ลองคุยกับเพื่อนสมาชิกในนี้ดูนะ เผื่อจะได้แนวคิดและมุมมองใหม่ๆ
ผมเอง จริงๆ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะผมคิดว่าชายหญิงเราเท่าเทียมกัน ฟังดูมันสั้นนะ แต่อยากให้คำสั้นๆ คำนั้นซึมลึกลงไปในความคิด ในจิตใจ ให้เข้าใจ ไตร่ตรองช้าๆ ก่อน ไม่ใช่แค่ฟังผ่านๆ
เรื่องบางเรื่อง ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพ (ร่างกาย) เราก็ให้สิทธิ์พิเศษกับสุภาพสตรี เด็ก หรือคนแก่ (เป็นมารยาทที่ถือกันว่าควรทำ) แต่กับเรื่องการหาเงิน ใช้ชีวิต ปัจจุบันผู้หญิงไทยเรา มีตำแหน่งหน้าที่การงานทัดเทียม หรือสูงกว่าผู้ชายหลายๆ คนเสียอีก และผมเชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆ คนก็อยากได้ความเคารพ และนับถือจากความสามารถ เทียบเท่าผู้ชายคนนึง ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
คงไม่ใช่ว่า บางเรื่องจะเท่าเทียม แต่บางเรื่องจะอ้างขอสิทธิพิเศษเพราะความเป็นผู้หญิง
ที่ไม่เข้าใจเลยคือ คำที่ว่า "เมิงก็เลี้ยงๆ เค้าไปเถอะ มีอะไรกับเค้าก็เลี้ยงเค้าหน่อย"
เอาจริงเหรอครับ?
ส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่า sex เป็นกำไร เป็นอะไรที่ "ได้" เลย มันคือความพึงพอใจร่วมกัน คือ mutual consent พูดกันแบบไม่แอ๊บ โตๆ กันแล้ว คุณสภาพสตรีก็มีความสุขในเพศรสได้ไม่น้อยกว่าผู้ชาย และมีความสัมพันธ์หลายๆ คู่ที่เกิดปัญหาจากการที่ฝ่ายชายไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทางเพศของฝ่ายหญิงได้ด้วยซ้ำ
แล้วทำไม ถึงจะต้องมีความคิดที่ว่า เราควรต้องเลี้ยงดูปูเสื่อผู้หญิง เพราะเรามี sex กับเค้าล่ะ?
มีความสุขร่วมกัน แต่ทำเหมือนฝ่ายชายตักตวงฝ่ายเดียว มันรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องน่ะครับ
ยิ่งไม่อยากจะพูดต่อไปว่า ถ้าเอา sex มาอ้างความรับผิดชอบจากฝ่ายชาย แบบนี้ มันจะต่างอะไรกับ การขาย ล่ะครับ
ส่วนตัว ผมปฏิเสธ sex ได้ง่ายดายมาก และทำมาหลายครั้ง คงเพราะอย่างที่บอก sex ไม่ใช่สิ่งสุดยอดวิเศษที่จะเหมือนเป็นรางวัล เป็นชิ้นเนื้อ มาล่อสัตว์อย่างผู้ชายเรา อย่างน้อยก็ไม่ทุกคน หลายๆ คนอย่างน้อยก็ผม จะมีก็ต่อเมื่อมันคือความต้องการร่วมกัน
ว่าก็ว่า หลายครั้งก็ทำเพราะคุณสุภาพสตรีเป็นคนต้องการก่อนเองด้วยซ้ำ
