ว่ากันว่าผีและวิญญาณล้วนมีแฝงตัวอยู่ทุกถิ่นที่ และหนึ่งในสถานที่ที่มีการเล่าขานตำนานผี ๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งก็คือ "มหาวิทยาลัย" ซึ่งมีหลายมหาวิทยาลัยที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงเรื่องราวลี้ลับชวนขนหัวลุกเล่าต่อกันมา รวบรวมมาจากเว็บหลายๆเว็บค่ะ ขอบคุณเจ้าของเว็บทุกท่านนะคะ
กระทู้ของเราไม่มีเจตนาให้สถาบันการศึกษานั้นเสียชื่อเสียงนะคะ ต้องขอโทษในที่นี้ค่ะ..
เริ่มกันที่ มหาวิทยาลัยที่ 1 มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ
มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียกได้ว่ามีผีเยอะที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ว่าได้ จากข้อมูลที่ผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านหนึ่งได้เคยอธิบายเอาไว้ บริเวณเมืองเอก (ชื่อสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต) มีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ นัยว่าไม่ดีตามหลักฮวงจุ้ย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างไร้ผู้ดูแล (เช่นบ้านร้าง 9 หลัง และบ้านร้างบันไดแดงสุดโด่งดังของคนชอบลองของทั้งหลาย) ซึ่งผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านนี้ก็ได้เล่าว่าบ้านร้างเหล่านี้เอง ที่จะเรียกพวกภูติ ผี สัมภเวสีเร่ร่อนมาอยู่อาศัย กลับมาเรื่องสยองของมหาวิทยาลัยรังสิตกันต่อ บอกได้เลย ว่าเยอะกว่าที่ไหน ๆ
- ลิฟต์ตึก 3
ตึก 3 นับได้ว่าเป็นตึกที่เก่าที่สุดเป็นอันดับ 2 ของมหาวิทยาลัย ลิฟต์ที่ตึกตอนกลางวันจะใช้งานได้ปกติธรรมดา แต่ตกกลางคืน ลิฟต์จะเปิดเองเป็นประจำ (ถ้าจะบอกว่าลิฟต์มันเสีย ทำไมมาเจาะจงเสียเฉพาะตอนกลางคืนล่ะ ?) หากเรากดชั้นไหน มันจะไม่ค่อยยอมไปตามชั้นที่เรากด เช่น กดชั้น 6 ลิฟต์ดันจอดชั้น 5 (ซึ่งชั้น 5 เป็นชั้นของนิติศาสตร์ เคยมีคนเห็นผู้หญิงชุดขาวในกระจกข้างลิฟต์เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ข้างลิฟต์ชั้นนั้นมันไม่มีกระจก !! ตัวเราก็เคยประสบกับตัวเช่นกัน ยืนรอเพื่อนอยู่ชั้น 5 ตรงริมทางเดิน สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ที่ริมทางเดินของอีกฝั่ง พยายามไม่คิดอะไรบอกตัวเองว่าคงหูฝาด แต่เสียงเดินที่ว่ามันดันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทีนี้เลยไม่รอแล้วเพื่อน ขอลงก่อนโดยฉับพลัน)
- ห้องน้ำหญิง ตึก 5 (วิศวะฯ)
เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแค่ตำนาน แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เมื่อนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ถูกแฟนหนุ่มใหญ่ลากออกมาจากห้องสอบ (สาเหตุคงเรื่องหึงหวง) ฝ่ายชายลากฝ่ายหญิงเข้าไปเคลียร์กันในห้องน้ำ มีเสียงทะเลาะโวยวายกันได้สักพัก ฝ่ายชายก็เอาปืนยิงฝ่ายหญิงก่อนที่จะยิงตัวเองตายตาม ช่วงเกิดเรื่องใหม่ ๆ นี่บอกเลยว่าหลอนโคตร มีคนได้ยินเสียงทะเลาะกันตามด้วยเสียงปืนเวลาเดิม ๆ แทบทุกวัน (เค้าว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะต้องติดอยู่ในลูป ทำเหตุการณ์ซ้ำตอนที่ตายเหมือนเดิมไปเรื่อย ๆ) ห้องน้ำห้องที่ว่าปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง พอเกินเรื่องก็มีสายสิญจน์มาพันรอบ ๆ อีก บอกเลยว่าเดือด
