[CR] ครั้งหนึ่งในชีวิต กับ ภารกิจ "ตะลุยภูเขาไฟโบรโม่"

เมื่อเอ่ยถึงภูเขาไฟ ผมก็อดคิดถึงทริปโบรโม่ไม่ได้ เป็นทริปที่ไม่ต้องลุยมาก แต่หลุดโลกอย่าบอกใคร แค่คิดว่าทริปนี้เราจะนั่งรถจี๊ปตะลุยทะเลทราย ไปดูความอลังการของวิวภูเขาไฟโบรโม่ที่ยังไม่หลับไหลท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า แล้วต่อด้วยเดินขึ้นปากปล่องภูเขาไฟ ดูมันพ่นควันปุ๋ยๆต่อหน้าต่อตาเรา เท่านี้ก็ฟินสุดๆแล้ว มันเหมือนกับเราหลุดเข้าไปในสาระคดีเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกยังงัยยังงั้น ผมว่าบนโลกใบนี้คงมีไม่กี่ที่ที่มีวิวภูเขาไฟแบบโบรโม่ ที่มีทั้งทะเลทราย ทุ่งหญ้าสะวันน่า วัด ภูเขาไฟที่ยังไม่หลับไหล วิวสวนผักที่หมู่บ้านเซโมโร่ลาวังและวีถีชีวิตของคนกับภูเขาไฟ มันชั่งเป็นงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติได้อย่างลงตัว ถ้ามีโอกาสต้องไปเห็นด้วยตาคุณเองสักครั้งในชีวิต และคุณจะหลงรักทริปภูเขาไฟชิวๆ ทริปนี้แบบผม ^^

ส่วนใครที่สนใจรับข่าวสารดีๆ ข้อมูลการผจญภัยของพวกเรา ติดตามได้ที่ http://www.facebook.com/iamtravelaholic หรือ http://www.facebook.com/BigJourney

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้าโบรโม่กันก่อน  โบรโม่เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะชวา เมืองสุราบายา ประเทศอินโดนิเซีย ประเทศที่ถูกจัดอันดับว่า มีจำนวนภูเขาไฟมากที่สุดในโลก มีมากถึง 147 ลูก โดยจำนวน 76 ลูกยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ  โบรโม่เป็นหนึ่งในนั้น รูปด้านล่างเป็นแผนที่ประเทศอินโดนิเซียแสดงตำแหน่งที่ตั้งของภูเขาไฟทั้ง 147 ลูก โดยสีต่างๆแสดงถึงระดับการปะทุของภูเขาไฟ สีแดง คือระดับ 4 มีการระเบิดของภูเขาไฟ ถัดมาเป็นสีส้ม-ระดับ 3  สีเหลือง-ระดับ 2 และเขียวอ่อน-ระดับ 1 ส่วนที่สงบแล้วจะเป็นสีเขียวเข้มระดับ 0 สำหรับโบรโม่ถูกจัดให้เป็นระดับ 2 การระเบิดของภูเขาไฟโบรโม่ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นในปี 2554 ครับ แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่พ่นควันเบาๆ..ปุ๋ยๆ...

ที่มาของข้อมูลแผนที่: http://www.volcanodiscovery.com/indonesia.html

สำหรับที่ตั้งของโบรโม่  โบรโม่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะชวา(Java) ทางตอนใต้ของเมืองสุราบายา ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Bromo Tengger Semeru   ตามรูปข้างล่างครับ


รูปด้านล่างเป็นแผนที่เจ้าภูเขาไฟโบรโม่ บริเวณโดยรอบและรูปที่ผมถ่ายไว้ตามจุดต่างๆพอให้เห็นภาพ สำหรับผมทำเลที่ตั้งของโบรโม่มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ มันเหมือนกับโบรโม่และพื้นที่โดยรอบทรุดตัวลงไปเป็นพื้นที่ทะเลทรายราบๆ แล้วมีภูเขาไฟโบรโม่สูงเด่นขึ้นมา มีภูเขาไฟบาต๊อกที่สงบไปแล้วยืนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อน ส่วนที่พักและหมู่บ้านเซโมโร่ลาวังก็อยู่ตรงขอบๆสูงระดับพอๆกับระดับความสูงของภูเขาไฟ ทำให้วิวจากที่พักให้อารมใกล้ชิดกับภูเขาไฟมากๆ  ส่วนบริเวณด้านหน้าโบรโม่จะเป็นทะเลทราย แต่ด้านหลังโบรโม่กลับมีทุ่งหญ้าสะวันน่าซะอย่างนั้น นอกจากนี้ไกลออกไปหน่อยจะมีภูเขาที่ยังปะทุอยู่ในระดับ 4 คือ ภูเขาไฟสุเมรุ ถ้าเรามองจะจุดชมวิวทางด้านขวาจะได้รูป โบรโม่เคียงข้างบาต๊อก แล้วมีพี่ใหญ่สุเมรุยืนสูงอยู่ด้านหลัง มันเป็นภาพที่เหมือนถูกจัดฉากขึ้นมาโดยธรรมชาติได้อย่างลงตัว

