เตือน!!! คนไปเที่ยวโฮจิมินห์ประเทศเวียดนาม สำหรับเราเจอเหตุการณ์แบบนี้พอกันทีไม่ขอไปเหยียบอีก

ปกติเข้ามาอ่านกระทู้ในห้องนี้เป็นประจำค่ะ แต่ไม่เคยตั้งกระทู้ หรือตอบเลยค่ะ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องเล่า!!!!  เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆคนอื่นๆที่คิดจะไปเยือนยังเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ที่คนไทยหลายๆคนนิยมไปเนื่องจากสายการบิน Low-cost เยอะ ใกล้มากๆบินแค่ชม.ครึ่งเอง ราคาค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงทั้งที่พัก อาหารการกิน  แต่........อยากให้ได้อ่านเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้กันก่อนค่ะ

เริ่มเลยนะคะ ดิฉันได้ไปเที่ยวที่โฮจิมินห์ช่วงวันหยุดสงกรานต์ค่ะ วันที่ 14-17 เม.ย. 57 ที่พึ่งผ่านมานี้เองค่ะ โดยไปกับเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คน ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 ของเราแล้วค่ะ ซึ่งครั้งแรกก็ประทับใจดีไม่มีปัญหาอะไรค่ะ อาจเป็นเพราะมีเพื่อนของเพื่อนซึ่งเป็นคนเวียดนามคอยพาเที่ยวด้วย

ส่วนวันเกิดเรื่องคือวันที่ 16 ค่ะ เราคิดว่าจะไปหาซื้อ Half-day ทัวร์กัน เพื่อเที่ยวในวันที่ 17 เราเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม เพื่อไปบริษัททัวร์ที่ถนนฟามงูหลาว ซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ ซื้อทัวร์เสร็จ ออกมาหน้าบริษัท เจอสามล้อถีบ 2 คัน ก็มาตื้อๆเราให้ไปกับเค้า จะไปส่งตลาดเบนถาน เรากับเพื่อนบอกปฏิเสธ เพราะเคยไปกันแล้ว และคิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็ยังตื้อเราอยู่นั่นแหละ พอดีเพื่อนอยากไปท่าเรือริมแม่น้ำพอดี เผื่อมีเรือให้นั่งเล่น ก็เลยบอกสามล้อให้ไปส่งที่ท่าเรือ ตกลงราคากันเรียบร้อย คิด2คน 100,000 VND (ประมาณ 150 บาท) นั่งไปไม่นาน ก็ส่งเราลงบอกว่าถึงแล้ว จากตรงนั้นเรามองไม่เห็นแม่น้ำเลย เพื่อนก็ถามเค้าว่า เฟอร์รี่? เค้าก็ตอบเฟอร์รี่ๆ  บอกให้ข้ามถนนไปก็ถึง เราหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า 150,000 VND คนขับสามล้อรีบดึงเงินไปจากมือเรา เพื่อนเรารีบเอามือไปคว้าแบงค์ 50,000ไว้ บอกว่าตกลงไว้ 100,000 เดียว ยื้อกันอยู่สักพักมันก็ไม่ยอมคืน พอมันดึงได้ก็รีบปั่นหนีไปเลย  แค่นั้นยังไม่พอที่มันมาส่งไม่ใช่ท่าเรือด้วย แต่เป็นด้านหลังตลาดเบนถาน !!!