- ลานจอดรถตึก 10
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับนักศึกษาคณะภาพยนตร์กลุ่มหนึ่งที่กำลังถ่ายหนังผีกันอยู่ ขณะถ่ายทำน้องคนที่เป็นผู้กำกับเห็นทีมงานตัวเองคนหนึ่งยืนขวางอยู่ในเฟรม ก็เลยตะโกนบอกให้หลบ ไอ้คนที่ยืนขวางก็มึนยืนเฉยไม่สนอะไร ตาผู้กำกับคนนี้ก็เลยโมโหลุกเดินไปด่าไปเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ แต่พอเดินไปถึง คน ๆ นั้นที่ยืนขวางก็หันมายิ้มแล้วกระโดดตึกร่วงลงหายไปเลย (ตั้งใจจะถ่ายหนังผีดันเจอผีจริง ๆ กลายเป็นตำนานไปพักนึงเลยทีเดียว)
2. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)
- ตึกวิทยาศาสตร์เก่า
เค้าว่าตึกนี้เฮี้ยนทั้งตึก ไล่ตั้งแต่หน้าตึกเลย จะมีชุดครุยใส่ตู้กระจกอยู่ คำนวณจากภายนอกเก่าพอสมควร เห็นว่าเป็นชุดของนักศึกษาคนหนึ่งที่เกิดเสียชีวิตในวันรับปริญญา เลยนำชุดของเธอมาตั้งไว้หน้าตึกให้วิญญาณสงบ
ขึ้นมาข้างบนชั้น 13 เคยมีอาจารย์หัวใจวายตายที่ชั้นนั้น ดึก ๆ อยากรู้มีจริงไหมให้ลองไปเดินแล้วพูด "อาจารย์ เอายาแก้โรคหัวใจมาให้" จุดที่หนักสุดหลาย ๆ คนยกให้ห้องน้ำชั้น 5 ถ้าเข้าคนเดียวจะได้ยินเสียงเคาะประตู บางคนใครดวงดีจริง ๆ ถึงขั้นได้ยินเสียงร้องไห้
- สนามบาส
เคยมีเดือนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งได้เสียชีวิต เดือนคนนี้เป็นนักบาสด้วย ช่วงที่เค้าตายใหม่ ๆ มีคนเล่าว่าเห็นเดือนคนนี้เล่นบาสอยู่ในสนาม เห็นว่าถ้าอยากเจอให้มาเล่นบาสคนเดียวดึก ๆ แล้วจะได้ยินเสียงเดาะบาสเพิ่มขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่เสียงจากลูกบาสของเรา
- ป้ายแม่ตะเคียน
นี่คือเรื่องที่พีคที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้เลยก็ว่าได้ จะมีต้นไม้ใหญ่อยู่แถว ๆ ตึกวิทย์เก่า ที่ต้นไม้นั้นจะมีป้ายไม้เล็ก ๆ อยู่ป้ายหนึ่ง (สังเกตไม่ยาก เพราะของไหว้เพียบ) เล่าว่าป้ายนี้ทำมาจากไม้ตะเคียนและมีนางตะเคียนสถิตอยู่ข้างใน เคยมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปถ่ายรายการแล้วจุดธูป 1 ดอก หนึ่งในนั้นถึงกับร้องไห้แตกขึ้นมากลางวง เธอเล่าให้ฟังทีหลังว่าระหว่างที่จุดธูปไหว้อยู่ เธอเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบโบราณ หน้าขาวปากแดงอยู่ใต้ป้ายไม้ดังกล่าว แล้วหญิงโบราณคนนี้ก็ลอยพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นเธอก็อึดอัด หายใจไม่ออก จนต้องร้องไห้ออกมา
3. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่ พอได้ฟังก็ไม่น่าแปลกใจที่เฮี้ยนคะ ที่นี่ก่อนจะมาเป็นมหาวิทยาลัย เดิมเคยเป็นวังเก่าของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจะเรียกตัวเองว่า "ลูกพระนาง" ครับ คำว่าพระนางในที่นี้ ก็หมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี นั่นเอง เริ่มที่เรื่องแรกกันเลย..
