รีวิวครั้งแรก หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ  

เนื่องจากเคยเว็บไซต์แนะนำรถไฟสายนี้อยู่ และมันอยู่ใน Chiba น่าจะไม่ไกลจากที่เราอยู่และจังหวัดนี้ก็อยู่ติดกับโตเกียว
เลยถามเพื่อนชาวญี่ปุ่นว่าน่าสนใจมั้ย ? เค้าก็แนะนำเต็มที่เลย มีต้นไม้ ดอกไม้เยอะแยะ ยูน่าจะชอบ ไอ้เราก็ยุขึ้นด้วยสิ จัดเลยค่ะ วันอาทิตย์ที่สุดแสนน่าเบื่อจึงเริ่มต้นขึ้น ไปตามหาครอบครัวมูนินกันเถอะ

Isumi Railway เป็นรถไฟท้องถิ่น ที่วิ่งอยู่ในจังหวัด Chiba เริ่มแต่ปี 2009 โดยรถไฟจะมีสีสันสดใส มีครอบครัวมูนินเป็นสัญลักษณ์ เส้นทางนี้จะเน้นการชมธรรมชาติ สองข้างทางจะเป็นทุ่งนา ทุ่งหญ้า มีต้นไม้ดอกไม้อยู่ตลอดทาง บางช่วงเป็นซากุระก็มี รถไฟสายนี้จะจอดทั้งหมด 14 สถานี ซึ่งจะมีสถานีใหญ่ คือสถานี Otaki มีจุดบริการนักท่องเที่ยวอยู่ค่ะ และสถานีปลายทางคือ สถานี Kazusa-Nakano ซึ่งจะมีปราสาท Otaki อยู่ที่นี่ค่ะ





ทริปนี้เราเริ่มจากสถานี Soga ในจังหวัด Chiba โดยขึ้นรถไฟ JR-Sotobo line ไปลงที่ Kazusa-Ichinomiya เส้นทางนี้จะเริ่มเข้าสู่ชนบทแล้ว สองข้างทางจะเริ่มเป็นป่าและทุ่งหญ้า ทุ่งนาแล้วค่ะ  และเราก็จะต้องเปลี่ยนขบวนอีกครั้ง ซึ่งก็ยังเป็นรถไฟสายเดิม ต่อไปยังสถานี Ohara (จากที่คิดว่ามันไม่ไกล แต่จริง ๆ เราว่ามันไกลมากนะ)

ออกจากสถานี Ohara เดินออกมาเลี้ยวขวาก็เจอสถานีรถไฟของ Isumi railway อยู่ติดกันเลยค่ะ
จะเจอออฟฟิตมีป้ายแบบนี้ เดินเข้าไปได้เลย


ก่อนอื่นเราต้องซื้อตั๋วจากตู้นี้ก่อนค่ะ เนื่องจากเราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลย เราเลยเลือกซื้อตั๋ว 1 day pass ในราคา 1000 yen สามารถขึ้นลงได้ทุกสถานี กดไปเลยค่ะ ปุ่มซ้ายมือบนสุดใหญ่ ๆ 1000 yen


ข้างตู้ขายตั๋วจะมีแผนที่แนะนำสถานที่เที่ยวของสถานีต่าง ๆ อยู่ค่ะ แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด


ตารางเวลารถไฟ


ดูเหมือนว่าจะมีงาน เทศกาลอะไรสักอย่างในเดือนเมษายนนี้ด้วย น่าจะเป็นงานชมซากุระ


วันที่เราไป 22 มีนาคม ต้นไม้ยังไม่ค่อยผลิใบ ดอกไม้ยังไม่ค่อยออกดอกเต็มที่ ซากุระก็ยังบานไม่หมด แต่ก็มีมาบ้างแล้ว
พอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้ ค่ะ ไม่ถึงกับเสียเที่ยว แต่ถ้าไปช้ากว่านี้ คงจะสวยมากค่ะ บรรยากาศดีมาก


รอจนใกล้เวลารถไฟจะเข้าชานชลา เจ้าหน้าที่จะเปิดประตูให้เราเข้าไปรอข้างในได้ค่ะ สักพักรถไฟมา เตรียมถ่ายรูปกันได้เลย สีสวยมาก สีสันสดใส ชอบมาก ๆ ค่ะ
รถไฟสายนี้จะมีประตูขึ้นลงคนละทางกันนะคะ ขึ้นรถแล้วก็นั่งชมวิวไปเรื่อย ๆ  สามารถขึ้น-ลง ชมต้นไม้ ดอกไม้ถ่ายรูปไปได้ตลอดทางค่ะ


Isumi Railway มีจอด 14 สถานี ตามนี้เลยค่ะ


มาสคอส ครอบครัวมูนินค่ะ





ห้องคนขับรถไฟของ Isumi Railway


จุดนี้คือสถานี Otaki จะมีบ้านโบราณ ออกแนวเอโดะให้ได้ชมกัน มีร้านอาหารคนรอเต็มหน้าร้านเลย แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ
ชมวิว ถ่ายรูปแถวนี้เสร็จก็นั่งรถไฟ ไปต่อสถานีอื่น ๆ กันเลยค่ะ











