบบไทย มีอุปกรณ์นวดมาครบ ในกระเป๋า ผมถามว่านวดที่ไหน มันบอกมีร้านใกล้ตลาดเดินไม่ไกล มีทั้งชายหญิงตกลงจ่าย 100,000 ดงต่อ1 ชั่วโมง ผมเลยตกลง ไปถึงร้าน ไม่ค่อยต่างจากบ้านเรา ร้านๆคล้ายๆกัน มีทั้งชายและหญิง คนเยอะเหมือนกัน เปลี่ยนชุด เปลี่ยนกางเกง เหมือนบ้านเรา ผมมีเป้ 1 ใบติดตัว กระเป๋าตังและโทรศัพท์ ก็เก็บไว้ในกระเป๋า มันก็เริ่มนวดเท้า ถามว่าผมรู้สึกสบายมัย มันก็สบายอยู่เพราะผมเดินมาเกือบทั้งวัน คุยไรไปเรื่อยเปื้อยเรื่องของกินเรื่องประเทศเวียดนาม มันยังบอกอีกว่ามันเป็นหมอนวดที่เรียนมาหลายที่ทั้งไทย อินเดีย เวียดนาม จีน สักพักผมสังเกตุอีกมีมันกดโทรศัพท์ ไม่ถึง 5 นาที มีผู้ชายตัวใหญ่ตรงเข้ามาเสียงดังวายวาย กระชากกระเป๋าผมไป บอกว่า money money ทีเเรกเข้าใจว่าจะเก็บเงินค่านวดเท้าตามที่ตกลงกัน ผมถามกลับว่านี้มันอะไร เท่านั้นแหละผมโดนไปหนึ่งมัด ผมก้มหน้า เลยโดนที่หัวแทน อีกสักพักไอ้คนที่นวดตีนผมอยู่ตบหน้าผมทีบอก money money ผมเลยเข้าใจละว่ามันยังไง เมิงทำ
กันเป็นกระบวณการ เจ็บ มึน หน้าชา ความกล้วทุกอย่างรุมเข้ามา ผมไม่รู้ว่าทั้งร้านจะมีพวกมันกี่คน ผมตั้งสติ ยิ้ม แต่มือไม้สั่นหมดมันค้นกระเป๋าเอาเงินทุกอย่างไป จากกระเป๋าตังค์ ทั้งเงินไทย 2,000 บาท เงินดงเกือบ 2,000,000 ดง US 50$ และยังมีเงินเกาหลีและเงินหยวของจีน ที่ผมเก็บ เหลือแต่ผ้ายังต์หลวงปู่เสย และรูปหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ที่มันไม่เอาไป แล้วมันผลักหัวผมบอกไม่พอ โยนกระเป๋าเปล่ามาให้ ยึดมือมือไป มันบอกถ้าอยากได้มือถือให้เอามาเงินแลก 500$ ยื้นกันอยู่นาน ผมอึดอัดมากไม่ไหวแล้วพยายามทำใจร่มๆเจ็บก็ทน หน้าพ่อหน้าแม่ลอยมา ในใจคิดอย่างเดียวต้องใจเย็นๆและหาทางหลอกให้มันไปส่งที่ รร. ให้ได้ เพราะเหตุการณ์ตอนนั้นจาก ประมาณ 21.00 ยื้อกันโน้นนี้นั้น จนเกือบเที่ยงคืน ผมเลยบอกมีเงินในบัญชี กับ 200 $ ที่โรงแรมถ้าจะเอาจะไปกดให้ สุดท้ายมันยอม. ไปตู้เอทีเอ็ม แล้วตู้ประเทศนี้
!! มีกระจกปิดเป็นห้องเลยมันเข้าไป. เบี้ยดกับผม อีกคนดูลาดราวข้างนอก คนข้างนอกยืนดูดบุหรี่หน้าตาเฉย. ไอ้อีกคนเข้ามาในตู้เอทีเอ็มกับผม ใช้มีดจี้บังคับกดรหัสและเปลี่ยนเป็นภาษามัน มันกดไปเกลี้ยงบัญชีผม โดยผมมีเงินในเอทีเอ็มประมาณ 20,000 บาทเพราะก่อนมาแลกไปหมดแล้ว โชคยังดีที่ผมเอามาบัญชีเดียวแค่แบงค์กรุงเทพ กับบัตร นศ.ปอโทราม มันบังคับให้กดเงินจากบัตรนักศึกษาผมก็เถียงมันว่าบัตรนักศึกษา มีรูปอยู่เห็นมัยมันกดไม่ได้ >>โชคดีมันเชื่อ>>>สุดท้ายมันยังบอกไม่พอ จะเอาเงินอีก ผมเลยบอกไปว่าต้องไปโรงแรม เพราะมีอยู่ที่โรงแรม พวกมันคิดกันสักพัก >>>พวกมันเลยมาส่งที่โรงแรมขู่ว่าถ้าตุกติกจะให้นายใหญ่มาจัดการ บุกถึงโรงแรม ผมยอมรับว่ากลัวและอยากเอาชีวิตรอด ไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คนเพราะที่เห็นในร้านนั้นมีเยอะเหมือนกัน ครับ
พอมาถึงหน้าโรงแรมผมรีบวิ่งไม่แบบคิดชิวิต ฝ่าฝูงมอร์เตอร์ไซต์เยอะมากประเทศนี้ เข้าโรงแรมและติดต่อ GMด่วน มือไม้สั่น น้ำตาไหล กลัว ระเเวง เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม จนท.รร. บอกผมใจเย็นๆ ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง.....................!!!!