- ใต้ดินตึกศิลปกรรม
ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือก็คือชั้นใต้ดินนั่นเอง ในสมัยยังเป็นวังนั้นที่ตรงนี้เป็นคุกเก่า (ตอนที่ผมไปบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ช่วงตีนบันไดก็ยังพอมีไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเดินไปลึก ๆ นี่มืดตื๋อเลย ตามสองข้างทางก็จะเป็นห้องเรียน ลองมองส่องเข้าไปห้องนึง ป๊ะเข้ากับหุ่นเขียนแบบ หัวใจเกือบวาย) ดึก ๆ เห็นว่ายามจะได้ยินเสียงโซ่ตลอด (น่าจะเป็นโซ่ตรวนที่ล่ามขานักโทษ) เด็กจิตรกรรมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ดึก ๆ เขียนงานไปดูดบุหรี่ไป ยังเคยเจอแม่ (พระนางสุนันทา) มาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ จนสุดท้ายทุกวันนี้ไม่มียามกล้าอยู่เฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึก ๆ เลยแม้แต่คนเดียว
ห้องแกรนด์เปียโน
เรื่องเกิดจากเด็กนาฏศิลป์กลุ่มหนึ่งได้ขึ้นมาทำกิจกรรมในห้องแกรนด์เปียโน แล้วเหมือนว่าไม่ได้มีการบอกกล่าวหรือไหว้ขอนุญาตใด ๆ ในห้องนี้ก่อน (มหาวิทยาลัยนี้ ทุกห้องทุกตึกจะมีบรมครูอยู่ทุก ๆ ที่) นักศึกษาหญิงคนนึงในกลุ่มที่เป็นคนมีเซ้นส์อยู่ดี ๆ ก็เกิดชัก อารมณ์ประมาณว่าของเข้า ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามช่วยเพื่อนที่โดนของเข้าอยู่นั้นเอง ก็มีนักศึกษาหญิงอีกคนเห็นเงาผู้ชายแก่ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เปียโนในห้อง
- พี่จุก
ที่ห้องดนตรีไทยของมหาวิทยาลัย อะไรก็ตามที่เป็นไทย ๆ จะถูกรวบรวมนำมาเก็บไว้ในห้องนี้ โดยของบางอย่างในห้อง ว่ากันว่าเก่าแก่ขนาดตกทอดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นตำหนักเลยทีเดียว ในห้องจะมีกุมารทองอยู่ 2 ตน สีแดงกับสีชมพู สีแดงคือพี่จุก สีชมพูคือเพื่อนเค้า ครั้งหนึ่งระหว่างการรับน้องของคณะ เด็กปี 1 คนหนึ่งเกิดกรี๊ดสนั่นขึ้นมา ก่อนจะตะโกนว่า "กูจะเอาไปด้วย กูจะเอาไปด้วย" มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่จุกที่ไปเข้าสิง เค้าโกรธที่ย้ายห้องดนตรีขึ้นมาบนตึกแล้วไม่เอาเค้าขึ้นไปด้วย เค้าเหงา
- ครูฮอน
ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เป็นชั้นของศิลปะการแสดง ประกอบไปด้วยนาฏศิลป์ไทยกับการละครไทย ครูฮอนเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนี้ เอกนาฏศิลป์ ด้วยความที่รักและผูกพัน ครูฮอนจึงได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ครูฮอนเสียชีวิตไปด้วยโรคปอดติดเชื้อ เรื่องเล่าต่อมา เมื่อประมาณราว ๆ 4 ทุ่ม พี่ยามสองคนก็ได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและไล่เด็กกลับบ้าน มาถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดออก (ปิดไฟมืด เป็นทางเดินยาว ๆ) พี่ยามทั้งสองก็เห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ที่สุดฝั่งทางเดินอีกฝั่ง พี่ยามก็ตะโกนบอก "ทำไมยังไม่กลับบ้าน ตึกปิดแล้วครับ"
คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ไม่ตอบอะไร ยามทั้งสองคนก็เริ่มโมโห เดินเข้าไปหา พอใกล้จะถึงก็ส่องไฟฉายเข้าใส่ พบเป็นผู้ชายยืนอยู่ ยืนแบบปกติเลย ไม่มีเลือดไม่มีอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีท่อนล่าง ตั้งแต่เอวลงไปไม่มีอะไรเลย แล้วสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็รำ ... คาดกันว่า ผู้ชายคนนั้น น่าจะเป็นครูฮอนนั่นเอง
- เนินพระนาง (ใหม่)
