...บอกเล่าเรื่องราวเวียดนามกลางในแบบเรา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราได้พบเจอ...
ครั้งแรกกับการเดินทางเที่ยวเวียดนาม จากที่เคยใฝ่ฝันว่าอยากจะไป ฮานอย-ฮาลองเบย์-ซาปา (เวียดนามเหนือ) จากที่สืบค้นข้อมูล ทั้งอ่านรีวิว ดูรายการท่องเที่ยวมากมาย ‘เวียดนามกลาง’ นี่ช่างน่าสนจริงๆ และสายการบินที่อยู่ในตัวเลือกก็มีทั้งแอร์เอเชียและบางกอกแอร์เวย์ เอาล่ะ! Book วันเลยแล้วกัน เราเดินทาง 28 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2561 (5 วัน 4 คืน) ที่เมืองมรดกโลกฮอยอัน และเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก 1 คืนที่ดานัง (พัก 1 พฤษภาคม) จองผ่าน Expedia ล่วงหน้า 1 เดือน ในราคา 13,165 บาท (เดินทาง 2 คน) โดยสายการบินโลว์คอร์ส ขึ้น-ลง ที่สนามบินดอนเมือง (ราคานี้คือเราพลาดตรงกดจองพร้อมน้ำหนักกระเป๋า โดนไป 2,400 บาท คนละ 20 Kg. ไป-กลับ แนะนำให้จองทีหลังจะประหยัดไปได้อีก) แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงสำหรับเรา แต่ก็โอเค...พอรับได้
ก่อนเดินทางแค่ 1 อาทิตย์ จองที่พัก 2 คืนที่ฮอยอัน ผ่าน Taveloka (Champa Villa Hoi An ใกล้กับเมืองเก่าแค่ 600 m.) ในราคา 924 บาท พร้อมอาหารเช้า (Check In 28 เมษายน / Check Out วันที่ 30 เมษายน) ส่วนวันที่ 30 เมษายน เราไม่ได้จองที่พักไว้ ด้วยความที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปเที่ยว Bana Hills. หรือว่าไปพระราชวังที่เมืองเว้ หรืออาจจะอยู่ต่อฮอยอัน แล้วซื้อ Day Trip ไปเกาะจาม (Charm Island) เรื่องที่พักไว้ค่อยไปลุยกันข้างหน้า ว่ากันว่า Walk in ก็ไม่น่ายาก
เราหาข้อมูลเยอะมากก่อนเดินทาง ก็เป็นธรรมดาของคนไม่เคยไป (ต้องขอบคุณจากรีวิวช่วยได้เยอะจริงๆ เราเลยอยากมาแชร์ในมุมของเราบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง) ทั้งเรื่องการเดินทาง อาหารการกิน วิถีร้านค้า ผู้คนที่นั่น สกุลเงิน เทียบราคา Bth. Usd. Vnd. (บาท, ดอลล่าร์, ดอง) แลกที่ไหนได้เรทดีสุด อะไรที่ต้องระวังบ้าง แท็กซี่เป็นยังไง ภาษาเวียดนามเบื้องต้น สภาพภูมิอากาศช่วงที่ไป ก็เก็บข้อมูลไว้เยอะพอสมควร (เที่ยวเวียดนามกลาง ช่วงฤดูฝนประมาณเดือน มิถุนายน-ตุลาคม)
ก่อนวันเดินทางเราไปแลกเงิน (ที่ร้าน Super rich ตรง BTS พญาไท) ปรากฏว่าไม่มีเงินดองเลย พอเดินไปถามอีก 2 ร้านก็ไม่มีเหมือนกัน เลยตัดสินใจแลกเป็นดอลล่าร์ไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเงินดองที่เวียดนามอีกที (เรทตอนเราแลก 150 Usd. เท่ากับ 4,734 บาท /แลกแบงค์ใหญ่ไปแลกที่เวียดนามจะได้เรทดีกว่าแบงค์ย่อย)
วันเดินทางหลังจากที่โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็ลองเดินถามเรทราคาแลกเงินดอง ซึ่งได้น้อยกว่าแลกข้างนอกสนามบินประมาณ 2,000 บาทเลย ท้ายที่สุดก็เลยต้องแลกดอลล่าร์เพิ่มไป (แลก Usd. ในสนามบิน แพงกว่าข้างนอกนิดหน่อย 150 Usd. 4,803 บาท ) โอเค! ไปรอขึ้นเครื่องกันเลย
