ทำไมแม่ผัวถึงไม่ชอบลูกสะใภ้

เราคบกับแฟนมา  12 ปี  แต่งงานมา 9 ปี จริงๆ ความขัดแย้งกันมันก็มีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เราอาจจะมองข้ามไปเพราะรักและสงสารแฟน 

ครอบครัวแฟน จะแยกกันอยู่ทุกคน คือแฟนออกมาทำงานและอยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ15 ปี มีกลับไปอยู่กับแม่และยายบ้าง แต่ก็ไปอยู่แปปๆแล้วก็ออกมาอีก
แม่ก็อยู่กับยาย ส่วนพ่อก็เลิกกับแม่และมีแฟนใหม่ อยู่ กทม.
ตอนแรกเราเห็นว่าแม่ก็ดูเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน พูดจาไพเราะเสนาะหู ใครๆก็ชื่นชมว่าน้ำเสียงเพราะพริ้ง ดูเป็นผู้ดีเก่า ทำไมลูกถึงแยกออกมาอยู่คนเดียวเราคิดว่าคงเป็นวัยรุ่นคงอยากมีโลกส่วนตัว และประกอบกับการทำงานหาเงินเองคงจะสะดวกกว่าหากแยกออกมาอยู่คนเดียว 

ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่เพราะเราอยู่ กทม. แม่แฟนอยู่ต่างจังหวัด เราเลยไม่ค่อยได้เจอเค้าเท่าไหร่ แต่เรางงมากเค้าชอบพูดเรื่องแฟนเก่าของแฟนเราให้เราฟังตลอด ประมาณว่าแฟนเก่าของเค้าแต่ละคนคนนะสวยทั้งนั้น เค้าเหมือนพ่อชอบคนสวย ! เราเอ๊ะ ! ด่าเรา เอ๊ะ! ชมตัวเอง หรือเค้าอาจจะชมเราก็ได้ว่าเราสวยคิดในทางที่ดี พูดเรื่องแฟนเก่าอีก เค้านะไปอยู่กับแฟนเลี้ยงหมาด้วยกันชื่อ 1 กับ 2  ตอนมาอยู่กับแม่ไม่มีแฟนก็พาผู้หญิงมานอนบ่อยๆ  (งงม่ะพูดทำไม)  ไปขุดรูปแฟนเก่ามาให้เราดูอีกว่านี่ไงสวยมั้ย เราก็ทำเป็นเออออไป เวลาเค้าพูดเรื่องแฟนเก่ากับเราแฟนเราไม่ค่อยอยู่ตรงนั้น ถ้าได้ยินก็ว่าแม่ว่าจะพูดทำไมเรื่องเก่าๆ เค้าก็ไม่สนใจพยายามพูดให้เราฟังอีกเรื่อยๆ 

จนเราคบกับแฟนมาได้ประมาณ 3 ปีได้เราคิดว่าต้องแต่งงานละ ถ้าไม่แต่งเราก็จะเลิกล่ะเพราะเราคิดว่าเสียเวลา ตอนนั้นแฟนเราก็อายุ 33 ปีละ แล้วเราก็ 28 ย่าง 29 ปีแล้ว เราอยากคบใครสักคนแล้วแต่งงานมีลูกจะได้ แล้วเราคิดว่าเรารักเค้า เค้าดี ไม่เจ้าชู้ หาเงินเก่งและรักเรา ดูแลเราดีมาก เสมอต้นเสมอปลาย
พอเราตัดสินใจจะแต่งงานกันละ เราก็คุยกับพ่อแม่ พ่อแม่เราบอกแล้วแต่เลย ลูกรักใครพ่อแม่ก็รัก แฟนก็ไปคุยกับแม่เค้าเหมือนรายละเอียดเราไม่รู้ว่าเค้าคุยอะไรกัน ก่อนที่จะตกลงวันเราก็พาแม่แฟนไปทำความรู้จักกับแม่ เค้าก็คุยกันเรื่องสินสอดว่าเท่าไหร่ ตกลงกันว่า 3 บาท ฤกษ์แต่งประมาณอีก 1 ปี แม่ตกลงกับแฟนว่าจะช่วยเรื่องสินสอด แล้วเราก็กลับ กทม. มาทำงานหาเงินกัน จนงานแต่งใกล้เข้ามาจนจะกลายเป็นเรื่องจริง เราเริ่มเตรียมอะไรหลายๆอย่าง แจกการ์ดแล้ว วันนึงแม่แฟนโทรไปหาพ่อแม่เรา