เป็นเรื่องเล่าของชมรมเชียร์ลีดเดอร์คะ น้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามีตอนใกล้แข่งที่ต้องอยู่ซ้อมกันดึก ๆ ฝ่ายเต้นก็จะหันหน้าเข้าหาเนินพระนาง หันหลังให้ตึก ระหว่างที่เต้น ๆ อยู่ น้องอีกกลุ่มที่นั่งดูเพื่อนเต้น ก็เห็นที่ตึกฝั่งตรงข้ามมีเงาคนมายืนดูอยู่เต็ม บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งห้อยขา
- เนินพระนาง (เก่า)
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมโดนมากับตัวเลยครับ น่าจะเป็นประสบการณ์เฉียดผีที่สุดแล้ว คือผมเนี่ยต่อให้เห็นผีมาปรากฏแลบลิ้นปลิ้นตาต่อหน้าจริง ๆ ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อว่าโดนผีหลอกเลยครับ เผลอ ๆ ตื่นเช้ามาจะบอกตัวเองด้วยซ้ำว่าแค่ตาฝาด คิดไปเอง (จิตปรุงแต่ง) แต่เรื่องที่ผมไปโดนมาที่สวนสุนันทานั้น บอกได้เลยว่าใกล้เคียงกับคำว่าปาฏิหาริย์เลยล่ะ
นี่เป็นเรื่องที่เจ้าของเว็บเป็นคนเล่านะคะ
ตอนแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนผมโดนมาก่อนครับ น้องมายด์ สตรอว์เบอรี่ชีสเค้ก เธอเรียนนิเทศฯ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ครั้งหนึ่งตอนรับน้องก็ได้ซื้อธูปมา กะจะไปไหว้พระนางกัน ระหว่างเดินในช่องทางเดิน (เนินพระนางเก่าจะอยู่หลังตึกนิเทศฯ ช่องทางเดินที่ว่าจะลอดผ่านตึกนิเทศฯ ไปยังเนินพระนาง เด็กนิเทศฯ จะเรียกหลืบนิเทศฯ) เพื่อนมายด์เค้าก็จุดธูปขึ้นมาลอง 1 ดอก มายด์เป็นคนเหม็นธูปก็เลยโวยวาย ก่อนจะดึงธูปในมือเพื่อนมาปักลงดินที่หน้าเนินพระนาง มายด์เล่าให้ฟังว่าทันทีที่ปักธูปลมพัดแรงมาก พัดแรงปานพายุย่อม ๆ จนเพื่อน ๆ ต้องรีบขอขมาแม่กันยกใหญ่
ผมมีโอกาสได้ไปลองทำเลียนแบบเรื่องนี้มาครับ เวลาประมาณ 4 ทุ่มเกือบ ๆ 5 ทุ่ม จะเจอผีก็ประมาณนี้แหละกำลังดี ยืนหน้าเนินพระนาง จุดธูปขึ้นมา 1 ดอก (จุดธูป 1 ดอกตำราว่าคือการเรียกผี) ก่อนจะปักก็เช็กสภาพลมรอบตัวอย่างดีครับ สงบนิ่งเลย ไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พอปักดินเข้าเท่านั้นละครับ อย่างกับพล็อตหนังสยองขวัญ ลมพัดมาทันที แล้วไม่ใช่แบบค่อย ๆ พัดด้วย มาแบบกระโชกโฮกฮากเลย บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องผีครับ มาเป็นตัวก็ไม่เชื่อ แต่กรณีนี้ยังไงก็ไม่มีทางคิดไปเองได้แน่ ๆ ครับ นี่เข้าข่ายวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้แบบจะแจ้ง ถึงตรงนี้ทำอะไรไม่ถูกครับ โทรถามเพื่อนเลย เพื่อนผมบอกอย่าดับธูปเด็ดขาด ถ้าดับธูปเหมือนเรียกเค้ามาแล้วไล่เค้ากลับแบบหมูแบบหมา ต้องลาเค้าดี ๆ ก่อน ผมก็ซื้อน้ำแดงซื้อดอกไม้มาขอขมาตามสเต็ป ก่อนรอให้ธูปดับไปเองตามธรรมชาติของมันครับ
ที่เล่ามานี่ไม่ใช่ให้ไปลองของที่เนินพระนางกันนะครับ คือที่มหาวิทยาลัยนี้นี่เค้านับถือแม่กันมาก ไปลองสุ่มสี่สุมห้าอาจจะไม่ได้เจอแค่ผี อาจจะโดนตีนเด็กนักศึกษาที่นั่นเอาได้ 55555 พระนางศักดิ์สิทธิ์มากครับ เด็กที่นี่คนไหนมีคิวจะทำกิจกรรมอะไรเค้าจะมาไหว้แม่ตั้งแต่ตีห้า น้องคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังตอนที่ไปลองปักธูป น้องเค้าบอกเดินมาตอนตีห้ากะมาไหว้แม่ มองขึ้นไปบนเนินเห็นนางรำ รำอยู่ห้าคน ผมก็ถาม เฮ้ย ! เห็นแล้วทำไงต่อ น้องมันบอกก็ยืนดูจนเค้ารำเสร็จ แล้วเค้าก็ค่อย ๆ จางหายไป (แหม่... เป็นกูนี่วิ่งตั้งแต่เห็นละ)
#ยังมีอีกนะคะ ติดตามกันเยอะๆนะคะ
เรื่องเล่าขนหัวลุก ตำนานเฮี้ยนในมหาวิทยาลัย
กระทู้ของเราไม่มีเจตนาให้สถาบันการศึกษานั้นเสียชื่อเสียงนะคะ ต้องขอโทษในที่นี้ค่ะ..
