งานของโครีดะในครั้งนี้ชวนให้เรานึกถึง 400 Blows ของทรุฟโฟต์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฉาก tracking shot ในขณะที่ตัวเอกของเรื่องกำลังวิ่งหนีปฏิเสธความช่วยเหลือจากนักเรียนหญิงสาวคนหนึ่ง นั่นคงจะเป็นการแสดงความเคารพในตัวผู้กำกับระดับตำนานอย่างทรุฟโฟต์
เนื่องด้วยคะแนนจากเวปไซต์ประเมินคะแนนภาพยนตร์หนึ่งที่ให้คะแนนหนังนี้ค่อนข้างมาก เราจึงค่อนข้างขาดหวังกับหนังนี้ระดับหนึ่ง พอหนังจบลงเรากลับไม่รู้สึกว่าดีขนาดนั้น เพราะหลายๆ ชอตยังดูไม่ปะติดปะต่อ การใช้เพลงประกอบในบางช่วงที่รู้สึกสร้างอารมณ์คนดูเป็นที่โจ่งแจ้งจนเกินไป และจุดจบของหนังซึ่งก้ำกึ่งระหว่างว่าจะจบแบบหนังกระแสหลักหรือนอกกระแส จึงทำให้เรารู้สึกครึ่งๆกลางๆ และยังค้างคา
อย่างไรก็ดีหนังนี้ก็แสดงให้เห็นถึงผลพวงจากครอบครัวที่แตกร้าว การมีลูกตั้งแต่วัยสาว ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่เปราะบาง และการขาดความรับผิดชอบ นำไปสู่การเห็นเด็กๆเหล่านี้เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงซึ่งแม่ของเด็กๆ มักจะซื้อของเล่นให้จนรกห้อง เพียงเพื่อให้พวกเขาลืมสภาพความเป็นจริงอันน่าหดหู่ไว้
พวกเขาเจริญเติบโตในขณะที่ตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า แต่จิตใจมนุษย์กลับดำมืด ทำร้าย หลอกล่อ และปฏิบัติกับพวกเขาราวกับไม่ใช่มนุษย์ เพราะว่า สิ่งที่มนุษย์ต้องการพื้นฐานนอกเสียจากปัจจัยสี่ นั่นคงเป็นเสรีภาพ อันขัดกับสถานะที่พวกเขาดำรงอยู่ นั่น คือการจองจำไว้ในห้อง เพียงเพราะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย นี่ยังไม่รวมถึงเด็กๆ เหล่านี้ขาดการศึกษา ในขณะที่บางคนมีโอกาสแต่กลับละทิ้งโอกาสอันมีค่ายิ่ง
ประเด็นเรื่องเด็กถูกทอดทิ้งยังคงง่ายที่จะเลือนหายไปในสังคมที่วุ่นวายเช่นนี้ ดังเช่นชื่อของหนังที่แปลว่า “คงไม่มีใครรู้” นั่นเพราะถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกนำไปฉายและโด่งดัง ไม่นานประเด็นนี้ก็คงจะถูกกลืนหายไปในกระแสธารของสังคม แต่อย่างน้อยก็เสมือนคลื่นน้อยๆ ที่รอคอยให้ชนรุ่นหลังเห็นและตระหนักถึงสิ่งนี้มากยิ่งขึ้น
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review วิจารณ์หนัง: Nobody Knows {Hirokazu Koreeda} [Japan], 2004 (Short Comments)
งานของโครีดะในครั้งนี้ชวนให้เรานึกถึง 400 Blows ของทรุฟโฟต์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะฉาก tracking shot ในขณะที่ตัวเอกของเรื่องกำลังวิ่งหนีปฏิเสธความช่วยเหลือจากนักเรียนหญิงสาวคนหนึ่ง นั่นคงจะเป็นการแสดงความเคารพในตัวผู้กำกับระดับตำนานอย่างทรุฟโฟต์
เนื่องด้วยคะแนนจากเวปไซต์ประเมินคะแนนภาพยนตร์หนึ่งที่ให้คะแนนหนังนี้ค่อนข้างมาก เราจึงค่อนข้างขาดหวังกับหนังนี้ระดับหนึ่ง พอหนังจบลงเรากลับไม่รู้สึกว่าดีขนาดนั้น เพราะหลายๆ ชอตยังดูไม่ปะติดปะต่อ การใช้เพลงประกอบในบางช่วงที่รู้สึกสร้างอารมณ์คนดูเป็นที่โจ่งแจ้งจนเกินไป และจุดจบของหนังซึ่งก้ำกึ่งระหว่างว่าจะจบแบบหนังกระแสหลักหรือนอกกระแส จึงทำให้เรารู้สึกครึ่งๆกลางๆ และยังค้างคา
อย่างไรก็ดีหนังนี้ก็แสดงให้เห็นถึงผลพวงจากครอบครัวที่แตกร้าว การมีลูกตั้งแต่วัยสาว ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่เปราะบาง และการขาดความรับผิดชอบ นำไปสู่การเห็นเด็กๆเหล่านี้เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงซึ่งแม่ของเด็กๆ มักจะซื้อของเล่นให้จนรกห้อง เพียงเพื่อให้พวกเขาลืมสภาพความเป็นจริงอันน่าหดหู่ไว้
พวกเขาเจริญเติบโตในขณะที่ตึกรามบ้านช่องสูงเสียดฟ้า แต่จิตใจมนุษย์กลับดำมืด ทำร้าย หลอกล่อ และปฏิบัติกับพวกเขาราวกับไม่ใช่มนุษย์ เพราะว่า สิ่งที่มนุษย์ต้องการพื้นฐานนอกเสียจากปัจจัยสี่ นั่นคงเป็นเสรีภาพ อันขัดกับสถานะที่พวกเขาดำรงอยู่ นั่น คือการจองจำไว้ในห้อง เพียงเพราะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย นี่ยังไม่รวมถึงเด็กๆ เหล่านี้ขาดการศึกษา ในขณะที่บางคนมีโอกาสแต่กลับละทิ้งโอกาสอันมีค่ายิ่ง
ประเด็นเรื่องเด็กถูกทอดทิ้งยังคงง่ายที่จะเลือนหายไปในสังคมที่วุ่นวายเช่นนี้ ดังเช่นชื่อของหนังที่แปลว่า “คงไม่มีใครรู้” นั่นเพราะถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกนำไปฉายและโด่งดัง ไม่นานประเด็นนี้ก็คงจะถูกกลืนหายไปในกระแสธารของสังคม แต่อย่างน้อยก็เสมือนคลื่นน้อยๆ ที่รอคอยให้ชนรุ่นหลังเห็นและตระหนักถึงสิ่งนี้มากยิ่งขึ้น
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ https://www.facebook.com/survival.king