ตอนแรกเราไม่รู้ว่ามีอะไร แต่พ่อแม่เราโทรมาบอกว่าไม่อยากให้แต่งแล้ว เรางงว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อเราเล่าให้ฟังว่าแม่แฟนโทรมาบอกว่าเรานิสัยเป็นงั้นเป็นงี้นะ ชอบด่าลูกเค้า พูดก็ไม่เพราะ (ไม่เพราะนี่หมายถึงไม่มี คะ ขา และชอบพูดหวนๆกระโชกโฮกฮาก แต่ไม่ได้พูดคำหยาบนะคะ) แฟนเราโตกว่าทำไมชอบว่าลูกเค้า ทะเลาะกันบ่อยต่อหน้าแม่ บอกว่าเรามีนืสัยขี้เกียจทำงานบ้าน ไม่สะอาด สกปรก บ้านรกรุงรัง อะไรประมาณนี้ คงมีอีกเยอะ พ่อก็ครับๆ ขอโทษนะครับอะไรประมาณนี้ เหมือนจะให้เราขอขมาก่อนถึงจะแต่งได้ ยังไม่พอ โทรหาพ่อเราอีกแต่คราวนี้แม่รับสายพ่อคงไม่อยากคุยแล้ว เค้าพูดเรื่องสินสอดว่าแค่ 1 บาทนะ แม่เราเลยบอกว่าที่คุยกันไว้ 3 บาทนะ เค้าบอกแม่เราสมองเสื่อม (แม่เราเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกเดินได้แต่ไม่ค่อยคล่อง) จำผิดจำถูก แม่เราเลยบอกว่างั้นไปคุยกับเราเอาเอง แต่เค้าก็ไม่โทรหาเรานะ พ่อแม่เราเล่าให้ฟังแบบนี้เราคนเป็นลูกร้องไห้หนักมาก สงสารพ่อแม่ ตอนนั้นเราตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะเอายังไง อยากจะเลิกกับแฟน แต่เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกิดจากแฟน สงสารพ่อแม่หากจะต้องมาเจอหน้ากันและต้องมาดองกัน สุดท้ายเครียร์กัน แฟนเราขอโทษพ่อแม่เรา ขอโทษเรา ขอโอกาส เราเลยยอมแต่งงานกับเค้าต่อไป เรื่องมันไม่จบมันแค่เริ่มต้นค่ะ วันงานก็สร้างเรื่องน่าจดจำ สินสอดเงินแค่ 1 บาทและไม่ได้ช่วยสักบาทอย่างที่เคยบอกจะช่วย แต่ซื้อทอง 1 บาทมาให้ แขกทางแแฟนมีแค่ แม่และเพื่อนแม่ 1 คน รวมเป็น 2 คน (คงไม่ได้เชิญใคร) พอจบงานพิธีเค้าจะกลับทั้งๆที่งานยังไม่เลิกเดินมา ขอทองคืน (แฟนไม่ได้อยู่ตรงนั้น)เราหน้าชามาก เราก็ถอดให้ไป แต่น้ำตาเราไหลต้องไปแอบร้องไห้ แล้วค่อยมาคุยกับแขกต่อ เราเริ่มคิดว่าเค้าไม่ชอบเราละ แต่ช่างเหอะคงไม่ได้มาอยู่ด้วยกันหรอก 

จนวันแห่งหายนะมาถึง 

เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เค้าต้องย้ายมาอยู่กับเรา คือ 1. คือจะเกษียน 2.คือป่วยเป็นลมบ่อย 3. อัลไซมเมอร์ ขับรถไปไหนบางที่จำทางไม่ได้ จำทางกลับไม่ได้ทั้งๆที่ไปทุกวัน เรากับแฟนสงสารเลยตัดสินใจซื้อบ้านแล้วรับเค้ามาอยู่ด้วย แถมยังให้พ่อและแฟนใหม่พ่อมาอยู่ด้วย เพราะบ้านที่พ่อเคยอยู่โดนเวรคืนจำใจต้องพามาอยู่ด้วยกัน (แม่กับพ่อไม่ได้โกรธเกลียดกันเป็นเพื่อนกัน และแฟนใหม่พ่อก็ดีมาก แม่ก็ยอมรับเป็นน้องสาว) เหมือนจะปลงแต่ไม่ปลงแรกๆอยู่ก็ดี