สุดท้ายคำตอบที่ผมได้ ที่ทำให้ผมจำชื่อโรงแรมนี้ขึ้นใจคือ GM ผู้ว่า sorry sir, I can't help you I hope it your best experience in HOCM. You are 2sd..และขอร้องไม่ให้ผมแจ้งสถานทูต ไม่ยอมให้ต่อโทรศัพท์โทรหาใคร บอกให้นึกแค่ว่ามือถือหายละกัน เพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ผมจะเเจ้งสถาทูตก็ไม่ยอม และที่สำคัญไม่ถามผมเลยสักคำเจ็บแค่ไหน พรุ่งนี้จะมีเงินไปสนามบินมัย? กินข้าวมายัง? พูดแต่ว่า-->> ทางโรงแรมช่วยเหลือคุณไม่ได้ต้องขออภัย...พวกนี้มันทำเป็นกระบวนการ รร. ตอนนี้มีแต่ staff ผู้หญิง นี้มันคืออะไรกัน!!! คำปรึกษา คำปลอบใจ พวกคุณเจ้าหน้าที่ในโรงแรมพวกนี้ยังไม่มีเลย ไม่ยอมแจ้งตำรวจให้ ขอใช้อินเตอร์ ก็กำหนดเวลา บอกให้ผม come down and go back to your room. โรงแรม Alagon Hoang Hai Long Hotel
สุดท้ายผมได้กลับไทยด้วยเงินมัดจำที่โรงแรม 1,500 บาท เป็นค่ารถมาสนามบิน ผมเองไม่ใช้บัตรเครดิตใช้เเต่เดบิตเงินสด ตลอดทั้งคืนผมนอนไม่หลับ กลัว ระเเวงทุกอย่าง ผว่า อยู่แต่ในโรงแรมไม่ไปไหนจนถึงเวลามาสนามบินครับ ผมมานั่งรอที่สนามบินตั้งแต่ 12.00 - 21. 30 น. เพื่อขึ้นเครื่องกลับ
ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าบ้านนี้เมืองนี้ไม่สวยงาม ผู้คนไร้น้ำใจ คับแคบจิตใจเหลือเกิน ขอบคุณตัวเองเองที่มีสติ ขอบคุณสิ่งศักดิ์ที่คุ้มครอง ให้ผมรอดกลับบ้านเรา
ปล. ให้ตั๋วและที่พักฟรีต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะมาเหยีบที่นี้อีกเลย ในสายตาผมบ้านเมืองนี้ไม่น่าอยู่ครับ ขออภัยถ้ายังมีคนดีๆในเมืองนี้
@ต้อมคุง
#กรรมกรในห้องแอร์
เตือน!!! คนไทยและคนทุกประเทศ>>>โฮจิมิน>>>เวียดนามไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด
คนไทยและคนทุกประเทศ>>>โฮจิมิน>>>เวียดนามไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด
ผมเป็นพนักงานเอกชนในกรุงเทพ ทำงานเก็บเงินและออกมาหาประสบการณ์ ต่างแดน ทุกทีไปที่ไหนก็มีเพื่อนไป แต่รอบนี้ ลองใช้ชีวิตเอง ผมมาโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม วันที่ 31-2 เมษา 2558 ด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ หวังจะมาเกี่ยวเก็บความงดงามตามคำล่ำลืมของบ้านนี้เมืองนี้ แต่มันไม่ใช้อย่างที่ผมคิดครับ
<<<ผมถูกปล้นครับ>>>
วันแรกที่มาถึง 31 มีนา 58 เวลา 9.30 น. เรียกบริการเทคซี้ที่สนามบิน เค้าคิดราคา 780,000 ดง ผมคำนวนดูแล้ว แพงถามหลายเจ้าราคา 800,000-780,000 ดง ราคานี้หมด เลยตัดสินใจเลือก 780,000. ดง เดินทางไปเข้าพักที่ โรงแรม Alagon Hoang Hai Long Hotel ไม่ไกลจากตลาดเบนถัน เดินทาง 45 นาทีจากสนามบินมา เดินทางมาถึงโรงแรมก่อนเวลา ถึงประมาณ 11.30 น. มันไม่ให้ผมเชคอินให้รอ เวลา บ่ายสอง แต่คุยไปคุยมาก็ให้และมีห้องว่างผมเลยได้เข้าพักตอน 12.30 น.