** สุกลเงินดองของเวียดนาม เมื่อเทียบกับบาทไทย (เรทราคาในช่วงเวลาที่เราเดินทาง)
เงินดองจะเริ่มต้นที่ 1,000 Vnd.ไปจนถึง 500,000 Vnd. ซึ่ง 1,000 ดอง ก็ตีไปราวๆ 1 บาท / 10,000 ดอง ประมาณ 15 บาท และ100,000 ดอง ประมาณ 150 บาท
Take Off สู่สนามบินดานัง เครื่องบิน Landing เวลา 11.30 น. (เวลาที่เวียดนามตรงกับประเทศไทย) ใช้เวลาเดินทาง 1.35 นาที อุณหภูมิภาคพื้นอากาศที่เจ้าหน้าที่สายการบินแจ้งประมาณ 30 องศา เราเดินมารอคิวตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลาสักพักใหญ่เลย เพราะคนค่อนข้างเยอะ หลังจากผ่าน ตม. ก็ไปรับกระเป๋า ในโซนนั้นก็จะเหมือนกับสนามบินทุกที่ มีร้านขายซิมการ์ด มีร้านเช่ารถ ทัวร์ เราก็เดินวนอยู่ 2-3 ร้าน เพื่อหาซื้อซิม ราคาอยู่ที่ 250 บาทเหมือนกันทุกร้าน (เคยอ่านจากรีวิวราคา 150 บาท ใช้ได้ 7 วัน คิดว่าน่าจะขึ้นราคาแล้ว)
สาวเวียดนามยิ้มต้อนรับทักทายเราเป็นภาษาไทย ‘สวัสดีค่ะ ซิมการ์ด 250 บาท’ เป็นร้านที่คนไปยืนรอซื้อกันเยอะพอสมควร เอาล่ะ! คงต้องร้านนี้แล้วแหละ จัดไป 2 ซิม 500 บาท จ่ายเป็นเงินบาทไทย เพราะเรายังไม่ได้แลกเงิน (เดินหาร้านแลกข้างในไม่มี แต่ที่สนามบินดานังรับเงินบาทไทยทุกการซื้อขาย) ซิม Internet พอลองใช้ก็เร็วจี๋ 4G สมคำร่ำลือ (ช่วยเรื่องหาข้อมูล หรือดูเส้นทาง GPS. ได้เยอะจริงๆ)
พนังงานร้านขายซิมเจ้าเดิม พูดไทยด้วยสำเนียงน่ารักกับเราว่า ‘เดิงออกปาย แล้วซ้าย มีที่ลากเงิน’ โอเค… ‘ขอบคุณค่ะ' ไปลากเงินกัน เราเดินมาตามทางที่พนักงานบอก ก็มีร้านแลกเงินอยู่ 3-4 ร้าน เราแลก 100 Usd. ได้มา 2,101,000 Vnd. (ประมาณ 3,000 บาท) พอเดินออกจากร้านแลกเงิน ก็มีคนขับรถมารุมล้อมถามไถ่ว่าเราจะไปที่ไหน พร้อมกับเสนอราคาให้เสร็จสรรพ ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ 450,000 ดอง (600-650 บาท) ซึ่งเราคิดว่าแพงไป สำหรับระยะทางจากสนามบินดานังไปฮอยอัน 29 Km. ตอนนั้นก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่กำลังถูกรุมล้อมเช่นกัน แต่เราเจอนักท่องเที่ยว 2 คน คิดว่าน่าจะเป็นคนไทย เลยลองถามดู ปรากฏว่าโชคดีได้เพื่อนร่วมทางเดียวกัน
เราเหมารถในราคา 350,000 Vnd. หาร 2 จ่ายไป 175,000 Vnd. (ประมาณ 180 บาท) และที่พักก็อยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง (ตามข้อมมูลเป๊ะ คนที่นั่นเขาขับรถกันแค่ 60 Km./hr. พวงมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย และบีบแตรตลอดเวลา) คนขับไปส่งเพื่อนร่วมทางก่อน แล้วย้อนกลับมาส่งเราที่โรงแรม เราจ่ายเงินไป 400,000 ดอง เขาต้องทอน 50,000 ดอง ตามที่ตกลง แต่แอบกังวลว่าเขาจะเนียนรึเปล่า เพราะเคยได้ยินมาว่าเขาจะชอบบอกว่าไม่มีเงินทอน แต่ปรากฏว่าเขาทอนนะ แมนๆ เลย ไม่เรื่องมาก ไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่ว่ามาส่งเราผิดโรงแรมจ้า… ตึ่ง!