ช่วยเหลือกัน แฟนใหม่พ่อเหมือนคนใช้ ต้องทำงานหาเงินเอง ยังต้องมารับใช้แม่และพ่ออีก แต่เค้าทนเพราะรักพ่อ สงสารพ่ออยากให้อยู่กับลูกจึงยอม ส่วนแม่คงอึดอัดพอสมควรที่ต้องมาเห็นกันทุกวัน แต่ก็ทนเพราะสงสารลูกอยากให้ลูกอยู่กับพ่อ จนวันนึงเกิดเหตุการณ์ที่คิดไว้แล้วว่าต้องเกิด เกิดความไม่พอใจในตัวแฟนใหม่พ่อ จนแฟนใหม่พ่อก็ทนไม่ไหวเช่นกันจึงเกิดการโต้เถียงกันทะเลาะกัน จนพ่อและแฟนใหม่ต้องย้ายออก ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้นแต่ผ่านไปไม่ถึงปีแฟนใหม่พ่อก็เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจล้มเหลว ทำให้ต้องรับพ่ออายุ 72 มาอยู่ด้วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีคนค่อยดูแล ทายซิเป็นหน้าที่ใคร จะใครได้ต้องเป็นแม่อยู่แล้ว เพราะเรากับแฟนทำงาน แต่เราอะสิดันย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านมาก 500 เมตร ได้ จึงเกิดเหตุการ์ณที่เราต้องวิ่งกลับบ้านตลอด โทรไปเรียกตลอด ดีที่เจ้านายและหัวหน้าเข้าใจว่ามีคนแก่และคนป่วยอยู่ (คือพ่อที่อายุ 72 แล้วมีหลายโรค และลุกเดินไม่ค่อยไหวแล้ว) อยู่กันมาจนพ่อเริ่มไม่ค่อยรู้ตัวเองเวลาอึฉี่ และเริ่มควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ แม่จึงเริ่มโวยวายว่าดูแลไม่ได้แล้วต้องมาเช็ดขี้เช็ดเหยี่ยวรับไม่ได้ แฟนก็ต้องเลือกแม่เลยพาพ่อไปอยู่บ้านพักผู้สูงอายุเพราะมีพยาบาลดูแล 24 ชม. จะจ้างคนมาดูแลที่บ้านแม่ก็ไม่อยากให้มาอยู่กลัวว่าจะเป็นคนไม่ดีนั้นนี่ ตอนนั้นสงสารพ่อมาก แต่ก็พยายามไปเยี่ยมบ่อยๆ หลังจากนั้นเราก็ตั้งครรภ์ ลูกยังไม่ทันคลอดพ่อก็เสียก่อนจะคลอดไม่กี่วัน เราต้องหอบท้อง 9 เดือนไปงานศพทุกวัน ส่วนแม่ก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง
ก็ผ่านไปจนเราคลอด มีเหตุการณ์ที่เราจำไม่เคยลืม ตอนนั้นเราลาออกจากงาน แล้วเราคลอดลูกออกโรงพยาบาลมาก็มาดูแลเอง ตอนนั้นสภาพจิตใจที่เปราะบางของคุณแม่หลังคลอดอ่อนแอมาก มีลูกคนแรกทำยังไงดี กลัวลูกตาย กลัวลูกสำลัก นั้นนี่คิดเยอะ แฟนก่อนไปทำงานก็หาข้าวหาน้ำ มีวันนึ่งเราให้แฟนไปส่งของที่ไปรษณีย์ให้หน่อย เค้าก็เอาของใส่รถแล้วแต่ดันลืมรองเท้าราคาแพงไว้บนกระโปรงรถ ทำให้รองเท้าแสนแพงหาย แฟนคงโทรมาถามแม่ว่ามีแถวหน้าบ้านมั้ย พอแม่แฟนรู้เท่านั้นจ้า เดินขึ้นมาด่าเราว่าทำไมให้ลูกเค้าไปส่ของให้ด้วยทำให้รองเท้าลูกเค้าหาย เราตอนนั้นซึ่งทนไม่ไหวก็เลยตอบโต้ไปเค้าว่าแม่โทษหนูหรอกค่ะ ทั้งที่ลูกแม่สับเพราเองทำไมถึงเป็นความผิดของหนู