เริ่มกันที่ มหาวิทยาลัยที่ 1 มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ
มหาวิทยาลัยรังสิต นับเป็นมหาวิทยาลัยที่เรียกได้ว่ามีผีเยอะที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ว่าได้ จากข้อมูลที่ผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านหนึ่งได้เคยอธิบายเอาไว้ บริเวณเมืองเอก (ชื่อสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรังสิต) มีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ นัยว่าไม่ดีตามหลักฮวงจุ้ย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างไร้ผู้ดูแล (เช่นบ้านร้าง 9 หลัง และบ้านร้างบันไดแดงสุดโด่งดังของคนชอบลองของทั้งหลาย) ซึ่งผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านนี้ก็ได้เล่าว่าบ้านร้างเหล่านี้เอง ที่จะเรียกพวกภูติ ผี สัมภเวสีเร่ร่อนมาอยู่อาศัย กลับมาเรื่องสยองของมหาวิทยาลัยรังสิตกันต่อ บอกได้เลย ว่าเยอะกว่าที่ไหน ๆ
- ลิฟต์ตึก 3
ตึก 3 นับได้ว่าเป็นตึกที่เก่าที่สุดเป็นอันดับ 2 ของมหาวิทยาลัย ลิฟต์ที่ตึกตอนกลางวันจะใช้งานได้ปกติธรรมดา แต่ตกกลางคืน ลิฟต์จะเปิดเองเป็นประจำ (ถ้าจะบอกว่าลิฟต์มันเสีย ทำไมมาเจาะจงเสียเฉพาะตอนกลางคืนล่ะ ?) หากเรากดชั้นไหน มันจะไม่ค่อยยอมไปตามชั้นที่เรากด เช่น กดชั้น 6 ลิฟต์ดันจอดชั้น 5 (ซึ่งชั้น 5 เป็นชั้นของนิติศาสตร์ เคยมีคนเห็นผู้หญิงชุดขาวในกระจกข้างลิฟต์เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ข้างลิฟต์ชั้นนั้นมันไม่มีกระจก !! ตัวเราก็เคยประสบกับตัวเช่นกัน ยืนรอเพื่อนอยู่ชั้น 5 ตรงริมทางเดิน สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ที่ริมทางเดินของอีกฝั่ง พยายามไม่คิดอะไรบอกตัวเองว่าคงหูฝาด แต่เสียงเดินที่ว่ามันดันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทีนี้เลยไม่รอแล้วเพื่อน ขอลงก่อนโดยฉับพลัน)
- ห้องน้ำหญิง ตึก 5 (วิศวะฯ)
เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นแค่ตำนาน แต่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เมื่อนักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ถูกแฟนหนุ่มใหญ่ลากออกมาจากห้องสอบ (สาเหตุคงเรื่องหึงหวง) ฝ่ายชายลากฝ่ายหญิงเข้าไปเคลียร์กันในห้องน้ำ มีเสียงทะเลาะโวยวายกันได้สักพัก ฝ่ายชายก็เอาปืนยิงฝ่ายหญิงก่อนที่จะยิงตัวเองตายตาม ช่วงเกิดเรื่องใหม่ ๆ นี่บอกเลยว่าหลอนโคตร มีคนได้ยินเสียงทะเลาะกันตามด้วยเสียงปืนเวลาเดิม ๆ แทบทุกวัน (เค้าว่าคนที่ฆ่าตัวตายจะต้องติดอยู่ในลูป ทำเหตุการณ์ซ้ำตอนที่ตายเหมือนเดิมไปเรื่อย ๆ) ห้องน้ำห้องที่ว่าปกติก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง พอเกินเรื่องก็มีสายสิญจน์มาพันรอบ ๆ อีก บอกเลยว่าเดือด
