คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
สิ่งที่อยากจะแนะนำคุณ คือ
1.อย่าเพิ่งพยายามโยงว่า สิ่งแย่ๆ ทุกสิ่งในชีวิตที่เกิดขึ้นตอนนี้
เป็นผลจากวิบากกรรมที่คุณทำไว้กับพ่อ-แม่เท่านั้น
จริงอยู่ว่า ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น
เชื่อว่าวิบากกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง
หลายสิ่งต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์เรา
"แต่วิบากกรรมไม่ใช่ทั้งหมด ที่กำหนดชีวิตเรา"
การปรับปรุงทัศนคติใหม่ สร้างพฤติกรรมใหม่
และการลงมือแก้ไข ย่อมมีผลกับชีวิตแบบที่จับต้องได้
เห็นผลตรวจวัดได้ค่อนข้างชัดเจนใกล้กว่า
ควบคุมตัวแปรได้ง่ายกว่า
2.การขอขมาที่สัมฤทธิ์และได้ประโยชน์แท้
ต้องเกิดจากความสำนึกผิดอันเกิดจากใจของคุณจริงๆ
เป็นความสำนึกอันเกิดจากความเข้าใจ
จากการเรียนรู้ว่า บุพการีชนมีคุณที่ให้กำเนิดเรา
เลี้ยงดูก้อนเลือดเนื้อนี้มาตามกำลังสติปัญญาท่าน
จนเติบใหญ่เป็นคุณขึ้นมา
นั่น คือ พระคุณอย่างหนึ่งของท่านทั้งสอง
มิควรเกิดจากความหวาดกลัวผลของวิบากในอดีตจะส่งผล
หากคุณเกิดความสำนึกขึ้นด้วยสติปัญญาจริงๆ ว่าในอดีตที่ผ่านไป
อาจมีหลายการกระทำ ที่ได้ทำต่อท่าน เกิดจากถือเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่
เลยทำให้มีอคติต่อพฤติกรรมของท่าน (ที่ไม่ถูกใจเรา และมีความคิดต่างกัน)
แน่นอนว่า สภาพทางใจของคุณย่อมก่อความเข้มแข็งขึ้นมากกว่าความอ่อนแอ
เข้มแข็งเพื่อจะเปลี่ยนทัศนคติของตนให้ทางสว่าง สร้างกำลังใจ
มากกว่าปล่อยใจให้ห่อเหี่ยวท้อแท้กับผลวิบากที่บี้ตามส่ง
สิ่งที่คุณจำเป็นต้องสร้างให้มากกับตนตอนนี้
คือการสร้างกำลังทางใจให้เกิดกับตนเอง
อย่าหวังคำให้กำลังใจจากคนอื่น
ยิ่งปัญหาที่รุมเร้าคุณภายนอกในตอนนี้มีหลายด้าน
"สติปัญญา" และ "กำลังใจ" เป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ
หรือถ้าคุณยังเกิดความรู้สึกติดข้องในใจ รู้สึกผิดในใจ ขอแนะนำให้
2.1 นำดอกไม้ธูปเทียน ไปขอขมาต่ออัฐิของท่านทั้งสอง
ถ้าไม่มีเหลือก็ใช้รูปถ่าย หรือสิ่งใดก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกเชื่อมถือท่านได้สองได้
จากนั้นคือกล่าวคำขอขมาออกเสียง อาจจะตั้งนะโม 3 จบ สวดมนต์เล็กน้อย
และระลึกถึงพระคุณท่าน (ที่แม้อาจจะเลี้ยงดูคุณได้ไม่ดีดังคาดหวังไว้
แต่ก็ยังมีพระคุณให้เลือดเนื้อกระดูกนี้กับคุณมา
ให้โอกาสคุณได้ลืมตามาในโลกใบนี้ อย่างครบ 32 ถ้วน)
จากนั้น ให้กล่าวถึงสิ่งใดๆ
ที่เคยทำผิดพลาดกับท่านในอดีตที่คุณพอจะระลึกเป็นถ้อยคำได้
ทำความรู้สึกว่าได้กล่าวต่อเบื้องหน้าท่านทั้งสองจริงๆ
และเราสำนึก ขอขมากับท่าน ให้ท่านได้ยกโทษให้เรา