ถัดมาเรามาดูการเดินทางจากกรุงเทพกัน เราต้องนั่งเครื่องจากกรุงเทพไปลงสุราบายา แน่นอนว่าหนีไม่พ้นสายการบินราคาประหยัด Airasia ส่วนวันเดินทางควรมาช่วงที่ฝนน้อยซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนเมษาถึงสิงหา ทริปนี้ผมเลือกมาเดือนมิถุนายน ปี 2557 ถ้ายังจำกันได้ช่วงนั้นมีดราม่า Airasia ยกเลิกเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพไปสุราบายา ทำเอาหลายคนปวดหัวไปตามๆกัน และต่อมา Airasia ก็เปิดเส้นทางบินไปสุราบายาใหม่ แต่จะบินจากกรุงเทพไปลงจาการ์ตา แล้วเปลี่ยนเครื่องต่อไปสุราบายา ทำเอาใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย เส้นทางบินใหม่ตามรูปข้างล่างครับ ปัจจุบันมีให้บริการสองเที่ยวต่อวัน
    - เที่ยวแรก ออกจากดอนเมือง 17.10 ถึง สุราบายา 23.50 (รอเปลี่ยเครื่องที่จาการ์ตา 1 ชั่วโมง 55 นาที)
    - เที่ยวสอง ออกจากดอนเมือง 20.55 ถึง สุราบายา 06.50 (รอเปลี่ยเครื่องที่จาการ์ตา 5 ชั่วโมง เที่ยวนี้เล่นเอาต้องนอนสนามบินกันเบ้ย!!!!!)
ส่วนผมพอดีช่วงนั้นอยู่มาเลเซีย เลยบินจากกัวลาลัมเปอร์ตรงไปสุราบายาเลยครับ ทริปนี้ผมหาแนวร่วมได้คนนึง  เราเลือกเดินทางเที่ยวแรกจากกัวลาลัมเปอร์เวลา 6.45 น. ไปถึงสุราบายาเวลา 8.25 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที เวลาที่สุราบายาจะช้ากว่ากัวลาลัมเปอร์ชั่วโมงนึง

ส่วนการเดินทางจากสนามบินสุราบายาไปโบรโม่ ถ้ามีเวลาเยอะอยากได้ประสบการณ์ลุยๆในราคาประหยัดก็เลือกนั่งรถประจำทางไปเอง โดยนั่งรถบัสสนามบินไปลงขนส่ง Bungurasih bus termina หรือเรียกอีกชื่อว่า "Purabaya" ในตัวเมืองสุราบายา แล้วนั่งรถ  express Patas air-conditioned bus ไปลงโปรโบลิงโก้(Probolinggo) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่งโมง พอถึงโปรโบลิงโก้ มองหารถตู้สีเขียวอยู่นอกขนส่งโปรโบลิงโก้ไปลงเซโมโรลาวัง(Cemoro Lawang) แต่ถ้ามีเวลาเที่ยวน้อยแบบผมแค่สามวัน ไม่อยากเสียเวลาไปกับการเดินทาง ก็เลือกเช่ารถพร้อมคนขับพูดภาษาอังกฤษได้ ทริปนี้ผมเลือกใช้บริการของ Pink House เช่ารถสามวัน สองคืน ผมเลือกรถรุ่น Toyota All New Avanza ราคาตกอยู่ที่ 600,000 รูเปียต่อวัน รวมสามวันก็ 1,800,000 รูเปีย (อัตราแลกเปลกเปลี่ยนอยู่ที่ 100,000 รูเปีย = 250 บาท) ราคานี้รวมค่าน้ำมัน อาหารและที่พักของคนขับ ค่าทางด่วน และค่าจอดรถเรียบร้อยแล้ว ถ้าใครสนใจติดต่อได้ตามข้อมูลด้านล่างเลยครับ ให้ดีน่าจะหาเพื่อนไปกันสักสี่ถึงหกคน จะได้แชร์ค่ารถและค่าทัวร์์จี๊ปโบรโม่กัน  
         PINK HOUSE Tour and Transport
        +623171037706 - +6281703206909
        www.pinkhouse-rentcar.8m.com
        pinkhouse_rc@yahoo.com