หนูแค่ฝากไปส่ง ไม่ไปก็ไม่เป็นไร แล้วหนูไม่ได้เป็นคนวางรองเท้าไว้ตรงนั้น หนูเลี้ยงลูกอยู่บนห้องค่ะ ทำไมถึงเป็นความผิดหนู เค้าก็บอกว่าไม่ได้โทษและวันหลังต้องใช้ลูกเค้าทำอะไรแบบนี้ แล้วเค้าก็เดินลงไป เราเสียใจมากโทรไปด่าแฟนเลย  แฟนก็โทรไปว่าแม่ แต่เค้าก็ไม่ขอโทษเรานะ แฟนเรารถชนขาหักลุกเดินไม่ได้เราเป้นคนเช็ดขี้เช็ดเหยี่ยวตลอด แม่แฟนหรอ แหวะเหม็นจะอ้วก สุดท้ายมีแต่เราที่ดูแล พอเกิดโควิดเราก็ไม่มีเงิน แฟนเราก้ไม่ได้ไปทำงาน ไม่มีรายได้แต่ค่าบ้านค่ารถก็ยัต้องจ่าย ไหนจะค่านมลูกค่าผ้าอ้อม เยอะแยะไปหมด เราจึงขอแฟนว่าจะขอไปอยู่ที่ต่างจังหวัดกับพ่อแม่นะ อย่างน้อยพ่อแม่เราก็มีตังเลี้ยงเรากับลูกได้ (พ่อแม่ทำธุรกิจส่วนตัว) เราก็แบกหน้าไปเกาะพ่อแม่กิน ผ่านไป 1 เดือน แม่แฟนไลน์ตามบอกว่ายามลำบากอย่าทิ้งกัน เรานี่หมดคำพูดเลย อุตส่าห์ไม่เพิ่มภาระ ดันกลายเป็นคนเลวซะอีก เกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก จนบางทีเราไม่คุยกันเป็นอาทิตย์ๆ สงสารแฟนมาก แต่เราก็ทนเท่าที่เราทนได้ เราอยู่แต่บนห้องตลอด ถ้าเค้าอยู่ชั้น 1 เราแทบไม่ลงไปเลยนอกจะออกไปข้างนอก เราเก็บกดมาก พอลูกปิดเทอมเรากลับบ้านที่ต่างจังหวัดเรามีความสุขมาก ไปเป็นเดือนๆ พอไปนานแม่แฟนไลน์ตามบอกให้เรากลับมาดูแลแฟนเราจนเราต้องพูดว่าเราไม่เคยทิ้งนะ เราแค่อยากอยู่กับพ่อแม่เราบ้าง อยากให้หลานมาอยู่ที่ที่เป็นธรรมชาติบ้าง มาใกล้ชิดตายายบ้าง ไม่เคยคิดทิ้งเลย 
เชื่อมั้ยค่ะ เราถูกแม่แฟนตำหนิ ทุกเรื่อง เช่นทำกับข้าวแม่แฟนเป็นชอบบงการบอกให้เราใช้กะทะอันนั้นสิ ใช้ช้อนนี้สิ ใช้นั้นสิ นี่สิ  เวลาดูดฝุ่นก็ใช้แค่เครื่องดุดฝุ่นมันไม่สะอาดหรอก ต้องนั้นด้วยนี่ด้วย บงการทุกเรื่อง ซื้อไรมากินว่าทุกอย่าง เชื่อม่ะบนห้องเรานะ มีตู้เย็นหม้อหุ้งข้าง กะทะไฟฟ้า กาน้ำร้อน มีทุกอย่างไว้ทำอาหาร เพราะเราไม่อยากไปใช้ของๆเค้า พอใช้ก็ติก็บ่น เราไม่กล้าทำอะไรเลย จนทุกวันนี้เป็นโรควิตกกังวลกลัวว่าจะทำอะไรผิดแล้วโดนด่า จะกลางเป็นโรคประสาทไปแล้ว ใช้ชีวิตยากมาก ดีที่แฟนเราเข้าข้างเรา แต่เค้าก็ว่าแม่เค้ามากไม่ได้เพราะแม่เค้าจะโมโหแล้วอยากตายแล้วไม่คุยกับแฟนไปหลายวัน สุดท้ายก็มาว่าเราว่าสอนให้แฟนเค้าเป็นคนแบบนี้ เออนะ มีวีรกรรมอีกมากมายไว้มาเล่าใหม่ เป็นไงชีวิตเราสนุกมั้ยล่ะ อภัยหากใครไม่ชอบใจ
ขอพื้นที่ระบายหน่อย อ่านแล้วมาเล่าชีวิตพวกคุณบ้างนะว่าเหมือนในละครบ้างมั้ย ขอบคุณที่รับฟังและอ่านจนจบนะจ้ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่