สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่น่าสนใจ มาเล่าสู่กันฟังครับ
เกี่ยวกับสิ่งของที่สวมใส่ เอาไว้คุ้มปกป้องศรีษะของเรา
ไม่ได้มารีวิวนะครับ เพราะเลิกแล้ว
แต่ยังไม่เลิกซื้อหา ยังไงก็ต้องซื้อมาใส่อยู่เรื่อยๆ
นั่นคือ หมวกกันน็อค
เป็นหมวกระดับพรีเมี่ยม สองยี่ห้อ สองสัญชาติ
หมวกเยอรมัน กับ หมวกญี่ปุ่น
สองรุ่นที่เป็นคู่ปรับ ที่มักเอามาเปรียบเทียบกัน
ใบแรก หมวกจากเยอรมัน SCHUBERTH รุ่น S2
ใบที่สอง หมวกจากญี่ปุ่น SHOEI รุ่น GT-AIR
สองรุ่นนี้สวมใส่ใช้งาน ผลจะออกมาเป็นยังไง ?
ตามผมมาครับ
เส้นทางที่ใช้เดินทาง เป็นทางโล่งยาวๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพ
ทางหลวงหมายเลข 340 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี
คราวนี้ผมเอาไปด้วยทั้งสองใบ ใส่สลับกัน
ลองเปรียบเทียบ จับอาการดูกันไปเลยครับ
หมวกใบแรก SHOEI GT-AIR
ข้อมูลต่างๆอ่านเอาได้จากเว็บผู้ผลิตเลยครับ
http://jp.shoei.com/products/en/helmet_detail.php?id=404
สัมผัสแรก คือ สวมใส่แน่น ฟองน้ำจะแข็งหน่อย ใส่สบาย
แต่ใส่นานๆที่เคยไปทริปทางไกล จะกดหน้าผากเล็กน้อย
มุมมองกว้าง ทัศนวิสัย ดีเยี่ยม ชิลด์หน้ากากใสแจ๋ว ไม่หลอกสายตา
มีอ๊อฟชั่นเสริม เป็นเลนส์กันแดด เลื่อนขึ้นลงได้
เวลาเลื่อนลงมาใช้งาน จะกรองแสงได้ดี เหมือนกำลังสวมใส่แว่นกันแดด
แต่ยังสู้ชิลด์หน้ากากแบบสีดำไม่ได้ครับ
การเก็บลมและเสียง ทำได้ดีกว่าหมวกทั่วๆไป
แต่ไม่ได้เงียบสนิท มันก็มีเสียงลมที่ปะทะเข้ามากับตัวหมวก
เวลาเบี่ยงหน้าไปทางขวาเล็กน้อย จะมีเสียงลมแทรกเข้ามาทางจุดเลื่อนชิลด์กันแดด
เสียงดัง ฟี๊ดๆ
ไม่มีแรงลมตีย้อนเข้ามาในหมวกสักเท่าไหร่ ถือว่าทำมาได้ดีมาก
ลองไล่ไต่ความเร็วขึ้นไปจนหมดปลอกคันเร่ง ตามไมล์อ่อนๆ
เข็มไมล์ชี้ไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 140-150 (ความเร็วจริงคงประมาณ 100-105)
หมวกนิ่งมากๆ ไม่มีส่าย /สั่น แต่อย่างใด
ลู่ลมดี ไม่มีอาการต้องเกร็งต้นคอ
พอจัดท่านั่งใหม่ ก้มหมอบตัวลงไป หมวกจะนิ่งสนิท แหวกลมไปแบบชิลๆเลยครับ
น้ำหนักของหมวกสเปกญี่ปุ่น ถือว่าเบาใช้ได้ อยู่ที่ 1500 กรัมกว่าๆ