วันแรกมาถึงบ่ายๆผมไปเดินเล่นตลาดเบนถันเพราะมันไม่ได้ไกลเดินไปได้ ไม่ต่างจากจตุจักรสักเท่าไหร่ ของบ้านเราดีกว่าเยอะครับ
วันที่สอง (ที่เกิดเรื่อง) ผมเริ่มออกเดินเที่ยวตามแผนที่ที่มี จนท. โรงแรมก็แนะนำที่ที่ผมจะไปไม่ไกลกันเดินได้และผมก็เลือกที่จะเดินเอาครับ พอเดินมาได้สักพักมีสามล้อถีบ ปันตามหลังมา ตื้นๆพูดมากมาย และที่สำคัญเอาสมุดโน๊ตที่มีคนไทยเขียนข้อความไว้มาให้อ่าน. ว่าตนนั้นบริการดีอย่างไร สุดท้ายผมตกลงราคากันไปสถานที่ต่างๆซึ่งมันเองก็บอก no far no far ตกลงไปส่งผมสถานทีละ 15,000 ดง มทั้งหมด 7 ที่ที่ไป ผมก็นั่งชมเมืองถ่ายรูปไปเรื่อย ใช้เวลาไปเกือบ 4 ชม. ถึงเวลากลับมันให้พักระหว่างทางซึ่งไม่ใช้ทางที่เคยผ่าน มีโต๊ะเล็กๆให้เขียนบันทึก เอากาแฟเย็นมาเสริฟ คุยเป็นมิตรโน้นนี้นั้น ยังไม่ยอมสีงผมไปโรงแรม ผมเขียนบันทึกให้ เห็นว่าเป็นลุงแก่ๆปั่นจักรยานให้เรา เขียนขอบคุณ เมืองสวย ต้นไม้เยอะ ลงวันที่1/4/58 และมันก็เอาสมุดนั้นไป สุดท้ายถามค่าใช้จ่าย ตามที่ตกลงกันคือ 15,000*7 = 105,000 ดง แต่มันบอกไม่ใช่ ทั้งหมด 2,000,000 ดง เหมาทั้งหมดครึ่งวัน ผมไม่ได้ตกลงแบบนี้ มันก็บอกว่าเหนื่อยๆ ภาษาอังกฤษ พูดไม่ได้เลยทีนี้ ยื้อกันอยู่นั้นให้ผมกินกาแฟมัน ผมเริ่มอารมณ์เสียจากที่ชมเมืองมาดีๆเริ่มของขึ้นเพราะตกลงราคาอีกแบบ. มันทำหน้ามึน ไม่ให้ไม่ไปส่ง นั่งดูดบุหรี่เฉย ผมตัดลำคาญ บอกมีเท่านี้เอามัย 1,000,000 ดง ถ้าไม่เอาก็ให้ตกลงกับตำรวจผมทำทีหยิบโทรศัพท์มาจะโทรคุย มันเลยยอมโอเคๆและรีบคว้าเงินไป
ความวัวไม่ทันจะหายดีใน ใจคิดช่างมันเพราะถือว่ามาเที่ยวเราได้ไปที่ที่อยากไปละ เช่น ไปรษณีเก่าแก่ที่นี้ จ่ายแค่นี้ไปก็ยอมว่ะ นานๆทีมาเที่ยว
รอบค่ำนี้แหละ>>>ขอบคุณที่ยังเอาชีวิตรอด>>> ผมออกไปหาไรกินที่ตลาดเบนถันรอบทำเดินซื้อที่ชงกาแฟไปฝากพี่ที่เรียน ชอปของฝาก ชุดอ๋าวด๊าย และอื่นๆ สักพักมีจักรยานปั่นมาเบียดข้างๆ ชวนนวดเท้า ผมเองเป็นคนชอบนวดมาก ตื้อผมอีกตามเคย ไอ้โจรนี้มันบอกว่าเป็นนวดเท้าแบบเวียดนามท้องถิ่นผสมนวดแบบไทย มีอุปกรณ์นวดมาครบ ในกระเป๋า ผมถามว่านวดที่ไหน มันบอกมีร้านใกล้ตลาดเดินไม่ไกล มีทั้งชายหญิงตกลงจ่าย 100,000 ดงต่อ1 ชั่วโมง ผมเลยตกลง ไปถึงร้าน ไม่ค่อยต่างจากบ้านเรา ร้านๆคล้ายๆกัน มีทั้งชายและหญิง