5 หุ้นเด่น mai ทุบสถิติกำไรสูงสุด-ราคาถูก!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจ และคัดเลือก หุ้นยอดเยี่ยมประจำตลาดเอ็มเอไอ โดยใช้เกณฑ์หุ้นที่มียอดขายและกำไรสุทธิปี 2557 สูงสุดเป็นสถิติใหม่ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรสุทธิ หรือพีอีเรโชต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งอยู่ราวๆ 77 เท่า ปรากฏว่า มีหุ้นที่เข้าเกณฑ์นี้จำนวนทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน และหุ้นเหล่านี้ยังถือเป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าลงทุนสำหรับปี 2558
1. ARROW ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 148.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.74 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นราว 14.48% จากปีก่อนหน้า (2556) ที่มีกำไรสุทธิ 129.63 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.65 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท่อต่างๆได้มากขึ้น โดยเฉพาะท่อร้อยสายไฟฟ้าที่เป็นรายได้หลัก หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของรายได้ทั้งหมด
2. GIFT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 75.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นราว 52.48% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 49.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.23 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีความต้องการสินค้า จำพวกสี หมึกพิมพ์ และผลิตภัณฑ์เคลือบผิวมากขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ทั้งชนิดพิเศษและชนิดกึ่งสำเร็จรูปได้มากขึ้นตามไปด้วย
3. PYLON ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 195.55 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 23% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 159.07 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.63 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการได้รับงานก่อสร้างฐานรากให้กับโครงการต่างๆ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน
4. QLT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 104.90 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 25.61% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 83.51 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.87 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานตรวจสอบแท่นขุดเจาะ และคุณภาพของโรงกลั่นมากขึ้น รวมไปถึงงานตรวจสอบถังก๊าซปิโตรเลียม (LPG) ก็มีมากขึ้นอีกด้วย
5. TNDT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 88.06 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.88 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.21% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 86.16 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.86 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการให้บริการในการตรวจสอบมากขึ้น อาทิ การตรวจสอบทางวิศวกรรมและแรงดัน การแลกความร้อน เครื่องทำน้ำร้อน ท่อ รวมไปถึงโครงสร้างโรงกลั่น โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี
โดยหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ถือเป็นหุ้นมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งสามารถทำสถิติยอดขาย และกำไรสูงสุดได้ในปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเกิดขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ราคาหุ้นแต่ละตัวยังถือว่ามีราคาถูก เมื่อนำค่าพีอีไปเทียบกับค่าพีอีเฉลี่ยของทั้งตลาดเอ็มเอไอ
อย่างไรก็ดี หุ้นบางตัวเป็นหุ้นมีสภาพคล่องต่ำ อาทิ QLT และ TNDT แต่ผู้ลงทุนสามารถรับประโยชน์ได้จากการปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจ่ายปันผลในอัตรา 5.40% และ 2.14% (Dividend Yield ณ วันที่ 19 มี.ค. 2558) ตามลำดับ ขณะที่อัตราปันผลดังกล่าวมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางธุรกิจในช่วงปี 2558
Credit - ข่าวหุ้นออนไลน์
5 หุ้นเด่น mai ทุบสถิติกำไรสูงสุด-ราคาถูก!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจ และคัดเลือก หุ้นยอดเยี่ยมประจำตลาดเอ็มเอไอ โดยใช้เกณฑ์หุ้นที่มียอดขายและกำไรสุทธิปี 2557 สูงสุดเป็นสถิติใหม่ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีอัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรสุทธิ หรือพีอีเรโชต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งอยู่ราวๆ 77 เท่า ปรากฏว่า มีหุ้นที่เข้าเกณฑ์นี้จำนวนทั้งหมด 5 ตัวด้วยกัน และหุ้นเหล่านี้ยังถือเป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าลงทุนสำหรับปี 2558
1. ARROW ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 148.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.74 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นราว 14.48% จากปีก่อนหน้า (2556) ที่มีกำไรสุทธิ 129.63 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.65 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท่อต่างๆได้มากขึ้น โดยเฉพาะท่อร้อยสายไฟฟ้าที่เป็นรายได้หลัก หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของรายได้ทั้งหมด
2. GIFT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 75.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นราว 52.48% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 49.54 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.23 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากมีความต้องการสินค้า จำพวกสี หมึกพิมพ์ และผลิตภัณฑ์เคลือบผิวมากขึ้น จึงส่งผลให้บริษัทจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ทั้งชนิดพิเศษและชนิดกึ่งสำเร็จรูปได้มากขึ้นตามไปด้วย
3. PYLON ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 195.55 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.70 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 23% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 159.07 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.63 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการได้รับงานก่อสร้างฐานรากให้กับโครงการต่างๆ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน
4. QLT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 104.90 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 25.61% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 83.51 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.87 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากงานตรวจสอบแท่นขุดเจาะ และคุณภาพของโรงกลั่นมากขึ้น รวมไปถึงงานตรวจสอบถังก๊าซปิโตรเลียม (LPG) ก็มีมากขึ้นอีกด้วย
5. TNDT ซึ่งรายงานผลประกอบการประจำปี 2557 มีกำไรสุทธิ 88.06 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.88 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.21% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 86.16 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.86 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ผลกำไรที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการให้บริการในการตรวจสอบมากขึ้น อาทิ การตรวจสอบทางวิศวกรรมและแรงดัน การแลกความร้อน เครื่องทำน้ำร้อน ท่อ รวมไปถึงโครงสร้างโรงกลั่น โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี
โดยหุ้นที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ถือเป็นหุ้นมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งสามารถทำสถิติยอดขาย และกำไรสูงสุดได้ในปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเกิดขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ราคาหุ้นแต่ละตัวยังถือว่ามีราคาถูก เมื่อนำค่าพีอีไปเทียบกับค่าพีอีเฉลี่ยของทั้งตลาดเอ็มเอไอ
อย่างไรก็ดี หุ้นบางตัวเป็นหุ้นมีสภาพคล่องต่ำ อาทิ QLT และ TNDT แต่ผู้ลงทุนสามารถรับประโยชน์ได้จากการปันผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจ่ายปันผลในอัตรา 5.40% และ 2.14% (Dividend Yield ณ วันที่ 19 มี.ค. 2558) ตามลำดับ ขณะที่อัตราปันผลดังกล่าวมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการขยายตัวทางธุรกิจในช่วงปี 2558
Credit - ข่าวหุ้นออนไลน์