หมวกตัวที่หนักมากๆจะเป็นหมวกสเปกอเมริกานะครับ
หมวกใบที่สอง SCHUBERTH S2
ข้อมูลต่างๆอ่านเอาได้จากเว็บผู้ผลิตเลยครับ
http://www.schuberth.com/en/motorcycle/s2-sport.html
สัมผัสแรกเลย หมวกเบาดี ฟองน้ำภายในนุ่มสบายมากๆ
นุ่มสบายกว่า SHOEI ARAI
มุมมองกว้างมาก ทัศนวิสัยจัดว่าดีเยี่ยม
กว้างถึงขนาดตอนใส่ มองเห็นถึงปากกันเลยทีเดียว
ตัวนี้ก็มีอ๊อฟชั่นเสริม เป็นเลนส์กันแดด เลื่อนขึ้นลงได้เหมือนกัน ไม่หลอกสายตา
เวลาเบี่ยงหน้าไปทางขวา ก็มีเสียงลมฟิ้วๆฟี๊ดๆ เล็ดลอดผ่านเข้ามาตรงจุดเลื่อนเลนส์กันแดด
การเก็บลมและเสียง ทำได้ดีพอๆกันกับหมวกรุ่น GT-AIR
แต่มีลมตีย้อนขึ้นมาในหมวกเล็กน้อย ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆคาง
ไม่มีเสียงลมวี๊ดๆจี๊ดๆให้น่ารำคาญใจ
หมวกตัวนี้ค่อนข้างแหวกลมได้ดีมากๆ ดีกว่ารุ่น GT-AIR เล็กน้อย
ไม่ส่าย ไม่สั่น แต่อย่างใด นิ่งสนิทจริงๆ
โดยรวมๆแล้ว ใส่สบายกว่าหมวกจากค่ายญี่ปุ่น ทุกรุ่น ที่ผมเคยซื้อมาใส่ครับ
ปล.หมวกปี2015 สายรัดคางเปลี่ยนเป็นแบบห่วง DD-RING แล้วครับ
สุดท้าย กลับมาถึงบ้าน ก็เอามาผึ่งลมให้แห้งสนิท
ช่วยลดกลิ่นเหม็นอับไปได้ ยืดระยะเวลาการซักไปได้พอสมควร
แต่ยังไง ก็ต้องเอาออกมาซักอยู่ดีนั่นแหละ
ไม่ต้องไปซื้อน้ำยงน้ำยาอะไรแพงๆมาฉีดให้เปลืองเงินครับ
ท้ายสุด หวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ หากเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้เลย ไม่ต้องร้องขอ
แล้วพบกันใหม่ในคราวหน้านะครับ
@_^
" ซื้อมา ใส่ขี่ไป กลับมาโม้ให้ฟัง " หมวกกันน็อคเกรดพรีเมี่ยม SHOEI GT-AIR VS SCHUBERTH S2
วันนี้ผมมีเรื่องราวที่น่าสนใจ มาเล่าสู่กันฟังครับ
เกี่ยวกับสิ่งของที่สวมใส่ เอาไว้คุ้มปกป้องศรีษะของเรา
ไม่ได้มารีวิวนะครับ เพราะเลิกแล้ว
แต่ยังไม่เลิกซื้อหา ยังไงก็ต้องซื้อมาใส่อยู่เรื่อยๆ
นั่นคือ หมวกกันน็อค
เป็นหมวกระดับพรีเมี่ยม สองยี่ห้อ สองสัญชาติ
หมวกเยอรมัน กับ หมวกญี่ปุ่น
สองรุ่นที่เป็นคู่ปรับ ที่มักเอามาเปรียบเทียบกัน
ใบแรก หมวกจากเยอรมัน SCHUBERTH รุ่น S2
ใบที่สอง หมวกจากญี่ปุ่น SHOEI รุ่น GT-AIR
สองรุ่นนี้สวมใส่ใช้งาน ผลจะออกมาเป็นยังไง ?