เรายกกระเป๋าลงจากรถ สาวพนักงานโรงแรมรีบวิ่งออกมาช่วยยกกระเป๋า ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับเราเป็นอย่างดี แต่พอยื่น Booking ให้ดูเท่านั้นแหละ ‘Not here’ แล้วก็ชี้ให้เราเดินเข้าไปในซอย ‘Can you walk not to far. / about 4 minute’ ซึ่งสำเนียงภาษาอังกฤษค่อนข้างจะฟังยาก ตอนแรกเราก็แอบใจหาย ห๊ะ! ไม่ใช่โรงแรมนี้ และรถก็ไปแล้วด้วย ยังไงก็คงต้องเดิน เอาน่ะ! เขาบอกอยู่ไม่ไกลก็น่าจะไม่ไกล
เราเดินไปประมาณ 800 เมตร สุดท้ายหาไม่เจอ เดินวนกลับมาที่เดิมเกือบจะถึงโรงแรมที่มาผิด เลยลองถามคนแถวนั้นดู เขาบอกว่าให้เดินตรงไปข้างหน้าจะอยู่ซ้ายมือ แต่เอ๊ะ! ซ้ายมือตรงนั้นก็โรงแรมเดิมนะ แล้ว Champa Villa อยู่ไหน เสิร์ช GPS. ก็อยู่แถวนี้ แต่ทำไมหาไม่เจอ
ขณะที่เราหยุดเดินพักตั้งหลัก ก็เหลือบไปเห็นป้ายโรงแรม Champa โอ้ว์ แม่เจ้า! เจอแล้ว ป้ายหลบไปอยู่ข้างๆ ตรงทางเข้าซอยเล็กๆ แต่ตัวโรงแรมตั้งอยู่หน้าถนน ห่างจากโรงแรมที่ไปผิดแค่บ้าน 1 หลังกั้น จริงๆ มันเดินแค่ 4 วินาทีเท่านั้นถึง ไม่ใช่ 4 นาที เพราะห่างกันประมาณ 20 เมตรได้ ไม่เป็นไรยังไงเราก็เจอแล้ว แต่โรงแรมในละแวกที่เราพักหน้าตาจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งหมด คือเป็นตึกสูงราว 4-5 ชั้น แล้วทาสีเหลือง มีระเบียง ต้องสังเกตุดูป้ายชื่อโรงแรมให้ดี
ฮอยอัน ...กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย เราใช้เวลาพักร่างประมาณ 1 ชั่วโมง บ่าย 3 กว่าๆ เราเริ่มรู้สึกหิว เพราะตั้งแต่ลงเครื่องยังไม่ได้กินข้าวเลย งั้นออกไปหาอะไรกินที่เมืองเก่าดีกว่า ได้เวลาเดินเที่ยวกันแล้ว ...ฮอยอันที่ฉันฝัน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมืองทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสีเหลือง
อากาศวันนั้นร้อนพอประมาณ ไม่เกิน 30 องศา ในช่วงบ่ายยังไม่ค่อยมีคนออกไปเดินมากนัก ส่วนใหญ่จะเห็นนักท่องเที่ยวนั่งชิลล์อยู่ตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซึ่งทุกร้านที่นี่ตกแต่งได้อย่างสวยงามมีสไตล์ มีเอกลักษณ์ที่ชวนหลงไหลจนลืมไม่ลง ส่วนเราก็เดินสำรวจไปรอบๆ เมืองเก่า (Hoi An old town) จนถึงริมแม่น้ำทูโบน (Thu Bon)
[CR] ‘ฮอยอัน (Hoi An) – ดานัง (Da Nang) มนต์ขลังเวียดนามกลาง’
...บอกเล่าเรื่องราวเวียดนามกลางในแบบเรา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เราได้พบเจอ...