ขอส่วนผลความดีใดๆ อันเกิดจากการขอขมานี้
ส่งให้เราสามารถดำรงชีวิตจากนี้ไป
ด้วยกำลังใจที่มากขึ้นในการแก้ปัญหา มีสติปัญญามากขึ้น
ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคใดๆ ที่กำลังประสบหรือจะประสบในอนาคต
และให้ผ่านพ้นสิ่งเหล่านั้นไปได้โดยดี ฯ
2.2 ทำบุญอุทิศเจาะจงให้ท่านทั้งสองจะเป็นที่วัดใดก็ได้
และให้ออกไปทำกิจกรรมที่ได้ฝึกที่จะสละสิ่งเล็กๆ น้อย
เช่น ไปเลี้ยงขนมเด็กกำพร้าใกล้บ้าน ไปกวาดลานวัด
ล้างห้องน้ำสถานปฏิบัติธรรม หรืออะไรก็ได้
ที่เป็นการสละที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น
ยิ่งถ้าเป็นการสละแรงกายเพื่อให้คนที่ด้อยกว่าคุณ เขามีความสุขขึ้นได้
ตัวนี้จะช่วยเสริมกำลังใจให้คุณได้ดี
ระหว่างทำไป ก็กำหนดสติระลึกไปในกายใจไปด้วยเนืองๆ
3.จัดการเอาปัญหาของคุณ มากระจายออกและเขียนมันลงไป
ว่าคุณควรจะจัดการอย่างไรกับมัน
กำหนดขั้นตอนการแก้ปัญหา ลงรายละเอียดย่อย
ต้องประสานกับใคร หนี้สินจะบริหารอย่างไร
กระจายทุกๆ ปัญหาออกเป็นก้อนเล็กๆ
เขียนลงไปเท่าที่พอจะคิดได้
และกำหนดวันเวลาเพื่อติดตามผลและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ถ้าคุณเขียนกระจายมันออกทีละเรื่องและค่อยลงรายละเอียดได้มาก
คุณจะเริ่มค่อยๆ เห็นทางในการแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้น
แม้วิบากรรมที่กำลังใช้ยังไม่หมด
แต่คุณจะได้แนวทางในการรับมือกับมัน
ด้วยสติปัญญาแบบมนุษย์
คุณจะได้ความเข้มแข็งทางใจ
และบ่มเพาะความชำนาญในการรับมือกับปัญหา
รับมือกับความเครียด ความท้อแท้ได้ดีขึ้นกว่าเก่าครับ
--------
อีกอย่าง กรรมที่ทำไปแล้ว โดยเฉพาะในกรณีที่กระทำกับบุพพการีชน
จะเป็นทางความคิด หรือคำพูด รวมทั้งการกระทำก็ตาม
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับส่วนแห่งผลของวิบากนั้น
แต่จะมากหรือน้อยนั้น
ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยในปัจจุบันและอนาคตประกอบด้วย
ถ้าคุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักคำสอนจริง
หลังจากนั้น คุณอยากจะไปเข้ากรรมฐาน ถือศีล
หรือปฏิบัติธรรมอุทิศบุญให้ท่านด้วยก็ได้
แต่คุณจะไปด้วยความเข้าใจ ไปด้วยกำลังใจ
ไปด้วยความตั้งใจที่จะปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ
และเห็นจุดประสงค์ เห็นประโยชน์ที่แท้จริง
ว่าทำไมถึงต้องปฏิบัติธรรม
มิใช่ไปเพียงเพราะเพื่อแก้กรรม เพื่อล้างกรรม
หรือด้วยความเข้าใจว่าได้เอาโชคร้าย
สิ่งไม่ดีไปทิ้งไว้กับวัดวาได้
หรือให้หลวงพ่อ หลวงปู่ ท่านช่วยแก้กรรมนี้ได้
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนเรื่องกรรม
เพื่อให้เราตามไล่ขุดผลของการกระทำในอดีต มาทำพิธีแก้ไข