เมื่อก่อน เราอาจมองว่า เพศชายยิ่งใหญ่กว่าผู้หญิง เป็นผู้นำ ทุกอย่างดีกว่าหมด ผู้หญิงเป็นแค่หลังบ้าน ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่ต้องเรียน ทำงานบ้านกับเลี้ยงลูกไปเงียบๆ เราถึงเคยมีคำด่าว่าผู้ชายคนไหนที่สู้ผู้หญิงไม่ได้ ไม่ว่าจะให้ผู้หญิงเลี้ยง หรือทำร้ายผู้หญิง นี่หน้า tour mia ก็เพราะเป็นเพศชายสิทธิ์พิเศษคุณก็มากกว่าเพศหญิงมากมายก่ายกองแล้วแท้ๆ
ผ่านมานานหลายยุคหลายสมัย ผู้หญิงต่อสู้จนได้สิทธิ์ที่เทียบเท่าเพศชาย ทุกวันนี้ ผู้หญิงเงินเดือนมากกว่าผู้ชาย เยอะ ประสบความสำเร็จมากกว่า มีชีวิตที่ดีกว่า เยอะ
ทั้งสองเพศ เท่าเทียมกันแล้ว ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ใช้ความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มัดกล้ามในการออกไปล่าสัตว์หรือทำเกษตรกรรม
ผมเชื่อนะ ว่าผู้หญิงก็ต้องการการยอม ต้องการ respect ต้องการ recognition ในความสำเร็จที่ทำได้
ผมถึงได้ถาม มันย้อนแย้งกันเองไหมอ่า ถ้าด้านหนึ่งอยากบอกว่าฉันไม่แพ้เธอ แต่อีกด้านจะบอกว่า เธอต้องดูแลฉันเป็นพิเศษเพราะฉันเป็นผู้หญิง คือ ตรรกะมันแปลกๆ ไหม
ส่วนตัวผมกลุ้มใจมาก เพราะก็เข้าใจและยอมรับวิถีปฏิบัติที่มีมานาน ฝ่ายชายต้องเปย์ เราต้องป๋าต้องเลี้ยง
แล้วอายุแบบเรา คนทำงานแล้ว ฝ่ายหญิงก็คาดหวังอีกว่า เราต้องมีฐานะดี มั่นคง มีรถขับ มีบ้าน มีเงินเก็บ ต้องซื้อแหวนแต่งงาน จ่ายค่างานแต่ง
สมมุติพูดกันขำๆ รถ 5 แสน (รวมดอก), บ้าน 1.5 ล้าน (รวมดอก), แหวนแต่งงาน 5 หมื่น, งานแต่ง 2 แสน
คงจะเห็นว่า เราที่อยู่ในกทม. ราคาข้างต้นนั่นปาฏิหารย์แล้ว คือ ถูกจนไม่ใช่ความจริง บางอย่างซื้อมือ 2 แต่นี่แค่อยากให้พอมองเห็นภาพว่ามันเป็นภาระที่หนักหนาแค่ไหน
ตรงนี้ อาจต้องลองถามตัวเองแล้ว คุณจะคิดอย่างไร ให้คิดว่า เอ้า ไม่มีบ้านก็ได้ รถกับงานแต่งต้องมี นี่ตีกลมๆ ก็ 7.5 แสนแล้ว
หรือจะมีผู้หญิงคนไหนมั้ย ที่บอกว่า ไม่เป็นไร อายุจะ 30 แล้ว ไม่มีสักอย่างข้างบนก็ได้ ไม่เป็นไร
อย่างน้อยในช่วงโปรไม่กี่เดือนแรกน่ะ อาจจะได้ ฮอร์โมนกันกำลังทำงาน แต่พอคบกันมาสักพักล่ะ 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถึงจุดๆ หนึ่ง ผู้หญิงก็ต้องการฐานะ ความมั่นคง ฯลฯ ซึ่งก็ว่าไม่ได้
ปัญหาเลยคือ คุณจะเป็นอีก 1 คนมั้ย ที่บอกทางอ้อมให้ผู้ชายเก็บเงิน 2-3 ล้าน แล้วยังเลี้ยงดูคุณทำอย่างเวลาที่คบกันด้วยมั้ย?
