เหตุเกิดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในแผนกผักและผลไม้ ผมกำบังเลือกซื้อสาลี่กับเมลอนอยู่
ทางพนักงานขายกำลังแนะนำว่า พันธุ์นี้อร่อยกรอบ พันธุ์นี้หวานฉ่ำ แม้ว่าจะทำงานมาทั้งวัน
แต่พนักงานขายก็ยังดูเอาใจใส่ลูกค้าดีทีเดียว ขอเรียกว่าคุณป้านะครับ เพราะว่าดูแล้วอายุ
น่าจะราวๆ 40-50 ปี ระหว่างที่กำลังเลือกสาลี่ได้ 3 ลูก ก็มีคุณยาย อายุราว 70 ปีท่านหนึ่ง
เดินเข้ามาถาม ราคาองุ่นที่อยู่ในถาดใกล้ๆ ที่มีองุ่นเขียว กับองุ่นแดงวางใกล้ๆ กัน คุณยาย
ชี้นิ้วไปที่องุ่นแดงนอกที่แพ็คอยู่ในถุง ว่าราคาเท่าไหร่ ทางคุณป้าพนักงาน บอกว่าป้ายราคา
หลุด เดี่ยวขอถามหัวหน้าก่อน (แล้วคุณป้าพนักงาน ก็ตะโกนถามหัวหน้า ที่เชคของแถวนั้น)
ได้ความว่า ราคาราว 299 บาท คุณป้าพนักงานจึงแจ้งคุณยายว่า ราคา 299 บาทค่ะ
คุณยายจึงพูดว่า ป้ายหลุดเหลิดอะไรกัน ชั้นเห็นป้ายมันติดอยู่เนี่ย ว่าลดราคาเหลือ 199 บาท
ทำไมไม่ขายตามป้าย พร้อมชี้นิ้วไปที่ป้ายราคา ทางคุณป้าพนักงานจึงตะโกนถามราคาหัวหน้า
อีกรอบเพื่อความชัวร์ ได้ความว่าราคาเท่าเดิม พร้อมทั้งชี้ไปที่ป้ายตรงข้อความว่า องุ่นเขียว
และบอกว่า 199 บาทเป็นราคาองุ่นเขียวค่ะ ส่วนองุ่นแดง 299 คุณยายก็ยังไม่ฟัง บอกว่าให้ไป
เชคราคาใหม่ไป ผมยืนอยู่จึงช่วยอธิบาย (จะว่า
ก็ได้) บอกคุณยายไปว่า ดูที่ป้ายราคา
มันเขีนนว่าองุ่นเขียวลดราคา จาก สองร้อยกว่าๆ (จำไม่ได้) เป็น 199 บาท ส่วนองุ่นแดง
จะแพงกว่า คือ 299 บาทตามที่พนักงานบอก คุณยายตอบมาว่า เธอใช่พนักงานหรอ ชั้นถาม
พนักงาน พร้อมกับบ่นว่า พนักงานทำงานสัพเพร่า พร้อมสะบัดก้น เดินหนีไป คือนอกจากไม่ซื้อ
แล้วยังพูดกับพนักงานด้วยน้ำเสียง คุณนายคุยกับคนใช้ ผมไม่ชอบใจ จึงช่วยอธิบาย แม้จะโดน
ตอกหน้ากลับก็ไม่เป็นไร ทำไมเรื่องง่ายๆแบบนี้คุณยายไม่ยอมเข้าใจ สุดท้ายผมได้สาลี่ 6 ลูก
กับเมล่อน 2 ลูก
แค่นี้ยังเบาๆ แต่ไม่อยากจะคิดว่าวันๆ พนักงานเหล่านี้เขาจะเจอบูกค้าประเภทใดบ้าง เจอลูกค้า
ที่ดี ก็ดีไป เจอลูกค้าเรื่องเยอะก็น่าเห็นใจ คนเหมือนกัน ทำมาหากินเหมือนกัน แม้รายได้จะน้อย
แต่ก็เป็นงานสุจริต (ส่วนพนักงานขายแย่ๆก็มีอยู่บ้าง พวกนี้ไม่น่าเห็นใจ)