ในสถานีรถไฟ Otaki









เดินทางกันต่อค่ะ
จบสุดสายปลายทางของ Isumi Railway ที่สถานี Kazusa-Nakano ซึ่งสถานีนี้จะมีปราสาท Otaki อยู่ โดยอยู่ห่างจากสถานี ประมาณ 6.5 กิโลเมตร (ถ้าเดินก็เหนื่อยน่าดูเลย) แนะนำให้นั่งรถบัสไปค่ะ อยู่ตรงสถานีพอดี แต่กว่าจะมาสักคันก็นานมาก เกือบ ๆ 1 ชั่วโมงต่อคันเลยค่ะ ตอนเราไปถึง รถเพิ่งออกไปพอดี เลยไม่ทัน ก็เลยไม่ไปค่ะ เดินถ่ายรูปบ้านเรือนกับต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นไปเรื่อย ๆ










รถบัสคันนี้จะนำท่านไปสู่ปราสาท Otaki ได้ค่ะ (แต่เราไม่ได้ไป)



สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำค่ะ


หลังจากนี้แหละค่ะ จะเริ่มสนุกแระ เพราะเรา “หลงทาง” ค่ะ เรายังอยู่ที่สถานีเดิม คือ Kazusa-Nakano
แต่!!! เราขึ้นรถไฟผิดขบวนค่ะ  สถานีนี้เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟสาย Kominato Line ซึ่งจะเป็นรถไฟสีครีมแดง (เหมือนรถเมล์ครีมแดงบ้านเรารึป่าว?? – คล้าย ๆ กันค่ะ เพราะรถไฟสายนี้ไม่มี air/heater แต่ก็ให้อภัยได้ เพราะอากาศเค้าบริสุทธิ์มากค่ะ สดชื่นมาก) โดยสถานีที่ถัดไปจาก Kazusa-Nakano คือ สถานี Yoro-Keikoku

ตอนขึ้นมาก็ไม่รู้ว่ามันผิดขบวน เห็นคนขึ้นกันเยอะ (ซึ่งดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะรอขึ้นรถไฟขบวนนี้ มากกว่านั่ง Isumi ย้อนกลับไปค่ะ) เลยเอากับเค้าด้วย มารู้ก็ตอนพนักงานมาขอดูตั๋ว เลยรู้ว่า 1 day pass ที่เราซื้อมาใช้ไม่ได้กับรถขบวนนี้ เราก็ซื้อใหม่อีกค่ะ และก็ซื้อ 1 day pass อีกเช่นเคย ในราคา 1800 yen

เส้นทางของขบวนนี้ เราว่าสวยกว่า Isumi นะคะ เพราะสองข้างทางมีทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้เต็มไปหมดเลย เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ๆ มีกรุ๊ปมาถ่ายรูปเยอะมากเลยค่ะ จากตั๋วที่ซื้อมา เราสามารถขึ้นลงได้ตลอดเส้นทางเหมือนกัน เราก็ตามเค้าอีกเช่นเคย สถานีไหนคนลงเยอะ เราลงด้วย ตามเค้าตลอด



รถไฟ Kominato Line



บรรยากาศในรถไฟ


สถานีให้บริการ ตามนี้เลยค่ะ เราอ่านไม่ออก รู้แต่ว่าสุดท้ายมันจะไปเจอ JR line (โล่งใจนิด ๆ )


จุดนี้คือสถานี Kazusa-Tsurumai คนญี่ปุ่นที่มาถ่ายรูป พยายามบอกเราว่าจุดนี้สวยที่สุดของเส้นทางนี้ เพราะเป็นทางโค้งและทุ่งนาล้อมรอบ (กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เมื่อยมือมากค่ะ) พอรถไฟมามันก็สวยจริง ๆ ค่ะ
















รถไฟสายนี้ไกลมาก นั่งกันเป็นชั่วโมงเลยค่ะกว่าจะสุดสาย นั่งไปก็กังวลไป ชั้นจะไปลงที่ไหน มันจะสุดสายที่ไหน จะกลับบ้านยังไง คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ยังดีที่มีอินเตอร์เน็ตให้เปิด google map ได้ เลยรู้ว่าสุดสายปลายทางของมันอยู่ใกล้บ้านเรานี่เอง
รถไฟสายนี้จะไปสุดสายที่สถานี Goi (เชื่อมต่อกับ JR-Keiyo line)

อ้อ !! ขอบอกว่ารถไฟสายนี้ ไม่สามารถกำหนดเวลาที่ชัดเหมือนเหมือนรถไฟทั่วไปในญี่ปุ่นได้นะคะ มันดีเลย์มาก ๆ ค่ะ

ทริปนี้เหนื่อย แต่ก็สนุก ลุ้นตลอดเลย แต่บรรยากาศดี ๆ และธรรมชาติที่สวยงามก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ค่ะ

ทริปนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติและชอบถ่ายรูปจริง ๆ อย่างที่บอกข้างบน มีกรุ๊ปคนมาถ่ายรูปเยอะมาก เนื่องจากมันค่อนข้างไกลค่ะ

ปล. รถไฟทั้งสองสายนี้ เท่าที่เห็นไม่ค่อยมีต่างชาติมาใช้บริการค่ะ จะเป็นคนญี่ปุ่นสัก 98% ซึ่งหมายความว่าทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด พนักงานก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ซึ่งก็ลำบากมากสำหรับคนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแบบเราค่ะ

ขอให้ทุกคนสนุกกับการท่องเที่ยวค่ะ