แต่พุทธเราสอนให้ปรับใจ และทำความเข้าใจเรียนรู้ว่า
กรรมวิบากนั้นเป็นหนึ่งในกฏของธรรมชาติจากในอีกหลายๆ กฏ
ที่ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์โลก ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากสังสารวัฏ
แต่อีกสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนมากกว่านั้น
คือสอนให้เข้าใจว่า
แม้เราจะยังกำลังรับผลของวิบากกรรมนั้นอยู่ก็ตาม
แต่เรายังสามารถรับผล ด้วยจิตใจที่ดี ที่ประกอบด้วยสติปัญญา
ด้วยจิตใจที่ไม่จำเป็นต้องทุกข์กับผลของวิบากนั้นได้
ผลของวิบากกับทุกข์ทางใจ
แยกกันออกคนละส่วนนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้ด้วยดีครับ
1.อย่าเพิ่งพยายามโยงว่า สิ่งแย่ๆ ทุกสิ่งในชีวิตที่เกิดขึ้นตอนนี้
เป็นผลจากวิบากกรรมที่คุณทำไว้กับพ่อ-แม่เท่านั้น
จริงอยู่ว่า ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น
เชื่อว่าวิบากกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง
หลายสิ่งต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์เรา
"แต่วิบากกรรมไม่ใช่ทั้งหมด ที่กำหนดชีวิตเรา"
การปรับปรุงทัศนคติใหม่ สร้างพฤติกรรมใหม่
และการลงมือแก้ไข ย่อมมีผลกับชีวิตแบบที่จับต้องได้
เห็นผลตรวจวัดได้ค่อนข้างชัดเจนใกล้กว่า
ควบคุมตัวแปรได้ง่ายกว่า
2.การขอขมาที่สัมฤทธิ์และได้ประโยชน์แท้
ต้องเกิดจากความสำนึกผิดอันเกิดจากใจของคุณจริงๆ
เป็นความสำนึกอันเกิดจากความเข้าใจ
จากการเรียนรู้ว่า บุพการีชนมีคุณที่ให้กำเนิดเรา
เลี้ยงดูก้อนเลือดเนื้อนี้มาตามกำลังสติปัญญาท่าน
จนเติบใหญ่เป็นคุณขึ้นมา
นั่น คือ พระคุณอย่างหนึ่งของท่านทั้งสอง
มิควรเกิดจากความหวาดกลัวผลของวิบากในอดีตจะส่งผล
หากคุณเกิดความสำนึกขึ้นด้วยสติปัญญาจริงๆ ว่าในอดีตที่ผ่านไป
อาจมีหลายการกระทำ ที่ได้ทำต่อท่าน เกิดจากถือเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่
เลยทำให้มีอคติต่อพฤติกรรมของท่าน (ที่ไม่ถูกใจเรา และมีความคิดต่างกัน)
แน่นอนว่า สภาพทางใจของคุณย่อมก่อความเข้มแข็งขึ้นมากกว่าความอ่อนแอ
เข้มแข็งเพื่อจะเปลี่ยนทัศนคติของตนให้ทางสว่าง สร้างกำลังใจ
มากกว่าปล่อยใจให้ห่อเหี่ยวท้อแท้กับผลวิบากที่บี้ตามส่ง
สิ่งที่คุณจำเป็นต้องสร้างให้มากกับตนตอนนี้
คือการสร้างกำลังทางใจให้เกิดกับตนเอง
อย่าหวังคำให้กำลังใจจากคนอื่น
ยิ่งปัญหาที่รุมเร้าคุณภายนอกในตอนนี้มีหลายด้าน
"สติปัญญา" และ "กำลังใจ" เป็นสิ่งที่สำคัญอันดับต้นๆ
หรือถ้าคุณยังเกิดความรู้สึกติดข้องในใจ รู้สึกผิดในใจ ขอแนะนำให้
2.1 นำดอกไม้ธูปเทียน ไปขอขมาต่ออัฐิของท่านทั้งสอง
