มันคือบาป ใช่มั้ย

กระทู้คำถาม
มันเป็นบาป มากเลยใช่มั้ย
    ฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อ แม่ พี่ชาย และ น้องชาย ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว
เมื่อตอนเป็นเด็ก ๆ ฉันจะรู้สึก สงสารพ่อแม่ ก็เลยช่วยท่านทำงานบ้านหลาย ๆ อย่าง
เป็นต้นว่า การหาบน้ำมาใส่ตุ่มไว้เพื่อให้ท่านอาบ  
แต่ว่า พี่ชายของฉันที่เป็นคนตัวอ้วนจะมาอาบน้ำที่ฉันหาบมาจนหมดโอ่ง
  เมื่อฉันต่อว่า พี่ชาย
แม่ก็จะมาด่าฉัน ว่าทำไม แค่อาบน้ำ ทำไม ต้องมีปัญหา มันทำให้ฉันรู้สึกเสียใจและน้อยใจ
ต่อมา    
ฉันและพี่น้อง ได้มีข้อตกลงกันว่า ใครทำหน้าที่อะไรในบ้าน เป็นงานบ้าน
โดยฉันจะเป็นคนทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน และ ถูบ้าน
ส่วนน้องชาย มีหน้าที่ เก็บโต๊ะทานอาหารและกรอกน้ำใส่ขวด
แต่พอถึงเวลาจริง ๆ น้องชายไม่ทำ
แม่ก็มาใช้ให้ฉันทำ  
พอฉันบอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน แม่ก็จะโมโหมาก ด่าฉันมากมายก่ายกอง  ฉันรู้สึกเสียใจ และ เริ่มมีอคติกับแม่
    เมื่อเวลาผ่านไป
แม่มักจะพาพี่ชาย น้องชายไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง แต่ไม่เคยชวนฉันไป ฉันรู้สึกน้อยใจ แต่ก็ทำท่าเก่ง ปากแข็งว่าไม่แคร์
    ฉันมักจะถูกแม่ด่าอยู่เสมอ ๆ ว่าเป็นตัวซวย ดวงซวย
และแม่มักจะทวงบุญคุณจากฉันเสมอ ๆ เมื่อฉันยังเด็กอยู่
แม่มักจะพูดว่า ฉันเป็นลูกเนรคุณ
ฉันก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม ล่ะ ในเมื่อฉันก็ช่วยงานบ้านของแม่
พยายามไม่ให้แม่เหนื่อยเมื่อกลับจากทำงาน ทำไม ฉันยังเนรคุณอีก
        ฉันขอเงินอะไรจากแม่ไม่เคยได้เลย  
แม่มักจะพูดเสมอว่า  ไม่มีเงิน เงินจะซื้อข้าวสารยังไม่มีเลย
พ่อแม่เป็นข้าราชการค่ะ
เมื่อแม่พูดแบบนี้ ฉันก็เลยไม่กล้าขอ  
แม้กระทั่งผ้าอนามัย ฉันก็ไม่กล้าขอ ฉันเคยใส่ผ้าอนามัยผืนเดียว สองวันสองคืนก็มี  ยอมรับค่ะว่ามันอับมาก แต่ก็ไม่มีเปลี่ยนนี่คะ
    พ่อของฉัน
ท่านเป็นคนดีค่ะ ไม่พูดมาก แต่ชอบทานเหล่าและสูบบุหรี่
ถ้าจะถามว่า ข้อเสียของคุณพ่อดิฉันคืออะไร คำตอบ ก็คือ ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่  แต่ไม่เคยเมานะคะ
ที่เหลือดีมาก ไม่เคยโกรธใคร ไม่เคยว่าใคร มีเงินให้แม่ดิฉันทุกบาททุกสตางค์
พ่อไม่เคยเห็นเงินเดือนตัวเองเลย
เสื้อผ้า แล้วแต่แม่จะหาให้  โทษนะคะ กางเกงในของพ่อ  บานและยานแล้ว ยานอีก พ่อก็ทนใส่
อาหารถ้าพ่อบอกว่า เค็ม แต่แม่บอกว่า ฉันไม่รู้สึกเค็ม พ่อก็ต้องรู้สึกไม่เค็มไปด้วย
    จากตอนเด็กที่ขอเงินแม่ แล้วแม่บอกว่า ไม่มีเงิน หรือว่า เงินจะซื้อข้าวสารก็ไม่มี
ทำให้ฉันสงสารแม่ ก็เลยไม่ขอ
แต่เมื่อโตขึ้นมา จึงพบว่า
แม่ของฉันชอบเล่นหวย ซื้อคราวละมาก ๆจึงทำให้ไม่มีเงิน  
ทำให้ฉันมีความรู้ที่ไม่ดีกับแม่
    และเมื่อฉันมีงานทำ
แม่ก็จะทวงบุญคุณจากฉันเสมอ
ด้วยความรู้สึกว่าถูกแม่หลอกว่าไม่มีเงิน แต่มีเงินเล่นหวยจำนวนมาก มาย
จึงทำให้ฉันไม่ให้เงินแม่  อีกอย่างท่านเป็นข้าราชการมีเงินเดือนอยู่แล้วก็เลยไม่ให้
    เมื่อครั้งที่พ่อฉันป่วย
ในขณะที่พ่อของฉันยังนอนบนเตียง ตายังลืมอยู่แต่พูดไม่ได้  
แม่ฉันจะบอกคนที่มาเยี่ยมเสมอ ๆ ว่า นี่ถ้าพ่อฉันตายนะ แม่ฉันจะได้เงินเท่าไร
และในวันที่พ่อฉันตาย
สิ่งแรกที่แม่ฉันทำคือ
เดินทางไปที่ฝ่ายการเงินของที่ทำงานพ่อ เพื่อเช็คว่า จะได้เงินเท่าไร