ยิ่ง ยังไม่พูดต่อไปอีกว่า คุณสุภาพสตรีหลายๆ คนก็ตามประสาคนยุคใหม่ ใช้เงืนในระหว่างวันเยอะมาก กินข้าว 2 คนในห้าง ถึง 1 พันเอาได้ง่ายๆ ถ้าไปนั่งร้านกินดื่ม ถ้ารวมค่าแท็กซี่แล้วอยู่ภายใน 1,500 บาทก็โชคดีแล้ว
ให้ทานข้าวข้างทาง (ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบทานแบบนี้กับผู้ชายแหะ) ข้าวจานละ 40-50 บวกน้ำปั่น/กาแฟ 20-30 เผลอๆ มีขนมอีก มื้อเดียวทะลุ 100 ได้สบายๆ
เรื่องของขวัญหรืออะไรที่ควรจะให้ เข้าใจ ไม่นับ แต่การเลี้ยงดูเวลาใช้ชีวิตประจำวันซึ่งมันบ่อยๆ นี่ก็ยากนะสำหรับผู้ชาย
และอีกเรื่องที่อาจจะลืมไป เราทุกคนก็ยังมี "ชีวิตส่วนตัว" ของเราเอง เช่นว่า สุภาพสตรีก็อาจชอบช้อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ไปเทียวตจว.ทุกๆ 2-3 เดือน ไปต่างประเทศปีละครั้ง
ผู้ชายก็เหมือนกัน บางคนแต่งรถ บางคนเล่นเกม บางคนมีของสะสม บางคนเที่ยว บางคนดื่ม แต่ละคนมีชีวิตส่วนตัวของตัวเองที่ต้องการใช้เงินทั้งนั้น
แล้วนึกถึงมาตรฐานผู้ชายยุคนี้ ถ้าจะต้อง ทั้ง เลี้ยงดูตัวเอง, เลิกกิจกรรม/ความสุขที่ตัวเองทำ, เก็บเงินเพื่ออนาคตของทั้งคู่ (แต่งงาน, บ้าน, รถ, เงินเก็บร่วม ฯลฯ)
....แล้ว ยังต้องค่อยเปย์แฟนอีก
พูดตรงๆ ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีผู้ชายสักกี่คนที่ทำได้ และต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ จริงๆ ต่อให้ 3-4-5 หมื่น แต่คนมีเงินมากภาระก็หนักตาม เช่น ค่าห้องอาจจะครึ่งค่อนหมื่นไปแล้ว, ส่งรถอาจเป็นหมื่นสองหมื่น ฯลฯ แบบนี้เป็นต้น
พูดตรงๆ ว่าเวลาเจอกับตัวเองผมก็ท้อนะ ต้องพยายามลดอะไรที่ตัวเองเคยทำๆ มา, ต้องเก็บเงินระดับหฤโหด, แล้วยังต้องเลี้ยงดูคุณผู้หญิงอีก จนบางทีก็คิดว่าแล้วแบบนี้จะให้เรารวยได้ยังไงนะ
:: คิดยังไง กับแนวคิดที่ว่า เป็นผู้ชายต้องเลี้ยงผู้หญิงตลอด ครับ? ::
ผมเอง จริงๆ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะผมคิดว่าชายหญิงเราเท่าเทียมกัน ฟังดูมันสั้นนะ แต่อยากให้คำสั้นๆ คำนั้นซึมลึกลงไปในความคิด ในจิตใจ ให้เข้าใจ ไตร่ตรองช้าๆ ก่อน ไม่ใช่แค่ฟังผ่านๆ
เรื่องบางเรื่อง ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพ (ร่างกาย) เราก็ให้สิทธิ์พิเศษกับสุภาพสตรี เด็ก หรือคนแก่ (เป็นมารยาทที่ถือกันว่าควรทำ) แต่กับเรื่องการหาเงิน ใช้ชีวิต ปัจจุบันผู้หญิงไทยเรา มีตำแหน่งหน้าที่การงานทัดเทียม หรือสูงกว่าผู้ชายหลายๆ คนเสียอีก และผมเชื่อว่าคุณผู้หญิงหลายๆ คนก็อยากได้ความเคารพ และนับถือจากความสามารถ เทียบเท่าผู้ชายคนนึง ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
คงไม่ใช่ว่า บางเรื่องจะเท่าเทียม แต่บางเรื่องจะอ้างขอสิทธิพิเศษเพราะความเป็นผู้หญิง
ที่ไม่เข้าใจเลยคือ คำที่ว่า "เมิงก็เลี้ยงๆ เค้าไปเถอะ มีอะไรกับเค้าก็เลี้ยงเค้าหน่อย"
เอาจริงเหรอครับ?
ส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่า sex เป็นกำไร เป็นอะไรที่ "ได้" เลย มันคือความพึงพอใจร่วมกัน คือ mutual consent พูดกันแบบไม่แอ๊บ โตๆ กันแล้ว คุณสภาพสตรีก็มีความสุขในเพศรสได้ไม่น้อยกว่าผู้ชาย และมีความสัมพันธ์หลายๆ คู่ที่เกิดปัญหาจากการที่ฝ่ายชายไม่สามารถเติมเต็มความต้องการทางเพศของฝ่ายหญิงได้ด้วยซ้ำ
แล้วทำไม ถึงจะต้องมีความคิดที่ว่า เราควรต้องเลี้ยงดูปูเสื่อผู้หญิง เพราะเรามี sex กับเค้าล่ะ?