ถ้าไม่มีเหลือก็ใช้รูปถ่าย หรือสิ่งใดก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกเชื่อมถือท่านได้สองได้
จากนั้นคือกล่าวคำขอขมาออกเสียง อาจจะตั้งนะโม 3 จบ สวดมนต์เล็กน้อย
และระลึกถึงพระคุณท่าน (ที่แม้อาจจะเลี้ยงดูคุณได้ไม่ดีดังคาดหวังไว้
แต่ก็ยังมีพระคุณให้เลือดเนื้อกระดูกนี้กับคุณมา
ให้โอกาสคุณได้ลืมตามาในโลกใบนี้ อย่างครบ 32 ถ้วน)
จากนั้น ให้กล่าวถึงสิ่งใดๆ
ที่เคยทำผิดพลาดกับท่านในอดีตที่คุณพอจะระลึกเป็นถ้อยคำได้
ทำความรู้สึกว่าได้กล่าวต่อเบื้องหน้าท่านทั้งสองจริงๆ
และเราสำนึก ขอขมากับท่าน ให้ท่านได้ยกโทษให้เรา
ขอส่วนผลความดีใดๆ อันเกิดจากการขอขมานี้
ส่งให้เราสามารถดำรงชีวิตจากนี้ไป
ด้วยกำลังใจที่มากขึ้นในการแก้ปัญหา มีสติปัญญามากขึ้น
ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคใดๆ ที่กำลังประสบหรือจะประสบในอนาคต
และให้ผ่านพ้นสิ่งเหล่านั้นไปได้โดยดี ฯ
2.2 ทำบุญอุทิศเจาะจงให้ท่านทั้งสองจะเป็นที่วัดใดก็ได้
และให้ออกไปทำกิจกรรมที่ได้ฝึกที่จะสละสิ่งเล็กๆ น้อย
เช่น ไปเลี้ยงขนมเด็กกำพร้าใกล้บ้าน ไปกวาดลานวัด
ล้างห้องน้ำสถานปฏิบัติธรรม หรืออะไรก็ได้
ที่เป็นการสละที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น
ยิ่งถ้าเป็นการสละแรงกายเพื่อให้คนที่ด้อยกว่าคุณ เขามีความสุขขึ้นได้
ตัวนี้จะช่วยเสริมกำลังใจให้คุณได้ดี
ระหว่างทำไป ก็กำหนดสติระลึกไปในกายใจไปด้วยเนืองๆ
3.จัดการเอาปัญหาของคุณ มากระจายออกและเขียนมันลงไป
ว่าคุณควรจะจัดการอย่างไรกับมัน
กำหนดขั้นตอนการแก้ปัญหา ลงรายละเอียดย่อย
ต้องประสานกับใคร หนี้สินจะบริหารอย่างไร
กระจายทุกๆ ปัญหาออกเป็นก้อนเล็กๆ
เขียนลงไปเท่าที่พอจะคิดได้
และกำหนดวันเวลาเพื่อติดตามผลและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ถ้าคุณเขียนกระจายมันออกทีละเรื่องและค่อยลงรายละเอียดได้มาก
คุณจะเริ่มค่อยๆ เห็นทางในการแก้ปัญหาได้ชัดเจนขึ้น
แม้วิบากรรมที่กำลังใช้ยังไม่หมด
แต่คุณจะได้แนวทางในการรับมือกับมัน
ด้วยสติปัญญาแบบมนุษย์
คุณจะได้ความเข้มแข็งทางใจ
และบ่มเพาะความชำนาญในการรับมือกับปัญหา
รับมือกับความเครียด ความท้อแท้ได้ดีขึ้นกว่าเก่าครับ
--------
อีกอย่าง กรรมที่ทำไปแล้ว โดยเฉพาะในกรณีที่กระทำกับบุพพการีชน
จะเป็นทางความคิด หรือคำพูด รวมทั้งการกระทำก็ตาม
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับส่วนแห่งผลของวิบากนั้น
แต่จะมากหรือน้อยนั้น
ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยในปัจจุบันและอนาคตประกอบด้วย
ถ้าคุณมีความเข้าใจที่ถูกต้องตามหลักคำสอนจริง
หลังจากนั้น คุณอยากจะไปเข้ากรรมฐาน ถือศีล
หรือปฏิบัติธรรมอุทิศบุญให้ท่านด้วยก็ได้