มนุษย์ยาย กับ พนักงานขาย คนทำงานบริการ ไม่ใช่ข้ารับใช้ ทำไมไม่พูดกันดีๆ
ทางพนักงานขายกำลังแนะนำว่า พันธุ์นี้อร่อยกรอบ พันธุ์นี้หวานฉ่ำ แม้ว่าจะทำงานมาทั้งวัน
แต่พนักงานขายก็ยังดูเอาใจใส่ลูกค้าดีทีเดียว ขอเรียกว่าคุณป้านะครับ เพราะว่าดูแล้วอายุ
น่าจะราวๆ 40-50 ปี ระหว่างที่กำลังเลือกสาลี่ได้ 3 ลูก ก็มีคุณยาย อายุราว 70 ปีท่านหนึ่ง
เดินเข้ามาถาม ราคาองุ่นที่อยู่ในถาดใกล้ๆ ที่มีองุ่นเขียว กับองุ่นแดงวางใกล้ๆ กัน คุณยาย
ชี้นิ้วไปที่องุ่นแดงนอกที่แพ็คอยู่ในถุง ว่าราคาเท่าไหร่ ทางคุณป้าพนักงาน บอกว่าป้ายราคา
หลุด เดี่ยวขอถามหัวหน้าก่อน (แล้วคุณป้าพนักงาน ก็ตะโกนถามหัวหน้า ที่เชคของแถวนั้น)
ได้ความว่า ราคาราว 299 บาท คุณป้าพนักงานจึงแจ้งคุณยายว่า ราคา 299 บาทค่ะ
คุณยายจึงพูดว่า ป้ายหลุดเหลิดอะไรกัน ชั้นเห็นป้ายมันติดอยู่เนี่ย ว่าลดราคาเหลือ 199 บาท
ทำไมไม่ขายตามป้าย พร้อมชี้นิ้วไปที่ป้ายราคา ทางคุณป้าพนักงานจึงตะโกนถามราคาหัวหน้า
อีกรอบเพื่อความชัวร์ ได้ความว่าราคาเท่าเดิม พร้อมทั้งชี้ไปที่ป้ายตรงข้อความว่า องุ่นเขียว
และบอกว่า 199 บาทเป็นราคาองุ่นเขียวค่ะ ส่วนองุ่นแดง 299 คุณยายก็ยังไม่ฟัง บอกว่าให้ไป
เชคราคาใหม่ไป ผมยืนอยู่จึงช่วยอธิบาย (จะว่าก็ได้) บอกคุณยายไปว่า ดูที่ป้ายราคา
มันเขีนนว่าองุ่นเขียวลดราคา จาก สองร้อยกว่าๆ (จำไม่ได้) เป็น 199 บาท ส่วนองุ่นแดง
จะแพงกว่า คือ 299 บาทตามที่พนักงานบอก คุณยายตอบมาว่า เธอใช่พนักงานหรอ ชั้นถาม
พนักงาน พร้อมกับบ่นว่า พนักงานทำงานสัพเพร่า พร้อมสะบัดก้น เดินหนีไป คือนอกจากไม่ซื้อ
แล้วยังพูดกับพนักงานด้วยน้ำเสียง คุณนายคุยกับคนใช้ ผมไม่ชอบใจ จึงช่วยอธิบาย แม้จะโดน
ตอกหน้ากลับก็ไม่เป็นไร ทำไมเรื่องง่ายๆแบบนี้คุณยายไม่ยอมเข้าใจ สุดท้ายผมได้สาลี่ 6 ลูก
กับเมล่อน 2 ลูก
แค่นี้ยังเบาๆ แต่ไม่อยากจะคิดว่าวันๆ พนักงานเหล่านี้เขาจะเจอบูกค้าประเภทใดบ้าง เจอลูกค้า
ที่ดี ก็ดีไป เจอลูกค้าเรื่องเยอะก็น่าเห็นใจ คนเหมือนกัน ทำมาหากินเหมือนกัน แม้รายได้จะน้อย
แต่ก็เป็นงานสุจริต (ส่วนพนักงานขายแย่ๆก็มีอยู่บ้าง พวกนี้ไม่น่าเห็นใจ)