[CR] Guest House Wasabi เกสต์เฮ้าส์กะทัดรัด ติดสถานีรถไฟ ณ กรุงโตเกียว เหมาะสำหรับชาวBackpackมากค่ะ

***กระทู้นี้อาจจะมีตัวหนังสือเยอะไปหน่อยนะคะ***
          ***รูปทั้งหมดถ่ายจากไอโฟน ต่างช่วงเวลากัน ถ่ายไม่สวย เอียงบ้าง อย่าว่ากันน้า***


         สวัสดีค่ะ หลังจากที่เมื่อวานได้รีวิวโฮลเทล Drop Inn Osaka ในย่านใจกลางเมืองโอซาก้าไปแล้ว วันนี้เราก็เลยจะมารีวิวที่พักอีกหนึ่งแห่งในกรุงโตเกียวค่ะ แน่นอนว่าสถานที่พักที่เราจะรีวิว หนีไม่พ้นโฮลเทลหรือเกสต์เฮ้าส์เช่นเคย ฮา เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ ชอบพักที่โฮลเทลหรือเกสต์เฮ้าส์มากกว่าโรงแรม เพราะแพลนเที่ยวของเราจะออกแต่เช้า แล้วกลับดึกดื่นทุกคืน ที่พักจึงมีแค่ไว้ซุกหัวนอนไม่กี่ชั่วโมงกับเปลี่ยนเสื้อผ้าจริงๆ แต่แน่นอนว่าที่พักที่เราเลือกต้องสะอาด สะดวก ปลอดภัย ไม่ใช่สักแต่ว่าถูกอย่างเดียวค่ะ ^__^

        Guest House ที่ว่านี้ชื่อว่า Guest House Wasabi ค่ะ  อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Mikawashima เลยค่ะ เรียกได้ว่ามองลงไปจากชานชาลา ก็เห็นเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้เลยค่ะ เป็นเกสต์เฮ้าส์สูง 3 ชั้น แต่มีชั้นใต้ดินอีกหนึ่งชั้น ซึ่งเป็นส่วนที่เตียงนอนสำหรับคุณผู้ชายค่ะ โดยครั้งนี้ เราได้ทำการจองห้องเตียงกึ่งใหญ่ - ปลอดบุหรี่ สำหรับนอน 2 คน เป็นจำนวน 2 ห้อง กับห้องเตียงกึ่งใหญ่ - ปลอดบุหรี่สำหรับนอน 1 คน อีก 1 ห้อง รวมเป็น 3 ห้องค่ะ ราคารวมทั้งหมด 11527 บาท สำหรับ 2 คืนค่ะ ราคาแพงขึ้นมานิดนึง
       บางคนอาจจะบอกว่า ราคานี้ไปนอนโรงแรมดีกว่า ก็แล้วแต่ชอบเลยค่ะ ส่วนตัวเราชอบพักโฮลเทล-เกสต์เฮ้าส์ มันมีส่วนของห้องครัวที่เราสามารถไปทำอาหารได้ บรรยากาศมันแตกต่างจากโรงแรมน่ะ ^__^ รายละเอียดห้องพักแบบต่างๆ อยู่ในสปอยล์นะคะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

        สาเหตุที่เราเลือกห้องกึ่งเตียงใหญ่ ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ไม่ใช่แบบ Dormitory เหมือนที่โอซาก้า เป็นเพราะว่าห้องอาบน้ำของที่นี่ เป็นห้องอาบน้ำแบบเซนโตสไตล์ญี่ปุ่น หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือต้องแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกับคนอื่นอ่ะค่ะ T___T บอกตรงๆว่าไม่กล้า รู้สึกมียางอายขึ้นมาทันที 555+

        วิธีการเดินทางไปที่พักก็ง่ายมากๆค่ะ เราออกจากโอซาก้ามาที่โตเกียวด้วย Night Bus (รายละเอียดการจอง night bus ไม่ขอลงนะคะ มีหลายกระทู้แล้ว ถ้าหาไม่เจอ หลังไมค์มาถามก็ได้ค่ะ) ซึ่งจะจอดที่ชินจูกู เราก็ขึ้นรถไฟชินจูกู ไปเปลี่ยนสายที่สถานีนิปโปริ เพื่อนั่งต่อไปลงที่สถานีมิคาวาชิมะ แค่สถานีเดียวค่ะ พอลงจากรถไฟปุ๊บ ก็จะมองเห็นเกสต์เฮ้าส์ทันที


รูปนี้ถ่ายจากบนชานชาลารถไฟเลยค่ะ มองเห็นเกสต์เฮ้าส์เด่นชัดมาก




ตรงเคาท์เตอร์จะมีข้อมูลการท่องเที่ยวให้ศึกษาด้วยค่ะ มีสตาฟคนไทยด้วยนะ แต่เราไม่ค่อยชอบฮีสักเท่าไหร่ ดูดุๆ หน้าตาเหมือนไม่ค่อยรับแขก แต่ก็พูดจาโอเคแหละ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อ้อ ที่นี่เช็คอินเวลา 15.00-22.00น. เช็คเอ้าท์ไม่เกิน 11.00น. ค่ะ หลังเที่ยงคืน ประตูหน้าเกสต์เฮ้าส์จะล็อค ถ้าไปเที่ยวแล้วกลับมาช้าเกินล่ะก็ ต้องไปเข้าประตูหลังซึ่งซับซ้อนพอสมควรแทนนะคะ ฮา



มีสีทาเล็บสวยๆไว้ให้คุณสาวๆได้ลองทากันเล่นๆ ระหว่างรอเช็คอินด้วยค่ะ อิอิ





มีชุดกิโมโน(หรือเปล่า หรือยูคาตะหว่า เรียกไม่ถูก)ให้ลองใส่ถ่ายรูปได้ฟรีค่ะ ตู้กดน้ำร้อน-น้ำเย็น-กาแฟดำ-ซุปมิโสะ