ครั้งแรกกับการเดินทางเที่ยวเวียดนาม จากที่เคยใฝ่ฝันว่าอยากจะไป ฮานอย-ฮาลองเบย์-ซาปา (เวียดนามเหนือ) จากที่สืบค้นข้อมูล ทั้งอ่านรีวิว ดูรายการท่องเที่ยวมากมาย ‘เวียดนามกลาง’ นี่ช่างน่าสนจริงๆ และสายการบินที่อยู่ในตัวเลือกก็มีทั้งแอร์เอเชียและบางกอกแอร์เวย์ เอาล่ะ! Book วันเลยแล้วกัน เราเดินทาง 28 เมษายน- 2 พฤษภาคม 2561 (5 วัน 4 คืน) ที่เมืองมรดกโลกฮอยอัน และเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก 1 คืนที่ดานัง (พัก 1 พฤษภาคม) จองผ่าน Expedia ล่วงหน้า 1 เดือน ในราคา 13,165 บาท (เดินทาง 2 คน) โดยสายการบินโลว์คอร์ส ขึ้น-ลง ที่สนามบินดอนเมือง (ราคานี้คือเราพลาดตรงกดจองพร้อมน้ำหนักกระเป๋า โดนไป 2,400 บาท คนละ 20 Kg. ไป-กลับ แนะนำให้จองทีหลังจะประหยัดไปได้อีก) แม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูงสำหรับเรา แต่ก็โอเค...พอรับได้
ก่อนเดินทางแค่ 1 อาทิตย์ จองที่พัก 2 คืนที่ฮอยอัน ผ่าน Taveloka (Champa Villa Hoi An ใกล้กับเมืองเก่าแค่ 600 m.) ในราคา 924 บาท พร้อมอาหารเช้า (Check In 28 เมษายน / Check Out วันที่ 30 เมษายน) ส่วนวันที่ 30 เมษายน เราไม่ได้จองที่พักไว้ ด้วยความที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปเที่ยว Bana Hills. หรือว่าไปพระราชวังที่เมืองเว้ หรืออาจจะอยู่ต่อฮอยอัน แล้วซื้อ Day Trip ไปเกาะจาม (Charm Island) เรื่องที่พักไว้ค่อยไปลุยกันข้างหน้า ว่ากันว่า Walk in ก็ไม่น่ายาก
เราหาข้อมูลเยอะมากก่อนเดินทาง ก็เป็นธรรมดาของคนไม่เคยไป (ต้องขอบคุณจากรีวิวช่วยได้เยอะจริงๆ เราเลยอยากมาแชร์ในมุมของเราบ้าง เผื่อจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง) ทั้งเรื่องการเดินทาง อาหารการกิน วิถีร้านค้า ผู้คนที่นั่น สกุลเงิน เทียบราคา Bth. Usd. Vnd. (บาท, ดอลล่าร์, ดอง) แลกที่ไหนได้เรทดีสุด อะไรที่ต้องระวังบ้าง แท็กซี่เป็นยังไง ภาษาเวียดนามเบื้องต้น สภาพภูมิอากาศช่วงที่ไป ก็เก็บข้อมูลไว้เยอะพอสมควร (เที่ยวเวียดนามกลาง ช่วงฤดูฝนประมาณเดือน มิถุนายน-ตุลาคม)
ก่อนวันเดินทางเราไปแลกเงิน (ที่ร้าน Super rich ตรง BTS พญาไท) ปรากฏว่าไม่มีเงินดองเลย พอเดินไปถามอีก 2 ร้านก็ไม่มีเหมือนกัน เลยตัดสินใจแลกเป็นดอลล่าร์ไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเงินดองที่เวียดนามอีกที (เรทตอนเราแลก 150 Usd. เท่ากับ 4,734 บาท /แลกแบงค์ใหญ่ไปแลกที่เวียดนามจะได้เรทดีกว่าแบงค์ย่อย)
วันเดินทางหลังจากที่โหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็ลองเดินถามเรทราคาแลกเงินดอง ซึ่งได้น้อยกว่าแลกข้างนอกสนามบินประมาณ 2,000 บาทเลย ท้ายที่สุดก็เลยต้องแลกดอลล่าร์เพิ่มไป (แลก Usd. ในสนามบิน แพงกว่าข้างนอกนิดหน่อย 150 Usd. 4,803 บาท ) โอเค! ไปรอขึ้นเครื่องกันเลย