เหตุการณ์แรกผ่านไปไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แต่จะเริ่มพีคขึ้นเรื่อยๆนะคะ 555 เราเลยเรียกแท็กซี่หน้าตลาดเบนถาน เพื่อจะไปท่าเรืออีกครั้ง ครั้งนี้แท็กซี่มาจอดฝั่งตรงข้ามแม่น้ำต้องข้ามถนนไปเอง  มิตเตอร์ 19.8  = 19,800 VND  เรายื่นแบงค์ 100,000 ให้คนขับไป และมันรีบเปลี่ยนเป็นแบงค์ 10,000 อย่างรวดเร็วคืนมา พร้อมตะคอกว่า “one nine eight” เราก็เลยรับแบงค์ 10,000 คืนมา พร้อมหยิบแบงค์ 100,000 ไปให้ใหม่ค่ะ ซึ่งครั้งนี้ก่อนให้ดูอย่างมั่นใจว่าไม่ผิดแน่นอน มันก็ใช้มุกเดิมค่ะ สลับเป็นแบงค์ 10,000 กลับมา พร้อมตะคอกว่า “one nine eightๆๆ” ครั้งนี้เรากับเพื่อนยืนยันว่าให้ไปแล้ว 100,000 ค่ะ เถียงกันอยู่สักพัก มันก็เอาหนังสือพิมพ์มาวางบนกระเป๋าเราเพื่อเขียนว่าราคาค่าโดยสารเท่าไหร่ เรากับเพื่อนก็ได้แต่เถียงกับมันว่าให้ไปแล้ว 100,000 อยู่ดีๆมันก็บอกโอเคๆ และทอนเงินมา  พอลงจากรถถึงได้รู้ว่า iphone5 ของเราโดนล้วงกระเป๋าไปแล้ว ตอนที่มันเอาหนังสือพิมพ์มาวางแน่ๆ  เรากับเพื่อนรีบกลับโรงแรม เพื่อแจ้งพนักงานโรงแรมให้เรียกตำรวจ  พนักงานมีแบบฟอร์มให้กรอก(แสดงว่าคนโดนขโมยของบ่อย มีแบบฟอร์มแจ้งตำรวจไว้ที่โรงแรมเลย!) พอกรอกเสร็จเรียบร้อยกลับมาบอกเราว่าแจ้งไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกเสียใจด้วยอย่างเดียว เราคิดว่าคนไทยบริการนักท่องเที่ยวดีกว่าเยอะค่ะ ที่นี่เค้าดูเฉยมากๆๆ เรารีบโทรไป dtac เพื่อเปิด data roaming และหาผ่าน find my iphone แต่หาไม่เจอค่ะขึ้นปิดเครื่องตลอด  ขนาดเราจำแท็กซี่ได้แม่นว่าเป็น altis สีขาวสติ๊กเกอร์เขียว ซึ่งแท็กซี่ที่เวียดนาม 90% เป็น innova  5% เป็น Vios ค่ะ ที่เหลือเป็นรุ่นอื่นๆ ซึ่งตั้งแต่ไปเวียดนามมาก็พึ่งเคยเจอ altis คันเดียวนี่แหละค่ะ ก็พยามบอกพนักงานโรงแรมไปว่ารุ่นนี้ๆ เราเห็นที่นี่มีไม่เยอะน่าจะจับได้ เค้าก็ดูไม่ค่อยสนใจกับที่เราอธิบายเลยค่ะ คงได้แต่ทำใจอย่างเดียว  