ทริปนี้ผมมีวันหยุดแค่สามวัน  และตั้งใจมาเที่ยวโบรโม่โดยเฉพาะ ผมเลยจัดทริปชิวๆ นอนที่โบรโม่สองคืนไปเลย กะมาเก็บบรรยากาศโบรโม่แบบเต็มๆ เลยไม่ได้วางแผนไปอีเจี้ยน โปรแกรมเที่ยวเลยชิวมากๆ

วันที่ 1 - นั่งรถจากสนามบินสุราบายาไปโปรโบลิงโก้ แล้วแวะเที่ยวน้ำตกมาดาคาริปูรา ก่อนที่จะเข้าไปที่พักในหมู่บ้านเซโมโร่ ลาวัง
วันที่ 2 - ใช้บริการจี๊ปโบรโม่ทัวร์ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว Penanjakan ต่อด้วยเดินขึ้นไปปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่ แล้วปิดท้ายด้วยถ่ายรูปชิวๆที่ทุ่งหญ้าสะวันนา  ช่วงบ่ายเดินถ่ายรูปในหมู่บ้านเซโมโร่ ลาวัง
วันที่ 3  - เกิดอยากเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเองแบบชิวๆ ไม่ต้องง้อทัวร์ ที่จุดชมวิวจุดแรก ช่วงบ่ายนั่งรถกลับสนามบินสุราบายา

สำหรับที่พักทั้งสองคืนของผมที่โบรโม่ ผมเลือกพักที่ Cemara Indah กะแบบว่าเปิดประตูห้องออกมาเจอวิวโบรโม่พ่นควันปุ๋ยๆเลย ส่วนราคาห้อง ถูกสุดคือ Economic Room ราคา 350,000 รูเปีย เป็นห้องน้ำรวม แต่วันที่ผมไปเต็มหมด ผมเลยเลือกห้องแบบ Standard Room มีห้องน้ำในตัวราคา 550,000 รูเปีย

วันที่ 1 - เที่ยวน้ำตกมาดาคาริปูรา แล้วไปพักที่ Cemara Indah
           ผมนัดรถมารับตอน 9 โมงเช้าที่สนามบินสุราบายา จากสนามบินไปถึงที่พักที่โบรโม่ ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระหว่างทางเราแวะกินข้าวเที่ยงข้างทาง ผมลองสั่งอาหารจานนึงชื่อ Rawon เป็นซูปเนื้อวัวมาพร้อมกับข้าวเปล่า น้ำพริก และถั่วงอกสด รากแบบว่าเพิ่งงอกออกมานิดเดียว!!!

พอถึงโปรโบลิงโก้ ผมตัดสินใจแวะไปเที่ยวน้ำตกมาดาคาริปูรา (Madakaripura) ก่อนเข้าไปที่พัก ถนนทางเข้าค่อนข้างทุรักทุเรและแคบ ตรงทางเข้าไปน้ำตกต้องเสียค่าเข้า 12,000 รูเปีย ส่วนคนเก็บค่าเข้าก็ไม่ใช้เจ้าหน้าที่ที่ไหน เป็นชาวบ้านในพื้นที่นี้เอง เพราะน้ำตกแห่งนี้ไม่ได้ดูแลโดยรัฐ แต่บริหารจัดการกันเองโดยคนในพื้นที่ โดยรายได้หลักๆ จะได้จากสองส่วน คือค่าเข้าไปน้ำตกและค่าจ้างเป็นไกด์นำทาง ทริปนี้ผมเสียค่าไกด์ไป 150,000 รูเปีย ส่วนการเตรียมตัวไปน้ำตก ผมแนะนำให้ใส่กางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ เพราะเราต้องลุยน้ำเป็นช่วงๆ ถ้าไม่อยากเปียกก็ติดเสื้อกันฝนมาด้วย รับประกันว่าเปียกแน่นอน แต่ถ้าไม่มีไม่ต้องกังวลมีขายก่อนเข้าไปน้ำตก ราคา 10,000 รูเปีย รูปด้านล่างเป็นภาพเทพมาดาคาริปูราตรงทางเข้าไปน้ำตก