** สุกลเงินดองของเวียดนาม เมื่อเทียบกับบาทไทย (เรทราคาในช่วงเวลาที่เราเดินทาง)
เงินดองจะเริ่มต้นที่ 1,000 Vnd.ไปจนถึง 500,000 Vnd. ซึ่ง 1,000 ดอง ก็ตีไปราวๆ 1 บาท / 10,000 ดอง ประมาณ 15 บาท และ100,000 ดอง ประมาณ 150 บาท
Take Off สู่สนามบินดานัง เครื่องบิน Landing เวลา 11.30 น. (เวลาที่เวียดนามตรงกับประเทศไทย) ใช้เวลาเดินทาง 1.35 นาที อุณหภูมิภาคพื้นอากาศที่เจ้าหน้าที่สายการบินแจ้งประมาณ 30 องศา เราเดินมารอคิวตรวจคนเข้าเมือง ใช้เวลาสักพักใหญ่เลย เพราะคนค่อนข้างเยอะ หลังจากผ่าน ตม. ก็ไปรับกระเป๋า ในโซนนั้นก็จะเหมือนกับสนามบินทุกที่ มีร้านขายซิมการ์ด มีร้านเช่ารถ ทัวร์ เราก็เดินวนอยู่ 2-3 ร้าน เพื่อหาซื้อซิม ราคาอยู่ที่ 250 บาทเหมือนกันทุกร้าน (เคยอ่านจากรีวิวราคา 150 บาท ใช้ได้ 7 วัน คิดว่าน่าจะขึ้นราคาแล้ว)
สาวเวียดนามยิ้มต้อนรับทักทายเราเป็นภาษาไทย ‘สวัสดีค่ะ ซิมการ์ด 250 บาท’ เป็นร้านที่คนไปยืนรอซื้อกันเยอะพอสมควร เอาล่ะ! คงต้องร้านนี้แล้วแหละ จัดไป 2 ซิม 500 บาท จ่ายเป็นเงินบาทไทย เพราะเรายังไม่ได้แลกเงิน (เดินหาร้านแลกข้างในไม่มี แต่ที่สนามบินดานังรับเงินบาทไทยทุกการซื้อขาย) ซิม Internet พอลองใช้ก็เร็วจี๋ 4G สมคำร่ำลือ (ช่วยเรื่องหาข้อมูล หรือดูเส้นทาง GPS. ได้เยอะจริงๆ)
พนังงานร้านขายซิมเจ้าเดิม พูดไทยด้วยสำเนียงน่ารักกับเราว่า ‘เดิงออกปาย แล้วซ้าย มีที่ลากเงิน’ โอเค… ‘ขอบคุณค่ะ' ไปลากเงินกัน เราเดินมาตามทางที่พนักงานบอก ก็มีร้านแลกเงินอยู่ 3-4 ร้าน เราแลก 100 Usd. ได้มา 2,101,000 Vnd. (ประมาณ 3,000 บาท) พอเดินออกจากร้านแลกเงิน ก็มีคนขับรถมารุมล้อมถามไถ่ว่าเราจะไปที่ไหน พร้อมกับเสนอราคาให้เสร็จสรรพ ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ 450,000 ดอง (600-650 บาท) ซึ่งเราคิดว่าแพงไป สำหรับระยะทางจากสนามบินดานังไปฮอยอัน 29 Km. ตอนนั้นก็มีนักท่องเที่ยวหลายคนที่กำลังถูกรุมล้อมเช่นกัน แต่เราเจอนักท่องเที่ยว 2 คน คิดว่าน่าจะเป็นคนไทย เลยลองถามดู ปรากฏว่าโชคดีได้เพื่อนร่วมทางเดียวกัน
เราเหมารถในราคา 350,000 Vnd. หาร 2 จ่ายไป 175,000 Vnd. (ประมาณ 180 บาท) และที่พักก็อยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง (ตามข้อมมูลเป๊ะ คนที่นั่นเขาขับรถกันแค่ 60 Km./hr. พวงมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย และบีบแตรตลอดเวลา) คนขับไปส่งเพื่อนร่วมทางก่อน แล้วย้อนกลับมาส่งเราที่โรงแรม เราจ่ายเงินไป 400,000 ดอง เขาต้องทอน 50,000 ดอง ตามที่ตกลง แต่แอบกังวลว่าเขาจะเนียนรึเปล่า เพราะเคยได้ยินมาว่าเขาจะชอบบอกว่าไม่มีเงินทอน แต่ปรากฏว่าเขาทอนนะ แมนๆ เลย ไม่เรื่องมาก ไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่ว่ามาส่งเราผิดโรงแรมจ้า… ตึ่ง!