คนเยอะเหมือนกัน เปลี่ยนชุด เปลี่ยนกางเกง เหมือนบ้านเรา ผมมีเป้ 1 ใบติดตัว กระเป๋าตังและโทรศัพท์ ก็เก็บไว้ในกระเป๋า มันก็เริ่มนวดเท้า ถามว่าผมรู้สึกสบายมัย มันก็สบายอยู่เพราะผมเดินมาเกือบทั้งวัน คุยไรไปเรื่อยเปื้อยเรื่องของกินเรื่องประเทศเวียดนาม มันยังบอกอีกว่ามันเป็นหมอนวดที่เรียนมาหลายที่ทั้งไทย อินเดีย เวียดนาม จีน สักพักผมสังเกตุอีกมีมันกดโทรศัพท์ ไม่ถึง 5 นาที มีผู้ชายตัวใหญ่ตรงเข้ามาเสียงดังวายวาย กระชากกระเป๋าผมไป บอกว่า money money ทีเเรกเข้าใจว่าจะเก็บเงินค่านวดเท้าตามที่ตกลงกัน ผมถามกลับว่านี้มันอะไร เท่านั้นแหละผมโดนไปหนึ่งมัด ผมก้มหน้า เลยโดนที่หัวแทน อีกสักพักไอ้คนที่นวดตีนผมอยู่ตบหน้าผมทีบอก money money ผมเลยเข้าใจละว่ามันยังไง เมิงทำ กันเป็นกระบวณการ เจ็บ มึน หน้าชา ความกล้วทุกอย่างรุมเข้ามา ผมไม่รู้ว่าทั้งร้านจะมีพวกมันกี่คน ผมตั้งสติ ยิ้ม แต่มือไม้สั่นหมดมันค้นกระเป๋าเอาเงินทุกอย่างไป จากกระเป๋าตังค์ ทั้งเงินไทย 2,000 บาท เงินดงเกือบ 2,000,000 ดง US 50$ และยังมีเงินเกาหลีและเงินหยวของจีน ที่ผมเก็บ เหลือแต่ผ้ายังต์หลวงปู่เสย และรูปหลวงปู่สด วัดปากน้ำ ที่มันไม่เอาไป แล้วมันผลักหัวผมบอกไม่พอ โยนกระเป๋าเปล่ามาให้ ยึดมือมือไป มันบอกถ้าอยากได้มือถือให้เอามาเงินแลก 500$ ยื้นกันอยู่นาน ผมอึดอัดมากไม่ไหวแล้วพยายามทำใจร่มๆเจ็บก็ทน หน้าพ่อหน้าแม่ลอยมา ในใจคิดอย่างเดียวต้องใจเย็นๆและหาทางหลอกให้มันไปส่งที่ รร. ให้ได้ เพราะเหตุการณ์ตอนนั้นจาก ประมาณ 21.00 ยื้อกันโน้นนี้นั้น จนเกือบเที่ยงคืน ผมเลยบอกมีเงินในบัญชี กับ 200 $ ที่โรงแรมถ้าจะเอาจะไปกดให้ สุดท้ายมันยอม. ไปตู้เอทีเอ็ม แล้วตู้ประเทศนี้ !! มีกระจกปิดเป็นห้องเลยมันเข้าไป. เบี้ยดกับผม อีกคนดูลาดราวข้างนอก คนข้างนอกยืนดูดบุหรี่หน้าตาเฉย. ไอ้อีกคนเข้ามาในตู้เอทีเอ็มกับผม ใช้มีดจี้บังคับกดรหัสและเปลี่ยนเป็นภาษามัน มันกดไปเกลี้ยงบัญชีผม โดยผมมีเงินในเอทีเอ็มประมาณ 20,000 บาทเพราะก่อนมาแลกไปหมดแล้ว โชคยังดีที่ผมเอามาบัญชีเดียวแค่แบงค์กรุงเทพ กับบัตร นศ.ปอโทราม มันบังคับให้กดเงินจากบัตรนักศึกษาผมก็เถียงมันว่าบัตรนักศึกษา มีรูปอยู่เห็นมัยมันกดไม่ได้ >>โชคดีมันเชื่อ>>>สุดท้ายมันยังบอกไม่พอ จะเอาเงินอีก ผมเลยบอกไปว่าต้องไปโรงแรม เพราะมีอยู่ที่โรงแรม พวกมันคิดกันสักพัก >>>พวกมันเลยมาส่งที่โรงแรมขู่ว่าถ้าตุกติกจะให้นายใหญ่มาจัดการ บุกถึงโรงแรม ผมยอมรับว่ากลัวและอยากเอาชีวิตรอด ไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คนเพราะที่เห็นในร้านนั้นมีเยอะเหมือนกัน ครับ