ตกเย็นเรียกแท็กซี่จากโรงแรมไปดูโชว์หุ่นกระบอกน้ำ ขาไปราคาประมาณ 2 หมื่นกว่าดอง  ดูเสร็จเรียกแท็กซี่ด้านหน้าโรงละครเพื่อกลับโรงแรม ระหว่างทางเราก็พูดกับเพื่อนว่าขับอ้อมรึเปล่า เพราะรู้สึกเลยว่าอ้อมกว่าขามาเยอะ พอถึงมันไม่ส่งหน้าโรงแรมค่ะ มันส่งฝั่งตรงข้ามถนน ด้านหลังโรงแรม  มิตเตอร์ 6หมื่นกว่าดอง (สงสัยมิตเตอร์ก็โกงด้วยขึ้นพรวดๆ) เราหยิบแบงค์ 100,000 ให้มันค่ะ ครั้งนี้ดูอย่างมั่นใจแล้วก่อนยื่นค่ะ  และแล้ว..... เจอมุกเดิมเลยค่ะ  สลับเป็นแบงค์ 10,000 พร้อมตะคอกเป็นภาษาเวียดนามค่ะ แต่ครั้งนี้เรามั่นใจว่าโดนอีกแล้ว เรากับเพื่อนไม่ยอมเถียงว่าให้ไปแล้ว 100,000 ไม่ใช่ใบนี้ มันก็ตะคอกเราอย่างเดียว หลังจากนั้นก็หยิบหนังสือพิมพ์ออกมาค่ะ!!!  เรารีบกอดกระเป๋าไว้แน่น เอาออกห่างจากมันให้มากที่สุด  ที่น่ากลัวกว่านั้น... ประตูรถล็อค!!! เป็นรูบุ๋มลงไปไม่สามารถงัดขึ้นมาได้ค่ะ นาทีนั้นเครียดและกลัวมากๆ  โชคดี มีผู้ชายอยู่แถวนั้นเดินมาเคาะกระจกถามว่ามีอะไรรึเปล่า  แท็กซี่ก็เปิดกระจกแล้วเหมือนพูดเป็นภาษาเวียดนามว่าเราโกงเงินค่ะ ซึ่งเราก็พยายามอธิบายเค้าไปว่าเราให้ไปแล้วหนึ่งแสน และคนขับสลับแบงค์ ซึ่งวันนี้เราโดนเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และคนที่มาช่วยเหมือนจะเชื่อเราค่ะ ทำท่าเหมือนจะโทรศัพท์แท็กซี่คงกลัวเลยปลดล็อคให้เราลงพร้อมด่าเราเป็นภาษาเวียดนามค่ะ แต่สรุป = เราเสียค่ารถไป 90,000 อยู่ดี   คิดซะว่าโชคดีที่ไม่ได้รับอันตราย

เอาเป็นว่าเข็ดขยาดกับประเทศนี้ไปเลยค่ะ น่ากลัวมาก จะเดินริมถนนเราก็ต้องคอยกอดกระเป๋าตลอดค่ะ  คงไม่ขอไปอีกแล้วค่ะลาขาด  แต่ถ้าใครสนใจจะไปมีแนะนำดังนี้ค่ะ
1.    แท็กซี่ที่มั่นใจได้มี 2 บริษัท คือ Vina sun  และ Mai Linh ซึ่งคนเวียดนามแนะนำมาให้เรียกใช้บริการ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น แต่เราก็พลาดไปเรียกแท็กซี่ส่วนบุคคลที่ทำสติ๊กเกอร์เลียนแบบใกล้เคียงให้เข้าใจผิดค่ะ  เลือกที่เป็นรุ่น innova ก็ดีค่ะ เพราะคันแรกเรานั่ง altis คันที่ 2 เชฟโรเลตออฟตร้า และควรดูว่ามีรูปและชื่อคนขับชัดเจนรึเปล่า
2.    อย่าเรียกแท็กซี่ที่จอดรอรับหน้าสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และเป็นผู้หญิงค่ะ
3.    ก่อนจ่ายเงินดูให้ดีก่อนจ่ายทุกครั้งค่ะ
4.    อย่าเอาของมีค่าไป เช่นสร้อยทอง นาฬิกาแบรนเนม กระเป๋าแบรนเนม โทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป ก็ต้องระวังให้มากค่ะ หาอะไรคล้องไว้ได้ก็จะปลอดภัยขึ้นค่ะ  เพราะพวกวิ่งราวกระเป๋าก็เยอะเหมือนกันค่ะ
5.    การขึ้น ลงแท็กซี่หน้าโรงแรมจะช่วยให้ปลอดภัยขึ้น เพราะบางโรงแรมจะมีพนักงานอยู่ด้านหน้าและคอยจดเลขทะเบียนไว้ให้ตลอด

ปล.. ขากลับเจอฝรั่งชาวฮอลแลนด์ที่สนามบินตอนต่อแถวผ่านตม. เค้าก็ถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง เราก็บอกว่าโทรศัพท์เราโดนขโมย ซึ่งฝรั่งคนนั้นก็บอกว่าiphone เค้าก็หายที่โรงแรม พร้อมทั้งหยิบใบแจ้งความให้เราดูค่ะ !!!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่