- ลานจอดรถตึก 10
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับนักศึกษาคณะภาพยนตร์กลุ่มหนึ่งที่กำลังถ่ายหนังผีกันอยู่ ขณะถ่ายทำน้องคนที่เป็นผู้กำกับเห็นทีมงานตัวเองคนหนึ่งยืนขวางอยู่ในเฟรม ก็เลยตะโกนบอกให้หลบ ไอ้คนที่ยืนขวางก็มึนยืนเฉยไม่สนอะไร ตาผู้กำกับคนนี้ก็เลยโมโหลุกเดินไปด่าไปเตรียมเอาเรื่องเต็มที่ แต่พอเดินไปถึง คน ๆ นั้นที่ยืนขวางก็หันมายิ้มแล้วกระโดดตึกร่วงลงหายไปเลย (ตั้งใจจะถ่ายหนังผีดันเจอผีจริง ๆ กลายเป็นตำนานไปพักนึงเลยทีเดียว)
2. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)
- ตึกวิทยาศาสตร์เก่า
เค้าว่าตึกนี้เฮี้ยนทั้งตึก ไล่ตั้งแต่หน้าตึกเลย จะมีชุดครุยใส่ตู้กระจกอยู่ คำนวณจากภายนอกเก่าพอสมควร เห็นว่าเป็นชุดของนักศึกษาคนหนึ่งที่เกิดเสียชีวิตในวันรับปริญญา เลยนำชุดของเธอมาตั้งไว้หน้าตึกให้วิญญาณสงบ
ขึ้นมาข้างบนชั้น 13 เคยมีอาจารย์หัวใจวายตายที่ชั้นนั้น ดึก ๆ อยากรู้มีจริงไหมให้ลองไปเดินแล้วพูด "อาจารย์ เอายาแก้โรคหัวใจมาให้" จุดที่หนักสุดหลาย ๆ คนยกให้ห้องน้ำชั้น 5 ถ้าเข้าคนเดียวจะได้ยินเสียงเคาะประตู บางคนใครดวงดีจริง ๆ ถึงขั้นได้ยินเสียงร้องไห้
- สนามบาส
เคยมีเดือนมหาวิทยาลัยคนหนึ่งได้เสียชีวิต เดือนคนนี้เป็นนักบาสด้วย ช่วงที่เค้าตายใหม่ ๆ มีคนเล่าว่าเห็นเดือนคนนี้เล่นบาสอยู่ในสนาม เห็นว่าถ้าอยากเจอให้มาเล่นบาสคนเดียวดึก ๆ แล้วจะได้ยินเสียงเดาะบาสเพิ่มขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่เสียงจากลูกบาสของเรา
- ป้ายแม่ตะเคียน
นี่คือเรื่องที่พีคที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้เลยก็ว่าได้ จะมีต้นไม้ใหญ่อยู่แถว ๆ ตึกวิทย์เก่า ที่ต้นไม้นั้นจะมีป้ายไม้เล็ก ๆ อยู่ป้ายหนึ่ง (สังเกตไม่ยาก เพราะของไหว้เพียบ) เล่าว่าป้ายนี้ทำมาจากไม้ตะเคียนและมีนางตะเคียนสถิตอยู่ข้างใน เคยมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปถ่ายรายการแล้วจุดธูป 1 ดอก หนึ่งในนั้นถึงกับร้องไห้แตกขึ้นมากลางวง เธอเล่าให้ฟังทีหลังว่าระหว่างที่จุดธูปไหว้อยู่ เธอเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบโบราณ หน้าขาวปากแดงอยู่ใต้ป้ายไม้ดังกล่าว แล้วหญิงโบราณคนนี้ก็ลอยพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นเธอก็อึดอัด หายใจไม่ออก จนต้องร้องไห้ออกมา
3. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่ พอได้ฟังก็ไม่น่าแปลกใจที่เฮี้ยนคะ ที่นี่ก่อนจะมาเป็นมหาวิทยาลัย เดิมเคยเป็นวังเก่าของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจะเรียกตัวเองว่า "ลูกพระนาง" ครับ คำว่าพระนางในที่นี้ ก็หมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี นั่นเอง เริ่มที่เรื่องแรกกันเลย..