พอมาถึงหน้าโรงแรมผมรีบวิ่งไม่แบบคิดชิวิต ฝ่าฝูงมอร์เตอร์ไซต์เยอะมากประเทศนี้ เข้าโรงแรมและติดต่อ GMด่วน มือไม้สั่น น้ำตาไหล กลัว ระเเวง เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับตัวผม จนท.รร. บอกผมใจเย็นๆ ผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง.....................!!!!
สุดท้ายคำตอบที่ผมได้ ที่ทำให้ผมจำชื่อโรงแรมนี้ขึ้นใจคือ GM ผู้ว่า sorry sir, I can't help you I hope it your best experience in HOCM. You are 2sd..และขอร้องไม่ให้ผมแจ้งสถานทูต ไม่ยอมให้ต่อโทรศัพท์โทรหาใคร บอกให้นึกแค่ว่ามือถือหายละกัน เพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ผมจะเเจ้งสถาทูตก็ไม่ยอม และที่สำคัญไม่ถามผมเลยสักคำเจ็บแค่ไหน พรุ่งนี้จะมีเงินไปสนามบินมัย? กินข้าวมายัง? พูดแต่ว่า-->> ทางโรงแรมช่วยเหลือคุณไม่ได้ต้องขออภัย...พวกนี้มันทำเป็นกระบวนการ รร. ตอนนี้มีแต่ staff ผู้หญิง นี้มันคืออะไรกัน!!! คำปรึกษา คำปลอบใจ พวกคุณเจ้าหน้าที่ในโรงแรมพวกนี้ยังไม่มีเลย ไม่ยอมแจ้งตำรวจให้ ขอใช้อินเตอร์ ก็กำหนดเวลา บอกให้ผม come down and go back to your room. โรงแรม Alagon Hoang Hai Long Hotel
สุดท้ายผมได้กลับไทยด้วยเงินมัดจำที่โรงแรม 1,500 บาท เป็นค่ารถมาสนามบิน ผมเองไม่ใช้บัตรเครดิตใช้เเต่เดบิตเงินสด ตลอดทั้งคืนผมนอนไม่หลับ กลัว ระเเวงทุกอย่าง ผว่า อยู่แต่ในโรงแรมไม่ไปไหนจนถึงเวลามาสนามบินครับ ผมมานั่งรอที่สนามบินตั้งแต่ 12.00 - 21. 30 น. เพื่อขึ้นเครื่องกลับ
ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าบ้านนี้เมืองนี้ไม่สวยงาม ผู้คนไร้น้ำใจ คับแคบจิตใจเหลือเกิน ขอบคุณตัวเองเองที่มีสติ ขอบคุณสิ่งศักดิ์ที่คุ้มครอง ให้ผมรอดกลับบ้านเรา
ปล. ให้ตั๋วและที่พักฟรีต่อไปนี้อย่าหวังว่าจะมาเหยีบที่นี้อีกเลย ในสายตาผมบ้านเมืองนี้ไม่น่าอยู่ครับ ขออภัยถ้ายังมีคนดีๆในเมืองนี้
@ต้อมคุง
#กรรมกรในห้องแอร์