มันยิ่งทำให้ฉันแอนตี้มากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ฉันมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีกับแม่ ไม่ได้ถึงขนาดด่าทอ หรือว่าทุบตีนะคะ แต่เป็นการเฉยชา
    ทั้งพี่ชาย และ น้องชาย ก็ไม่ได้มาช่วยดูแลแม่นะคะ
ยิ่งแม่พูดว่า  ต้องการเงินอย่างนั้นอย่างนี้ ยิ่งพูดว่า อยากได้มากเท่าไร ดิฉันยิ่งทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น
    หลังจากคุณพ่อเสียไปไม่นานคุณแม่ก็เสียตามไป ประมาณ ๕ ปี ก่อนคุณแม่จะเสีย ดิฉันได้ปรนนิบัติท่าน และท่านได้พูดว่า  “ ......( ชื่อดิฉัน ) ดูแลแม่ดีจัง “  ดิฉันก็เลยตอบไปว่า  “ ถ้าแม่รัก .....แม่จะได้มากกว่านี้อีก “
    เมื่อคุณแม่เสียไป ดิฉัน คือคนที่แม่งานหลักในงานศพคุณแม่  และหลังจากวันเผาศพคุณแม่แค่วันเดียว ก็มีหมายศาลมาติดที่หน้าบ้านพักดิฉัน แจ้งว่าดิฉันเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยคุณพ่อ ได้ไปกู้ยืมเงินจากธนาคาร
ไม่ชำระ จึงขอให้ทายาทรับชอบ  ดิฉันติดต่อพี่น้องทุกคน ว่าดิฉันถูกฟ้องนะ แต่ไม่มีคนไหนสนใจสักคน  ดิฉันก็เลยต้องรับผิดชอบคนเดียว  จริง ๆ แล้ว ปล่อยให้เรื่องมันยืดเยื้อก็ได้ใช่มั้ยคะ  แต่ดิฉันก็ไปรับค่ะ ยินดีจ่ายให้
    จากกรณีของคุณพ่อ คราวนี้ ก็กรณีของคุณแม่ ก็เช่นเดียวกัน  ถูกฟ้องฐานะทายาทอีกแล้ว ดิฉันก็ไปจ่ายชำระหนี้ให้เช่นเดียวกัน เพราะว่า พี่น้อง ไม่มีคนไหนสนใจเลย
    น้องชายของดิฉัน ที่แม่รักมาก ปลื้มมาก เพราะว่าน้องชายรูปร่างหน้าตาดี แต่ปรากฏว่าโตขึ้น ติดการพนันอย่างหนัก ไม่เรียนหนังสือ คอยแต่ขอเงิน ทั้งดิฉัน ทั้งแม่ เป็นเหตุให้ดิฉัน เกิดหนี้สินมากมาย  ทุกวันนี้ ก็ยังมาคอยขออยู่เรื่อย ๆ จนดิฉันว่า  อย่ามาเลย เงินจะกินข้าวพี่ก็ยังไม่มีเลย
    และเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันทำบ้าน  แต่ด้วยที่งานยุ่ง ไม่มีเวลาไปดู ทำให้ถูกโกงเงิน โกงอุปกรณ์ โกงทุกอย่าง จากบ้านราคาล้านกว่า  กลายเป็นเกือบสามล้าน ทำให้ ดิฉันมีหนี้สินมากมาย  ไหนจะหนี้บ้าน ไหนจะหนี้สะสมเก่าอีก  
และ ดิฉันได้ไปค้ำประกันเงินกู้ให้กับคนรู้จักคนหนึ่ง ปรากฏว่า คน ๆ นั้นหนีหนี้ เป็นเหตุให้ดิฉัน ต้องรับผิดชอบ
จากการที่ดิฉันมีหนี้มากอยู่แล้ว ก็มีซ้ำเข้ามาอีก สารภาพเลยค่ะ หลายๆ วัน ต้องทานข้าวกับผักต้ม ต้มพริกใส่หอมใส่น้ำปลา ใส่มะขามเปียก กินแบบนั้นอยู่เป็นอาทิตย์
    น้องชายดิฉันผู้ซึ่งไม่เคยสนใจอะไร ก็มาขอเงินดิฉันอีก  
    อันนี้ คือ ปัญหาเรื่องเงินนะคะ
    ส่วนเรื่องงาน ดิฉันทำงานอะไรก็ไม่เคยสำเร็จสักครั้งเลยค่ะ  ทำงานก็ไม่มีคนคอยสนับสนุน เหนื่อยกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่านัก  ทั้งเหนื่อย ทั้งถูกด่า เสียกำลังใจค่ะ
    รับราชการมา สิบเก้าปี  ได้สองขั้นครั้งเดียวค่ะ  ทำงานทุกอย่างมากกว่าคนอื่น ๆ ในที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ยกตัวเองนะคะ แต่คนอื่น ๆ ก็พูดกัน จนมีการแซวกันว่า ดิฉัน คือ ทาสคนสำคัญของหน่วยงานนี้
เจ้านายไม่เคยเมตตา  ไม่เคยสนับสนุนการทำงานเลย ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดให้ดิฉันดูดีเลย
    รู้สึกเหนื่อยหน่ายการทำงาน การใช้ชีวิตค่ะ
    หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ดิฉันได้พบได้เจอ  มันคือ กรรมที่ดิฉันคิดไม่ดีกับแม่ และ ทำไม่ดีกับแม่ใช่มั้ยคะ
    พอจะมีทางแก้มั้ยคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่