ผมชื่นชอบพระสูตรบทที่ทรงเปรียบเทียบความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัยของพุทธองค์กับความอัสจรรย์แห่งท้องสมุทร
งดงามราวบทกวีและสอดคล้องกันได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะการเปรียบรัตนมนีกับธรรมรัตนว่ามีมากมายให้เลือกสรรตามอัทธยาศัย
แต่ไฉนหลายท่านยังรังเรรักพี่เสียดายน้องเลือกธรรมเพื่อการหลุดพ้นกันไม่ได้สักทีวันๆเห็นแต่เดินแบกคำภีย์ไปมาบ้างก็เอาแต่สาธยายธรรม
คงเป็นเพราะคนสมัยก่อนไม่ค่อยรู้หนังสืออ่านไม่ค่อยได้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝึกฝนตนเองเพื่อให้ตนเองรู้แจ้ง
ผิดกับสมัยนี้ที่คนอ่านกันได้มากจึงเลือกที่จะอ่านมากกว่าที่จะฝึกฝนเพื่อความรู้แจ้งแต่ในความเป้นจริงแล้วธรรมเพื่อการบรรลุอริยะนั้น
ต้องทำเองเห็นเองด้วยญาณทัสสนะในธรรมที่ตนเองได้เลือกแล้วจึงจะสามารถเข้าใจว่าตนเองและผู้อื่นนั้นบรรลุธรรมหรือไม่
การแบกเหล่าธรรมรัตนะซะมากมายอาจทำให้รู้สึกเพลิดเพลินในธรรมเหล่านั้นแต่จะเกิดประโยชน์อะไรถ้าผู้แบกไม่สามารถลิ้มรสในธรรมได้
[๔๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมาก มี
รัตนะมิใช่ชนิดเดียว รัตนะในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี
แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต ธรรมวินัย
นี้ก็เหมือนกัน มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว รัตนะในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้
คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗
อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้อที่ธรรมวินัยนี้ มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว รัตนะ
ในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ แม้นี้ก็เป็น
ความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๗ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้ว
พากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=7&A=5440&w=%C1%CB%D2%CA%C1%D8%B7%C3
ธรรมเพื่อการหลุดพ้นมีมากมายเช่น สติปัฏฐาน4 มรรคมีองค์แปด โพชฌงค์7 อิทธิบาท4 อินทรีย์4 พละ5 สัมมัปปธาน4 จะเลือกหรือจะแบก?
งดงามราวบทกวีและสอดคล้องกันได้อย่างลงตัวโดยเฉพาะการเปรียบรัตนมนีกับธรรมรัตนว่ามีมากมายให้เลือกสรรตามอัทธยาศัย
แต่ไฉนหลายท่านยังรังเรรักพี่เสียดายน้องเลือกธรรมเพื่อการหลุดพ้นกันไม่ได้สักทีวันๆเห็นแต่เดินแบกคำภีย์ไปมาบ้างก็เอาแต่สาธยายธรรม
คงเป็นเพราะคนสมัยก่อนไม่ค่อยรู้หนังสืออ่านไม่ค่อยได้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝึกฝนตนเองเพื่อให้ตนเองรู้แจ้ง
ผิดกับสมัยนี้ที่คนอ่านกันได้มากจึงเลือกที่จะอ่านมากกว่าที่จะฝึกฝนเพื่อความรู้แจ้งแต่ในความเป้นจริงแล้วธรรมเพื่อการบรรลุอริยะนั้น
ต้องทำเองเห็นเองด้วยญาณทัสสนะในธรรมที่ตนเองได้เลือกแล้วจึงจะสามารถเข้าใจว่าตนเองและผู้อื่นนั้นบรรลุธรรมหรือไม่
การแบกเหล่าธรรมรัตนะซะมากมายอาจทำให้รู้สึกเพลิดเพลินในธรรมเหล่านั้นแต่จะเกิดประโยชน์อะไรถ้าผู้แบกไม่สามารถลิ้มรสในธรรมได้
[๔๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรัตนะมาก มี
รัตนะมิใช่ชนิดเดียว รัตนะในมหาสมุทรนั้นเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี
แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต ธรรมวินัย
นี้ก็เหมือนกัน มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว รัตนะในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้
คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗
อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้อที่ธรรมวินัยนี้ มีรัตนะมาก มีรัตนะมิใช่อย่างเดียว รัตนะ
ในธรรมวินัยนั้นเหล่านี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ แม้นี้ก็เป็น
ความอัศจรรย์ ไม่เคยมีในธรรมวินัยนี้ เป็นข้อที่ ๗ ที่ภิกษุทั้งหลายพบเห็นแล้ว
พากันชื่นชมในธรรมวินัยนี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=7&A=5440&w=%C1%CB%D2%CA%C1%D8%B7%C3