อันนี้ยืมรูปมาจากในเว็บ booking เพราะเราไม่ได้ถ่ายรูปในส่วนนี้ไว้ มีห้องครัวเล็กๆอยู่ที่ชั้นหนึ่งค่ะ




ยืมรูปมาอีกเหมือนกัน อันนี้เป็นห้องอาบน้ำรวมที่เราบอกว่าถ้าใครมาพักเป็นเตียงเดี่ยวในห้องรวม ต้องอาบน้ำแบบนี้ค่ะ ซึ่งเขาบอกว่าเราซึ่งพักที่ห้องส่วนตัว จะลงมาอาบแบบนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าจะอาบก็ต้องไปขอรหัสผ่านประตูที่เคาท์เตอร์ก่อนนะ ซึ่งเราขอผ่าน 555+



รายละเอียดของชั้นต่างๆค่ะ










เตียงอาจจะดูเล็ก แต่เรานอนสองคนไม่อึดอัดเลยค่ะ ขยับพลิกตัวไปมาได้สบายๆ แต่ถ้าใครเป็นคนเจ้าเนื้อหน่อยล่ะก็ อาจจะนอนไม่สะดวกนักค่ะ แนะนำให้จองแบบนอนคนเดียวดีกว่า ส่วนห้องน้ำก็จะมีผ้าขนหนู แชมพู โฟมล้างหน้า สบู่เหลว โลชั่น แปรงสีฟันให้เสร็จสรรพค่ะ ไดร์เป่าผมจะอยู่ด้านนอกใต้ทีวี มีตู้เย็นขนาดเล็กให้แช่น้ำได้ ถ้าจะดื่มน้ำอุ่นก็ลงไปกดที่ตู้กดชั้น 1 ค่ะ เสียอย่างเดียว wifi ไม่ค่อยแรงเลยอ่ะ เราอยู่ห้องสุดทางเดิน นอนเล่น wifi ที่เตียงไม่ได้เลยค่ะ ต้องไปนั่งเล่นที่ใกล้ประตู ฮา ไม่เหมือน wifi ที่โฮลเทลที่โอซาก้า อันนั้นแรงมากๆ    

บนชั้นดาดฟ้าที่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา จะเป็นที่ตั้งของเครื่องซักผ้า-เครื่องอบผ้าค่ะ ราคาเท่ากับที่โอซาก้าคือ 300เยน แต่ประตูที่จะออกไปที่ดาดฟ้า จะปิดตอนเที่ยงคืนนะคะ ใครจะซักผ้าต้องคำนวณเวลาดีๆ แล้วก็บนชั้นดาดฟ้าจะมีส่วนของเก้าอี้นั่งจำนวนหนึ่ง ไว้ให้ชมวิวด้วยค่ะ ถ้าวันที่เราไปพัก อากาศค่อนข้างเย็น ไม่ได้ขึ้นไปนั่งเลย ถ้าอากาศอุ่นสักหน่อย ไปนั่งจิบเบียร์กันตรงนั้นก็ไม่เลวเลยค่ะ แฮ่!

บริเวณรอบๆเกสต์เฮ้าส์ก็มีร้านอาหาร ร้านเกม ร้านขายของจุกจิกตั้งเรียงรายอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัวหิว ^___^ อีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกพักที่นี่ เป็นเพราะว่าขากลับ เราต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินนาริตะค่ะ ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟจากสถานีมิคาวาชิมาไปยังสนามบินนาริตะได้เลย วันที่เราเช็คเอ้าท์ก็ฝากกระเป๋าไว้ ไม่เสียตังค์เพิ่มเหมือนที่โอซาก้า แล้วก็ไปลั้นลาในเมือง จากนั้นก็กลับมาเอากระเป๋าที่เกสต์เฮ้าส์ แล้วก็ขึ้นรถไฟไปสนามบินนาริตะต่อเลย สะดวกดีค่ะ แต่สนามบินนาริตะอยู่ชานเมืองไกลมาก เราก็นั่งรถไฟแบบหวานเย็นซะด้วย กว่าจะไปถึงก็ร่วมๆชั่วโมงครึ่ง เมารถไฟอีกต่างหาก555+

โดยรวมแล้วที่นี่ดีมากค่ะ เราให้5ดาวเต็ม ถ้าใครสนใจจะไปพัก ต้องจองล่วงหน้าสักหน่อยนะ เพราะมีแขกมาพักเรื่อยๆอยู่ตลอด คนญี่ปุ่นก็ยังมาพักเลยค่ะ เราจองกับ www.booking.com ล่วงหน้าไว้ 6 เดือน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตค่ะ ก่อนจะไปก็ส่งเมลไปยืนยันสักหน่อย เผื่อเกิดความผิดพลาดเนอะ^^

สุดท้าย อยากบอกว่าประทับใจกับประเทศญี่ปุ่นมาก โดยเฉพาะทริปไปเที่ยวฟูจิซัง เห็นฟูจิซังครั้งแรก เราตะลึงไปเลย มันใหญ่มากกกกกกกกก แล้วก็สวยเว่อร์ สวยกว่าที่เห็นในรูปถ่ายอีกค่ะ ขนาดถ่ายด้วยกล้องไอโฟนกากๆของเรา ภาพยังออกมาสวยเลย ^___^ เราเดินทางไปฟูจิซังด้วยรถบัส ใครสนใจรายละเอียดก็สอบถามมาหลังไมค์นะคะ ขอบคุณที่อ่านกระทู้ของเราจนจบค่ะ แฮ่!

ชื่อสินค้า:   Guest House Wasabi
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่