- ใต้ดินตึกศิลปกรรม
ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือก็คือชั้นใต้ดินนั่นเอง ในสมัยยังเป็นวังนั้นที่ตรงนี้เป็นคุกเก่า (ตอนที่ผมไปบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ช่วงตีนบันไดก็ยังพอมีไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเดินไปลึก ๆ นี่มืดตื๋อเลย ตามสองข้างทางก็จะเป็นห้องเรียน ลองมองส่องเข้าไปห้องนึง ป๊ะเข้ากับหุ่นเขียนแบบ หัวใจเกือบวาย) ดึก ๆ เห็นว่ายามจะได้ยินเสียงโซ่ตลอด (น่าจะเป็นโซ่ตรวนที่ล่ามขานักโทษ) เด็กจิตรกรรมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ดึก ๆ เขียนงานไปดูดบุหรี่ไป ยังเคยเจอแม่ (พระนางสุนันทา) มาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ จนสุดท้ายทุกวันนี้ไม่มียามกล้าอยู่เฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึก ๆ เลยแม้แต่คนเดียว
ห้องแกรนด์เปียโน
เรื่องเกิดจากเด็กนาฏศิลป์กลุ่มหนึ่งได้ขึ้นมาทำกิจกรรมในห้องแกรนด์เปียโน แล้วเหมือนว่าไม่ได้มีการบอกกล่าวหรือไหว้ขอนุญาตใด ๆ ในห้องนี้ก่อน (มหาวิทยาลัยนี้ ทุกห้องทุกตึกจะมีบรมครูอยู่ทุก ๆ ที่) นักศึกษาหญิงคนนึงในกลุ่มที่เป็นคนมีเซ้นส์อยู่ดี ๆ ก็เกิดชัก อารมณ์ประมาณว่าของเข้า ขณะที่ทุกคนกำลังพยายามช่วยเพื่อนที่โดนของเข้าอยู่นั้นเอง ก็มีนักศึกษาหญิงอีกคนเห็นเงาผู้ชายแก่ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เปียโนในห้อง
- พี่จุก
ที่ห้องดนตรีไทยของมหาวิทยาลัย อะไรก็ตามที่เป็นไทย ๆ จะถูกรวบรวมนำมาเก็บไว้ในห้องนี้ โดยของบางอย่างในห้อง ว่ากันว่าเก่าแก่ขนาดตกทอดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นตำหนักเลยทีเดียว ในห้องจะมีกุมารทองอยู่ 2 ตน สีแดงกับสีชมพู สีแดงคือพี่จุก สีชมพูคือเพื่อนเค้า ครั้งหนึ่งระหว่างการรับน้องของคณะ เด็กปี 1 คนหนึ่งเกิดกรี๊ดสนั่นขึ้นมา ก่อนจะตะโกนว่า "กูจะเอาไปด้วย กูจะเอาไปด้วย" มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่จุกที่ไปเข้าสิง เค้าโกรธที่ย้ายห้องดนตรีขึ้นมาบนตึกแล้วไม่เอาเค้าขึ้นไปด้วย เค้าเหงา
- ครูฮอน
ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เป็นชั้นของศิลปะการแสดง ประกอบไปด้วยนาฏศิลป์ไทยกับการละครไทย ครูฮอนเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนี้ เอกนาฏศิลป์ ด้วยความที่รักและผูกพัน ครูฮอนจึงได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ครูฮอนเสียชีวิตไปด้วยโรคปอดติดเชื้อ เรื่องเล่าต่อมา เมื่อประมาณราว ๆ 4 ทุ่ม พี่ยามสองคนก็ได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและไล่เด็กกลับบ้าน มาถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดออก (ปิดไฟมืด เป็นทางเดินยาว ๆ) พี่ยามทั้งสองก็เห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ที่สุดฝั่งทางเดินอีกฝั่ง พี่ยามก็ตะโกนบอก "ทำไมยังไม่กลับบ้าน ตึกปิดแล้วครับ"
คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ไม่ตอบอะไร ยามทั้งสองคนก็เริ่มโมโห เดินเข้าไปหา พอใกล้จะถึงก็ส่องไฟฉายเข้าใส่ พบเป็นผู้ชายยืนอยู่ ยืนแบบปกติเลย ไม่มีเลือดไม่มีอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีท่อนล่าง ตั้งแต่เอวลงไปไม่มีอะไรเลย แล้วสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็รำ ... คาดกันว่า ผู้ชายคนนั้น น่าจะเป็นครูฮอนนั่นเอง