เรายกกระเป๋าลงจากรถ สาวพนักงานโรงแรมรีบวิ่งออกมาช่วยยกกระเป๋า ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับเราเป็นอย่างดี แต่พอยื่น Booking ให้ดูเท่านั้นแหละ ‘Not here’ แล้วก็ชี้ให้เราเดินเข้าไปในซอย ‘Can you walk not to far. / about 4 minute’ ซึ่งสำเนียงภาษาอังกฤษค่อนข้างจะฟังยาก ตอนแรกเราก็แอบใจหาย ห๊ะ! ไม่ใช่โรงแรมนี้ และรถก็ไปแล้วด้วย ยังไงก็คงต้องเดิน เอาน่ะ! เขาบอกอยู่ไม่ไกลก็น่าจะไม่ไกล
เราเดินไปประมาณ 800 เมตร สุดท้ายหาไม่เจอ เดินวนกลับมาที่เดิมเกือบจะถึงโรงแรมที่มาผิด เลยลองถามคนแถวนั้นดู เขาบอกว่าให้เดินตรงไปข้างหน้าจะอยู่ซ้ายมือ แต่เอ๊ะ! ซ้ายมือตรงนั้นก็โรงแรมเดิมนะ แล้ว Champa Villa อยู่ไหน เสิร์ช GPS. ก็อยู่แถวนี้ แต่ทำไมหาไม่เจอ
ขณะที่เราหยุดเดินพักตั้งหลัก ก็เหลือบไปเห็นป้ายโรงแรม Champa โอ้ว์ แม่เจ้า! เจอแล้ว ป้ายหลบไปอยู่ข้างๆ ตรงทางเข้าซอยเล็กๆ แต่ตัวโรงแรมตั้งอยู่หน้าถนน ห่างจากโรงแรมที่ไปผิดแค่บ้าน 1 หลังกั้น จริงๆ มันเดินแค่ 4 วินาทีเท่านั้นถึง ไม่ใช่ 4 นาที เพราะห่างกันประมาณ 20 เมตรได้ ไม่เป็นไรยังไงเราก็เจอแล้ว แต่โรงแรมในละแวกที่เราพักหน้าตาจะคล้ายๆ กันเกือบทั้งหมด คือเป็นตึกสูงราว 4-5 ชั้น แล้วทาสีเหลือง มีระเบียง ต้องสังเกตุดูป้ายชื่อโรงแรมให้ดี
ฮอยอัน ...กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย เราใช้เวลาพักร่างประมาณ 1 ชั่วโมง บ่าย 3 กว่าๆ เราเริ่มรู้สึกหิว เพราะตั้งแต่ลงเครื่องยังไม่ได้กินข้าวเลย งั้นออกไปหาอะไรกินที่เมืองเก่าดีกว่า ได้เวลาเดินเที่ยวกันแล้ว ...ฮอยอันที่ฉันฝัน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมืองทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสีเหลือง
อากาศวันนั้นร้อนพอประมาณ ไม่เกิน 30 องศา ในช่วงบ่ายยังไม่ค่อยมีคนออกไปเดินมากนัก ส่วนใหญ่จะเห็นนักท่องเที่ยวนั่งชิลล์อยู่ตามร้านกาแฟ ร้านอาหาร ซึ่งทุกร้านที่นี่ตกแต่งได้อย่างสวยงามมีสไตล์ มีเอกลักษณ์ที่ชวนหลงไหลจนลืมไม่ลง ส่วนเราก็เดินสำรวจไปรอบๆ เมืองเก่า (Hoi An old town) จนถึงริมแม่น้ำทูโบน (Thu Bon)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น