เป็นเรื่องที่น้องเล่าให้ฟัง น้องเราเรียน ม.รัฐ ที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง น้องอึดอีดที่เพื่อนๆในกลุ่มที่มหาลัยมีค่านิยมที่ไม่สมควรเลย เราฟังก็ตกใจพอสมควรที่ทำไมเด็กสมัยนี้เขาคิดกันแบบนี้
เริ่มจากที่เพื่อนของน้องมักจะชอบจับคนรวย อ่านไม่ผิดหรอกค่ะเพราะน้องเล่าว่า เพื่อนจะหาผู้ชาย(วัยเรียนเหมือนกัน)ที่ต้องมีรถขับ มีฐานะ ถึงจะคุยและคบกันอย่างรวดเร็ว (เพียงไม่กี่สัปดาห์) จากนั้นก็เรียกได้ว่าพลีกายกันเลย แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆค่ะ เด็กพวกนั้นเขาจะแลกกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า โนเนมบ้าง แบรนด์เนมบ้าง มูลค่าก็ หลักร้อย ถึง หลักแสน แล้วเด็กพวกนี้เขาจะคุยอวดกันว่าได้อะไรมาแล้วบ้าง กำลังขออะไรอยู่บ้าง ซึ่งน้องเราอึดอัดค่ะ แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะคบกันมาหลายปีแล้ว จะให้ย้ายกลุ่มเพื่อนก็ไม่รู้จะย้ายไปไหน อีกอย่างที่เราตกใจก็คือ เด็กๆเขาขอค่าใช้จ่ายรายวันด้วย ก็พวกค่าน้ำ ค่ารถ ค่าข้าว ขอจากแฟนซึ่งแฟนก็ยังเรียนอยู่ด้วย เท่ากับแฟนเอาเงินพ่อแม่มาให้แฟนตัวเองใช้อย่างฟุ่มเฟือย
เราไม่เข้าใจว่าการขอเงินคนอื่นแบบนั้นไม่อายเลยหรือ แล้วทำไมผู้ชายบางคนถึงยอมจ่ายให้กับแฟนตัวเองมากขนาดนั้น ทั้งที่ตัวเองก็ยังเรียนไม่จบ ไม่ได้ทำงานพิเศษอะไร ขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่สงสารท่านหรอที่ต้องทำงานหาเงินให้ตัวเองมาใช้ในเรื่องแบบนี้
ซึ่งเรากับน้องถูกเลี้ยงมาแบบช่วยเหลือตัวเอง เวลาอยากได้อะไรจะทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงินซื้อเอง เวลาจะขอเงินพ่อแม่สักครั้ง เราอายค่ะที่จะขอเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ด้วยฐานะที่บ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรด้วย เลยทำให้เรากับน้องมองเห็นพ่อแม่ทำงานหาเงินมาให้ใช้ก็สงสารท่านมาก พยายามไม่ทำตัวให้เป็นภาระ แต่ไม่ใช่แค่กับคนในครอบครัว ยิ่งถ้าจะให้ขอแฟนล่ะก็ไม่มีแน่นอน อย่างมากคือแฟนเลี้ยงหนัง เลี้ยงข้าวเล็กๆน้อยๆ แต่จะเอ่ยบอกขออะไรแบบนั้น มันรู้สึกแปลกน่ะค่ะ
เราไม่ทราบว่าทางบ้านของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะทราบพฤติกรรมพวกนี้หรือไม่ ก็อยากฝากไว้เพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์นึงก็แล้วกันค่ะ.
เด็กๆวัยรุ่นสมัยนี้ กับการยึดติดวัตถุนิยมที่น่าเป็นห่วง
เริ่มจากที่เพื่อนของน้องมักจะชอบจับคนรวย อ่านไม่ผิดหรอกค่ะเพราะน้องเล่าว่า เพื่อนจะหาผู้ชาย(วัยเรียนเหมือนกัน)ที่ต้องมีรถขับ มีฐานะ ถึงจะคุยและคบกันอย่างรวดเร็ว (เพียงไม่กี่สัปดาห์) จากนั้นก็เรียกได้ว่าพลีกายกันเลย แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆค่ะ เด็กพวกนั้นเขาจะแลกกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า โนเนมบ้าง แบรนด์เนมบ้าง มูลค่าก็ หลักร้อย ถึง หลักแสน แล้วเด็กพวกนี้เขาจะคุยอวดกันว่าได้อะไรมาแล้วบ้าง กำลังขออะไรอยู่บ้าง ซึ่งน้องเราอึดอัดค่ะ แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เพราะคบกันมาหลายปีแล้ว จะให้ย้ายกลุ่มเพื่อนก็ไม่รู้จะย้ายไปไหน อีกอย่างที่เราตกใจก็คือ เด็กๆเขาขอค่าใช้จ่ายรายวันด้วย ก็พวกค่าน้ำ ค่ารถ ค่าข้าว ขอจากแฟนซึ่งแฟนก็ยังเรียนอยู่ด้วย เท่ากับแฟนเอาเงินพ่อแม่มาให้แฟนตัวเองใช้อย่างฟุ่มเฟือย
เราไม่เข้าใจว่าการขอเงินคนอื่นแบบนั้นไม่อายเลยหรือ แล้วทำไมผู้ชายบางคนถึงยอมจ่ายให้กับแฟนตัวเองมากขนาดนั้น ทั้งที่ตัวเองก็ยังเรียนไม่จบ ไม่ได้ทำงานพิเศษอะไร ขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่สงสารท่านหรอที่ต้องทำงานหาเงินให้ตัวเองมาใช้ในเรื่องแบบนี้
ซึ่งเรากับน้องถูกเลี้ยงมาแบบช่วยเหลือตัวเอง เวลาอยากได้อะไรจะทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงินซื้อเอง เวลาจะขอเงินพ่อแม่สักครั้ง เราอายค่ะที่จะขอเงินมาซื้ออะไรแพงๆ ด้วยฐานะที่บ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรด้วย เลยทำให้เรากับน้องมองเห็นพ่อแม่ทำงานหาเงินมาให้ใช้ก็สงสารท่านมาก พยายามไม่ทำตัวให้เป็นภาระ แต่ไม่ใช่แค่กับคนในครอบครัว ยิ่งถ้าจะให้ขอแฟนล่ะก็ไม่มีแน่นอน อย่างมากคือแฟนเลี้ยงหนัง เลี้ยงข้าวเล็กๆน้อยๆ แต่จะเอ่ยบอกขออะไรแบบนั้น มันรู้สึกแปลกน่ะค่ะ
เราไม่ทราบว่าทางบ้านของทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะทราบพฤติกรรมพวกนี้หรือไม่ ก็อยากฝากไว้เพื่อเป็นการแชร์ประสบการณ์นึงก็แล้วกันค่ะ.