แต่คุณจะไปด้วยความเข้าใจ ไปด้วยกำลังใจ
ไปด้วยความตั้งใจที่จะปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ
และเห็นจุดประสงค์ เห็นประโยชน์ที่แท้จริง
ว่าทำไมถึงต้องปฏิบัติธรรม
มิใช่ไปเพียงเพราะเพื่อแก้กรรม เพื่อล้างกรรม
หรือด้วยความเข้าใจว่าได้เอาโชคร้าย
สิ่งไม่ดีไปทิ้งไว้กับวัดวาได้
หรือให้หลวงพ่อ หลวงปู่ ท่านช่วยแก้กรรมนี้ได้
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนเรื่องกรรม
เพื่อให้เราตามไล่ขุดผลของการกระทำในอดีต มาทำพิธีแก้ไข
แต่พุทธเราสอนให้ปรับใจ และทำความเข้าใจเรียนรู้ว่า
กรรมวิบากนั้นเป็นหนึ่งในกฏของธรรมชาติจากในอีกหลายๆ กฏ
ที่ส่งผลต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์โลก ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากสังสารวัฏ
แต่อีกสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนมากกว่านั้น
คือสอนให้เข้าใจว่า
แม้เราจะยังกำลังรับผลของวิบากกรรมนั้นอยู่ก็ตาม
แต่เรายังสามารถรับผล ด้วยจิตใจที่ดี ที่ประกอบด้วยสติปัญญา
ด้วยจิตใจที่ไม่จำเป็นต้องทุกข์กับผลของวิบากนั้นได้
ผลของวิบากกับทุกข์ทางใจ
แยกกันออกคนละส่วนนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้ด้วยดีครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำอย่างไร ถึงจะลบล้างสิ่งที่ทำไม่ดีกับบุพการีได้
เมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ฉันจะรู้สึก สงสารพ่อแม่ ก็เลยช่วยท่านทำงานบ้านหลาย ๆ อย่าง
เป็นต้นว่า การหาบน้ำมาใส่ตุ่มไว้เพื่อให้ท่านอาบ
แต่ว่า พี่ชายของฉันที่เป็นคนตัวอ้วนจะมาอาบน้ำที่ฉันหาบมาจนหมดโอ่ง
เมื่อฉันต่อว่า พี่ชาย
แม่ก็จะมาด่าฉัน ว่าทำไม แค่อาบน้ำ ทำไม ต้องมีปัญหา มันทำให้ฉันรู้สึกเสียใจและน้อยใจ
ต่อมา
ฉันและพี่น้อง ได้มีข้อตกลงกันว่า ใครทำหน้าที่อะไรในบ้าน เป็นงานบ้าน
โดยฉันจะเป็นคนทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน และ ถูบ้าน
ส่วนน้องชาย มีหน้าที่ เก็บโต๊ะทานอาหารและกรอกน้ำใส่ขวด
แต่พอถึงเวลาจริง ๆ น้องชายไม่ทำ
แม่ก็มาใช้ให้ฉันทำ
พอฉันบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน แม่ก็จะโมโหมาก ด่าฉันมากมายก่ายกอง ฉันรู้สึกเสียใจ และ เริ่มมีอคติกับแม่
เมื่อเวลาผ่านไป
แม่มักจะพาพี่ชาย น้องชายไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง แต่ไม่เคยชวนฉันไป ฉันรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ทำท่าเก่ง ปากแข็งว่าไม่แคร์
ฉันมักจะถูกแม่ด่าอยู่เสมอ ๆ ว่าเป็นตัวซวย ดวงซวย
และแม่มักจะทวงบุญคุณจากฉันเสมอ ๆ เมื่อฉันยังเด็กอยู่
แม่มักจะพูดว่า ฉันเป็นลูกเนรคุณ
ฉันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม ล่ะ ในเมื่อฉันก็ช่วยงานบ้านของแม่
พยายามไม่ให้แม่เหนื่อยเมื่อกลับจากทำงาน ทำไม ฉันยังเนรคุณอีก
ฉันขอเงินอะไรจากแม่ไม่เคยได้เลย
แม่มักจะพูดเสมอว่า ไม่มีเงิน เงินจะซื้อข้าวสารยังไม่มีเลย
พ่อแม่เป็นข้าราชการค่ะ
เมื่อแม่พูดแบบนี้ ฉันก็เลยไม่กล้าขอ
แม้กระทั่งผ้าอนามัย ฉันก็ไม่กล้าขอ ฉันเคยใส่ผ้าอนามัยผืนเดียว สองวันสองคืนก็มี ยอมรับค่ะว่ามันอับมาก แต่ก็ไม่มีเปลี่ยนนี่คะ
พ่อของฉัน
ท่านเป็นคนดีค่ะ ไม่พูดมาก แต่ชอบทานเหล่าและสูบบุหรี่
ถ้าจะถามว่า ข้อเสียของคุณพ่อดิฉันคืออะไร คำตอบ ก็คือ ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ แต่ไม่เคยเมานะคะ
ที่เหลือดีมาก ไม่เคยโกรธใคร ไม่เคยว่าใคร มีเงินให้แม่ดิฉันทุกบาททุกสตางค์
พ่อไม่เคยเห็นเงินเดือนตัวเองเลย
เสื้อผ้า แล้วแต่แม่จะหาให้ โทษนะคะ กางเกงในของพ่อ บานและยานแล้ว ยานอีก พ่อก็ทนใส่
อาหารถ้าพ่อบอกว่า เค็ม แต่แม่บอกว่า ฉันไม่รู้สึกเค็ม พ่อก็ต้องรู้สึกไม่เค็มไปด้วย
จากตอนเด็กที่ขอเงินแม่ แล้วแม่บอกว่า ไม่มีเงิน หรือว่า เงินจะซื้อข้าวสารก็ไม่มี
ทำให้ฉันสงสารแม่ ก็เลยไม่ขอ
แต่เมื่อโตขึ้นมา จึงพบว่า
แม่ของฉันชอบเล่นหวย ซื้อคราวละมาก ๆจึงทำให้ไม่มีเงิน
ทำให้ฉันมีความรู้ที่ไม่ดีกับแม่
และเมื่อฉันมีงานทำ
แม่ก็จะทวงบุญคุณจากฉันเสมอ
ด้วยความรู้สึกว่าถูกแม่หลอกว่าไม่มีเงิน แต่มีเงินเล่นหวยจำนวนมาก มาย
จึงทำให้ฉันไม่ให้เงินแม่ อีกอย่างท่านเป็นข้าราชการมีเงินเดือนอยู่แล้วก็เลยไม่ให้
เมื่อครั้งที่พ่อฉันป่วย
ในขณะที่พ่อของฉันยังนอนบนเตียง ตายังลืมอยู่แต่พูดไม่ได้
แม่ฉันจะบอกคนที่มาเยี่ยมเสมอ ๆ ว่า นี่ถ้าพ่อฉันตายนะ แม่ฉันจะได้เงินเท่าไร
และในวันที่พ่อฉันตาย
สิ่งแรกที่แม่ฉันทำคือ
เดินทางไปที่ฝ่ายการเงินของที่ทำงานพ่อ เพื่อเช็คว่า จะได้เงินเท่าไร
มันยิ่งทำให้ฉันแอนตี้มากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ฉันมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีกับแม่ ไม่ได้ถึงขนาดด่าทอ หรือว่าทุบตีนะคะ แต่เป็นการเฉยชา
ทั้งพี่ชาย และ น้องชาย ก็ไม่ได้มาช่วยดูแลแม่นะคะ
ยิ่งแม่พูดว่า ต้องการเงินอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งพูดว่า อยากได้มากเท่าไร ดิฉันยิ่งทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น
หลังจากคุณพ่อเสียไปไม่นานคุณแม่ก็เสียตามไป ประมาณ ๕ ปี ก่อนคุณแม่จะเสีย ดิฉันได้ปรนนิบัติท่าน และท่านได้พูดว่า “ ......( ชื่อดิฉัน ) ดูแลแม่ดีจัง “ ดิฉันก็เลยตอบไปว่า “ ถ้าแม่รัก .....แม่จะได้มากกว่านี้อีก “