ตามผมมาครับ
เส้นทางที่ใช้เดินทาง เป็นทางโล่งยาวๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพ
ทางหลวงหมายเลข 340 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี
คราวนี้ผมเอาไปด้วยทั้งสองใบ ใส่สลับกัน
ลองเปรียบเทียบ จับอาการดูกันไปเลยครับ
หมวกใบแรก SHOEI GT-AIR
ข้อมูลต่างๆอ่านเอาได้จากเว็บผู้ผลิตเลยครับ http://jp.shoei.com/products/en/helmet_detail.php?id=404
สัมผัสแรก คือ สวมใส่แน่น ฟองน้ำจะแข็งหน่อย ใส่สบาย
แต่ใส่นานๆที่เคยไปทริปทางไกล จะกดหน้าผากเล็กน้อย
มุมมองกว้าง ทัศนวิสัย ดีเยี่ยม ชิลด์หน้ากากใสแจ๋ว ไม่หลอกสายตา
มีอ๊อฟชั่นเสริม เป็นเลนส์กันแดด เลื่อนขึ้นลงได้
เวลาเลื่อนลงมาใช้งาน จะกรองแสงได้ดี เหมือนกำลังสวมใส่แว่นกันแดด
แต่ยังสู้ชิลด์หน้ากากแบบสีดำไม่ได้ครับ
การเก็บลมและเสียง ทำได้ดีกว่าหมวกทั่วๆไป
แต่ไม่ได้เงียบสนิท มันก็มีเสียงลมที่ปะทะเข้ามากับตัวหมวก
เวลาเบี่ยงหน้าไปทางขวาเล็กน้อย จะมีเสียงลมแทรกเข้ามาทางจุดเลื่อนชิลด์กันแดด
เสียงดัง ฟี๊ดๆ
ไม่มีแรงลมตีย้อนเข้ามาในหมวกสักเท่าไหร่ ถือว่าทำมาได้ดีมาก
ลองไล่ไต่ความเร็วขึ้นไปจนหมดปลอกคันเร่ง ตามไมล์อ่อนๆ
เข็มไมล์ชี้ไปป้วนเปี้ยนอยู่ที่ 140-150 (ความเร็วจริงคงประมาณ 100-105)
หมวกนิ่งมากๆ ไม่มีส่าย /สั่น แต่อย่างใด
ลู่ลมดี ไม่มีอาการต้องเกร็งต้นคอ
พอจัดท่านั่งใหม่ ก้มหมอบตัวลงไป หมวกจะนิ่งสนิท แหวกลมไปแบบชิลๆเลยครับ
น้ำหนักของหมวกสเปกญี่ปุ่น ถือว่าเบาใช้ได้ อยู่ที่ 1500 กรัมกว่าๆ
หมวกตัวที่หนักมากๆจะเป็นหมวกสเปกอเมริกานะครับ
หมวกใบที่สอง SCHUBERTH S2
ข้อมูลต่างๆอ่านเอาได้จากเว็บผู้ผลิตเลยครับ http://www.schuberth.com/en/motorcycle/s2-sport.html
สัมผัสแรกเลย หมวกเบาดี ฟองน้ำภายในนุ่มสบายมากๆ
นุ่มสบายกว่า SHOEI ARAI
มุมมองกว้างมาก ทัศนวิสัยจัดว่าดีเยี่ยม
กว้างถึงขนาดตอนใส่ มองเห็นถึงปากกันเลยทีเดียว
ตัวนี้ก็มีอ๊อฟชั่นเสริม เป็นเลนส์กันแดด เลื่อนขึ้นลงได้เหมือนกัน ไม่หลอกสายตา
เวลาเบี่ยงหน้าไปทางขวา ก็มีเสียงลมฟิ้วๆฟี๊ดๆ เล็ดลอดผ่านเข้ามาตรงจุดเลื่อนเลนส์กันแดด
การเก็บลมและเสียง ทำได้ดีพอๆกันกับหมวกรุ่น GT-AIR
แต่มีลมตีย้อนขึ้นมาในหมวกเล็กน้อย ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆคาง
ไม่มีเสียงลมวี๊ดๆจี๊ดๆให้น่ารำคาญใจ
หมวกตัวนี้ค่อนข้างแหวกลมได้ดีมากๆ ดีกว่ารุ่น GT-AIR เล็กน้อย
ไม่ส่าย ไม่สั่น แต่อย่างใด นิ่งสนิทจริงๆ
โดยรวมๆแล้ว ใส่สบายกว่าหมวกจากค่ายญี่ปุ่น ทุกรุ่น ที่ผมเคยซื้อมาใส่ครับ
ปล.หมวกปี2015 สายรัดคางเปลี่ยนเป็นแบบห่วง DD-RING แล้วครับ
สุดท้าย กลับมาถึงบ้าน ก็เอามาผึ่งลมให้แห้งสนิท
ช่วยลดกลิ่นเหม็นอับไปได้ ยืดระยะเวลาการซักไปได้พอสมควร
แต่ยังไง ก็ต้องเอาออกมาซักอยู่ดีนั่นแหละ
ไม่ต้องไปซื้อน้ำยงน้ำยาอะไรแพงๆมาฉีดให้เปลืองเงินครับ
ท้ายสุด หวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ หากเป็นประโยชน์ นำไปใช้ได้เลย ไม่ต้องร้องขอ
แล้วพบกันใหม่ในคราวหน้านะครับ
@_^