- เนินพระนาง (ใหม่)
เป็นเรื่องเล่าของชมรมเชียร์ลีดเดอร์คะ น้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามีตอนใกล้แข่งที่ต้องอยู่ซ้อมกันดึก ๆ ฝ่ายเต้นก็จะหันหน้าเข้าหาเนินพระนาง หันหลังให้ตึก ระหว่างที่เต้น ๆ อยู่ น้องอีกกลุ่มที่นั่งดูเพื่อนเต้น ก็เห็นที่ตึกฝั่งตรงข้ามมีเงาคนมายืนดูอยู่เต็ม บ้างก็ยืน บ้างก็นั่งห้อยขา
- เนินพระนาง (เก่า)
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมโดนมากับตัวเลยครับ น่าจะเป็นประสบการณ์เฉียดผีที่สุดแล้ว คือผมเนี่ยต่อให้เห็นผีมาปรากฏแลบลิ้นปลิ้นตาต่อหน้าจริง ๆ ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อว่าโดนผีหลอกเลยครับ เผลอ ๆ ตื่นเช้ามาจะบอกตัวเองด้วยซ้ำว่าแค่ตาฝาด คิดไปเอง (จิตปรุงแต่ง) แต่เรื่องที่ผมไปโดนมาที่สวนสุนันทานั้น บอกได้เลยว่าใกล้เคียงกับคำว่าปาฏิหาริย์เลยล่ะ
นี่เป็นเรื่องที่เจ้าของเว็บเป็นคนเล่านะคะ
ตอนแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนผมโดนมาก่อนครับ น้องมายด์ สตรอว์เบอรี่ชีสเค้ก เธอเรียนนิเทศฯ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ครั้งหนึ่งตอนรับน้องก็ได้ซื้อธูปมา กะจะไปไหว้พระนางกัน ระหว่างเดินในช่องทางเดิน (เนินพระนางเก่าจะอยู่หลังตึกนิเทศฯ ช่องทางเดินที่ว่าจะลอดผ่านตึกนิเทศฯ ไปยังเนินพระนาง เด็กนิเทศฯ จะเรียกหลืบนิเทศฯ) เพื่อนมายด์เค้าก็จุดธูปขึ้นมาลอง 1 ดอก มายด์เป็นคนเหม็นธูปก็เลยโวยวาย ก่อนจะดึงธูปในมือเพื่อนมาปักลงดินที่หน้าเนินพระนาง มายด์เล่าให้ฟังว่าทันทีที่ปักธูปลมพัดแรงมาก พัดแรงปานพายุย่อม ๆ จนเพื่อน ๆ ต้องรีบขอขมาแม่กันยกใหญ่
ผมมีโอกาสได้ไปลองทำเลียนแบบเรื่องนี้มาครับ เวลาประมาณ 4 ทุ่มเกือบ ๆ 5 ทุ่ม จะเจอผีก็ประมาณนี้แหละกำลังดี ยืนหน้าเนินพระนาง จุดธูปขึ้นมา 1 ดอก (จุดธูป 1 ดอกตำราว่าคือการเรียกผี) ก่อนจะปักก็เช็กสภาพลมรอบตัวอย่างดีครับ สงบนิ่งเลย ไม่หือไม่อือใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พอปักดินเข้าเท่านั้นละครับ อย่างกับพล็อตหนังสยองขวัญ ลมพัดมาทันที แล้วไม่ใช่แบบค่อย ๆ พัดด้วย มาแบบกระโชกโฮกฮากเลย บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องผีครับ มาเป็นตัวก็ไม่เชื่อ แต่กรณีนี้ยังไงก็ไม่มีทางคิดไปเองได้แน่ ๆ ครับ นี่เข้าข่ายวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้แบบจะแจ้ง ถึงตรงนี้ทำอะไรไม่ถูกครับ โทรถามเพื่อนเลย เพื่อนผมบอกอย่าดับธูปเด็ดขาด ถ้าดับธูปเหมือนเรียกเค้ามาแล้วไล่เค้ากลับแบบหมูแบบหมา ต้องลาเค้าดี ๆ ก่อน ผมก็ซื้อน้ำแดงซื้อดอกไม้มาขอขมาตามสเต็ป ก่อนรอให้ธูปดับไปเองตามธรรมชาติของมันครับ
ที่เล่ามานี่ไม่ใช่ให้ไปลองของที่เนินพระนางกันนะครับ คือที่มหาวิทยาลัยนี้นี่เค้านับถือแม่กันมาก ไปลองสุ่มสี่สุมห้าอาจจะไม่ได้เจอแค่ผี อาจจะโดนตีนเด็กนักศึกษาที่นั่นเอาได้ 55555 พระนางศักดิ์สิทธิ์มากครับ เด็กที่นี่คนไหนมีคิวจะทำกิจกรรมอะไรเค้าจะมาไหว้แม่ตั้งแต่ตีห้า น้องคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังตอนที่ไปลองปักธูป น้องเค้าบอกเดินมาตอนตีห้ากะมาไหว้แม่ มองขึ้นไปบนเนินเห็นนางรำ รำอยู่ห้าคน ผมก็ถาม เฮ้ย ! เห็นแล้วทำไงต่อ น้องมันบอกก็ยืนดูจนเค้ารำเสร็จ แล้วเค้าก็ค่อย ๆ จางหายไป (แหม่... เป็นกูนี่วิ่งตั้งแต่เห็นละ)
#ยังมีอีกนะคะ ติดตามกันเยอะๆนะคะ