เมื่อคุณแม่เสียไป ดิฉัน คือคนที่แม่งานหลักในงานศพคุณแม่ และหลังจากวันเผาศพคุณแม่แค่วันเดียว ก็มีหมายศาลมาติดที่หน้าบ้านพักดิฉัน แจ้งว่าดิฉันเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยคุณพ่อ ได้ไปกู้ยืมเงินจากธนาคาร
ไม่ชำระ จึงขอให้ทายาทรับชอบ ดิฉันติดต่อพี่น้องทุกคน ว่าดิฉันถูกฟ้องนะ แต่ไม่มีคนไหนสนใจสักคน ดิฉันก็เลยต้องรับผิดชอบคนเดียว จริง ๆ แล้ว ปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อก็ได้ใช่มั้ยคะ แต่ดิฉันก็ไปรับค่ะ ยินดีจ่ายให้
จากกรณีของคุณพ่อ คราวนี้ ก็กรณีของคุณแม่ ก็เช่นเดียวกัน ถูกฟ้องฐานะทายาทอีกแล้ว ดิฉันก็ไปจ่ายชำระหนี้ให้เช่นเดียวกัน เพราะว่า พี่น้อง ไม่มีคนไหนสนใจเลย
น้องชายของดิฉัน ที่แม่รักมาก ปลื้มมาก เพราะว่าน้องชายรูปร่างหน้าตาดี แต่ปรากฏว่าโตขึ้น ติดการพนันอย่างหนัก ไม่เรียนหนังสือ คอยแต่ขอเงิน ทั้งดิฉัน ทั้งแม่ เป็นเหตุให้ดิฉัน เกิดหนี้สินมากมาย ทุกวันนี้ ก็ยังมาคอยขออยู่เรื่อย ๆ จนดิฉันว่า อย่ามาเลย เงินจะกินข้าวพี่ก็ยังไม่มีเลย
และเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันทำบ้าน แต่ด้วยที่งานยุ่ง ไม่มีเวลาไปดู ทำให้ถูกโกงเงิน โกงอุปกรณ์ โกงทุกอย่าง จากบ้านราคาล้านกว่า กลายเป็นเกือบสามล้าน ทำให้ ดิฉันมีหนี้สินมากมาย ไหนจะหนี้บ้าน ไหนจะหนี้สะสมเก่าอีก
และ ดิฉันได้ไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับคนรู้จักคนหนึ่ง ปรากฏว่า คน ๆ นั้นหนีหนี้ เป็นเหตุให้ดิฉัน ต้องรับผิดชอบ
จากการที่ดิฉันมีหนี้มากอยู่แล้ว ก็มีซ้ำเข้ามาอีก สารภาพเลยค่ะ หลายๆ วัน ต้องทานข้าวกับผักต้ม ต้มพริกใส่หอมใส่น้ำปลา ใส่มะขามเปียก กินแบบนั้นอยู่เป็นอาทิตย์
น้องชายดิฉันผู้ซึ่งไม่เคยสนใจอะไร ก็มาขอเงินดิฉันอีก
อันนี้ คือ ปัญหาเรื่องเงินนะคะ
ส่วนเรื่องงาน ดิฉันทำงานอะไรก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้งเลยค่ะ ทำงานก็ไม่มีคนคอยสนับสนุน เหนื่อยกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่านัก ทั้งเหนื่อย ทั้งถูกด่า เสียกำลังใจค่ะ
รับราชการมา สิบเก้าปี ได้สองขั้นครั้งเดียวค่ะ ทำงานทุกอย่างมากกว่าคนอื่น ๆ ในที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ยกตัวเองนะคะ แต่คนอื่น ๆ ก็พูดกัน จนมีการแซวกันว่า ดิฉัน คือ ทาสคนสำคัญของหน่วยงานนี้
เจ้านายไม่เคยเมตตา ไม่เคยสนับสนุนการทำงานเลย ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดให้ดิฉันดูดีเลย
รู้สึกเหนื่อยหน่ายการทำงาน การใช้ชีวิตค่ะ
หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ดิฉันได้พบได้เจอ มันคือ กรรมที่ดิฉันคิดไม่ดีกับแม่ และ ทำไม่ดีกับแม่ใช่ไหมคะ
พอจะมีทางแก้ไหมคะ