ที่มาของความเสียดาย (1) พนักงานเกี่ยงกันรับออร์เดอร์ ......พนักงานนำเมนูมาวางให้ ลงไปด้านล่างยืนคุยกันกับพนักงานอื่นๆ พอเลือกเสร็จ เรียกให้มารับออร์เดอร์ พยักเพยิดกันไปมาทั้ง 3 คน ไม่มีใครอยากออกจากวงสนทนา สุดท้ายคนที่ 4 รับออร์เดอร์มาจากโต๊ะด้านนอก ส่งออร์เดอร์เข้าครัวแล้วจึงวิ่งมารับออร์เดอร์โต๊ะเรา เกิดขึ้นกับทุกครั้งและทุกโต๊ะ กว่าจะอัญเชิญท่านมารับออร์เดอร์ เรียกยากเกิ๊น...น. (2) พนักงานไม่รู้จักอาหาร ..... ถามว่า รายการชื่อนี้ คืออะไร ท่านบอกว่าไม่ทราบครับแล้วยืนรอต่อว่าเราจะสั่งอะไร ต้องเชิญท่านไปถามมา ท่านก็หายไป 2 นาทีกลับมาบอกว่า ถามมาแล้ว เป็นอาหารจานที่นิยมสั่งของที่ร้าน แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ก็ไม่สั่งจานนั้น เมื่อทานเสร็จ กำลังจะเดินออก พนักงานอีกคนวิ่งมาถามคนคิดเงินว่าลูกค้าโต๊ะ....ถามคำถามเดียวกับเรา คนคิดเงินบอกว่า ไปบอกเค้าว่า เป็นอาหารจานที่นิยมของร้าน เอ้อ..เฮ้อ (3) อาหารช้ามากทุกอย่าง อาหารเกือบอร่อยทุกอย่าง (4) สั่งข้าวปั้นหน้าปูนิ่มและปลาไหล โรยแป้งกรอบที่ทอดไว้ตั้งแต่ 3 ศตวรรษที่แล้ว ได้มาเป็นข้าวปั้น 4 คำ ไส้เป็นเศษปลาไหลนิดนึง และมีเพียงขาปูนิ่ิม 1 ข้างเล็กๆ ของ 1 ใน 4 คำนั้น ที่เหลือเป็นแซลมอน ซึ่งไม่ได้มีอยู่หรือมีคำอธิบายประกอบชื่ออาหารส่วนใดเลย ว้าย!!!! โดนหลอกอะ แพงด้วย เจ็บ (ใจ) ซะ เหมือนสั่งคาปูชิโนแล้วได้น้ำล้างถุงโอเลี้ยง (5) สั่งกาแฟตบท้ายเอสเพรสโซ 2 ที่ ยกมาเสิร์ฟ 1 ที่ไม่มีนม-น้ำตาลมาด้วย ต้องขอ พอถามหาอีก 1 ที่ ท่านก็ไปยกเมนูมาให้ใหม่ ถามว่าจะรับกาแฟอะไร (6) ถามถึงความถี่และความเอาใจใส่ พนักงานบอกว่า เจ้าของมาดูร้านเองทุกวัน อึ๋ย...ประทับไว้ในความทรงจำ แต่ไม่ย้ำที่เดิมอีกแล้ว....จบกัน จะไม่มีวันเหยียบย่างไปอีก
เคยเสียดายอะไร เท่ากับวานิลลา คาเฟมั๊ย