จากทางเข้า ต้องเดินอีกประมาณ 3 กิโล เส้นทางจะเดินเลาะไปตามริมแม่น้ำ สลับกับเดินข้ามแม่น้ำไปมาเป็นช่วงๆ สองข้างทางเป็นป่า จะพบเห็นแมงมุมทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็กชักใยใกล้ๆทางเดินเป็นระยะๆ

ใช้เวลาเดินประมาณ 30 - 40 นาที ถึงจุดที่เป็นน้ำตก ช่วงแรกเป็นน้ำตกสายเล็กๆเป็นทางยาว ตกจากหน้าผาสูงเกิดเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ บนหน้าผามีต้นไม้เล็กปกคลุมเขียวเต็มไปหมด ละอองน้ำที่กระจายไปทั่วบริเวณมันทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากๆ

ผมขอชื่นชมเยี่ยมไกด์ท้องถิ่นที่พาเราเข้าไปน้ำตก เค้าดูแลเราแถบจะทุกย่างก้าวจริงๆ

เดินต่ออีกหน่อย จะเป็นน้ำตกหลัก ตามข้อมูลจากไกด์ ความสูงของน้ำตกสูงถึง 200 เมตร ทำให้เกิดแอ่งน้ำใต้น้ำตกลึกถึง 7 เมตร แนะนำว่าไม่ควรลงเล่นและสีน้ำก็ไม่น่าเล่นเอาซะเลย

ถ้าได้มีโอกาสมาเยือนโบรโม่ น้ำตกมาดาคาริปูราเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด หลังจากเก็บความชุ่มชื้นจากน้ำตกใส่เต็มปอดแล้ว  เราก็เดินทางต่อไปที่พักที่เซโมโร่ลาวัง ทางช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงนึง ในที่สุดผมก็มาถึงที่พัก Cemara Indah พระอาทิตเริ่มตก อากาศเริ่มเย็น หมอกเริ่มปกคลุมหมู่บ้านเซโมโร่ลาวัง พอเช็กอินเสร็จผมก็ออกไปยืนหน้าที่พัก และแล้วรูปที่ผมเห็นจากพันทิปตลอดระยะเวลา  2 ปีมันไม่เพียงแค่รูปภาพอีกต่อไป เพราะตอนนี้ผมกำลังยื่นดูภูเขาไฟโบรโม่และบาต๊อกอยู่ ไม่มีอะไรสุดยอดไปกว่าการเห็นด้วยตา สัมผัสบรรยากาศด้วยตัวคุณเอง

ทางเดินด้านหน้าที่พักผม

โบรโม่กำลังพ่นควันกับบาต๊อกตอนพระอาทิตย์ใกล้ตก

ภูเขาด้านหลังคือ Penanjakan เป็นภูเขาที่เราจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้


วันที่ 2 - ใช้บริการจี๊ปโบรโม่ทัวร์ในตอนเช้า กับเดินเล่นถ่ายรูปในช่วงบ่าย
สำหรับจิ๊ปโบรโม่ทัวร์ ผมให้ทาง Pink House จัดการให้หมดมันจะมีสองราคา ถ้าไม่ไปทุ่งหญ้าสะวันน่าคิด 450,000 รูเปีย แต่ถ้าไปทุ่งสะวันน่าด้วยคิด 750,000 รูเปีย  เรานัดรถจี๊ปโบรโม่มารับตอนตีสามครึ่ง ก่อนเข้าไปในอุทยานแห่งชาติโบรโม่ต้องเสียค่าเข้าอุทยานอีก 250,000 รูเปีย เช้าวันนี้รถจี๊ปเยอะมาก ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ พอไปถึงภูเขา Penanjakan ด้วยปริมาณรถที่มากทำให้เราต้องจอดรถไกลประมาณนึง แล้วเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว Penanjakan สิ่งที่ลืมไม่ได้คือจำเลขทะเบียนรถ สี และจุดจอดรถคราวๆ เพราะรถดูเหมือนกันไปหมด ระหว่างทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวจะมีรถมอเตอร์ไซรับจ้างคอยวิ่งไปรับไปส่ง มันเป็นเช้าที่ดูวุ้นวายมากๆ พอใกล้จะถึงจุดชมวิว ตลอดสองข้างทางจะมีร้านค้ามากมายเปิดร้านขายชา กาแฟ มาม่า ของกินยามเช้า ถัดมาหน่อยจะเป็นลูกหาบขายข้าวโพดปิ้ง
ชื่อสินค้า:   โบรโม่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่