มีความสุขร่วมกัน แต่ทำเหมือนฝ่ายชายตักตวงฝ่ายเดียว มันรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องน่ะครับ
ยิ่งไม่อยากจะพูดต่อไปว่า ถ้าเอา sex มาอ้างความรับผิดชอบจากฝ่ายชาย แบบนี้ มันจะต่างอะไรกับ การขาย ล่ะครับ
ส่วนตัว ผมปฏิเสธ sex ได้ง่ายดายมาก และทำมาหลายครั้ง คงเพราะอย่างที่บอก sex ไม่ใช่สิ่งสุดยอดวิเศษที่จะเหมือนเป็นรางวัล เป็นชิ้นเนื้อ มาล่อสัตว์อย่างผู้ชายเรา อย่างน้อยก็ไม่ทุกคน หลายๆ คนอย่างน้อยก็ผม จะมีก็ต่อเมื่อมันคือความต้องการร่วมกัน
ว่าก็ว่า หลายครั้งก็ทำเพราะคุณสุภาพสตรีเป็นคนต้องการก่อนเองด้วยซ้ำ
เมื่อก่อน เราอาจมองว่า เพศชายยิ่งใหญ่กว่าผู้หญิง เป็นผู้นำ ทุกอย่างดีกว่าหมด ผู้หญิงเป็นแค่หลังบ้าน ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่ต้องเรียน ทำงานบ้านกับเลี้ยงลูกไปเงียบๆ เราถึงเคยมีคำด่าว่าผู้ชายคนไหนที่สู้ผู้หญิงไม่ได้ ไม่ว่าจะให้ผู้หญิงเลี้ยง หรือทำร้ายผู้หญิง นี่หน้า tour mia ก็เพราะเป็นเพศชายสิทธิ์พิเศษคุณก็มากกว่าเพศหญิงมากมายก่ายกองแล้วแท้ๆ
ผ่านมานานหลายยุคหลายสมัย ผู้หญิงต่อสู้จนได้สิทธิ์ที่เทียบเท่าเพศชาย ทุกวันนี้ ผู้หญิงเงินเดือนมากกว่าผู้ชาย เยอะ ประสบความสำเร็จมากกว่า มีชีวิตที่ดีกว่า เยอะ
ทั้งสองเพศ เท่าเทียมกันแล้ว ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ใช้ความรู้ความสามารถ ไม่ใช่มัดกล้ามในการออกไปล่าสัตว์หรือทำเกษตรกรรม
ผมเชื่อนะ ว่าผู้หญิงก็ต้องการการยอม ต้องการ respect ต้องการ recognition ในความสำเร็จที่ทำได้
ผมถึงได้ถาม มันย้อนแย้งกันเองไหมอ่า ถ้าด้านหนึ่งอยากบอกว่าฉันไม่แพ้เธอ แต่อีกด้านจะบอกว่า เธอต้องดูแลฉันเป็นพิเศษเพราะฉันเป็นผู้หญิง คือ ตรรกะมันแปลกๆ ไหม
ส่วนตัวผมกลุ้มใจมาก เพราะก็เข้าใจและยอมรับวิถีปฏิบัติที่มีมานาน ฝ่ายชายต้องเปย์ เราต้องป๋าต้องเลี้ยง
แล้วอายุแบบเรา คนทำงานแล้ว ฝ่ายหญิงก็คาดหวังอีกว่า เราต้องมีฐานะดี มั่นคง มีรถขับ มีบ้าน มีเงินเก็บ ต้องซื้อแหวนแต่งงาน จ่ายค่างานแต่ง
สมมุติพูดกันขำๆ รถ 5 แสน (รวมดอก), บ้าน 1.5 ล้าน (รวมดอก), แหวนแต่งงาน 5 หมื่น, งานแต่ง 2 แสน
คงจะเห็นว่า เราที่อยู่ในกทม. ราคาข้างต้นนั่นปาฏิหารย์แล้ว คือ ถูกจนไม่ใช่ความจริง บางอย่างซื้อมือ 2 แต่นี่แค่อยากให้พอมองเห็นภาพว่ามันเป็นภาระที่หนักหนาแค่ไหน
ตรงนี้ อาจต้องลองถามตัวเองแล้ว คุณจะคิดอย่างไร ให้คิดว่า เอ้า ไม่มีบ้านก็ได้ รถกับงานแต่งต้องมี นี่ตีกลมๆ ก็ 7.5 แสนแล้ว
หรือจะมีผู้หญิงคนไหนมั้ย ที่บอกว่า ไม่เป็นไร อายุจะ 30 แล้ว ไม่มีสักอย่างข้างบนก็ได้ ไม่เป็นไร
อย่างน้อยในช่วงโปรไม่กี่เดือนแรกน่ะ อาจจะได้ ฮอร์โมนกันกำลังทำงาน แต่พอคบกันมาสักพักล่ะ 6 เดือน 1 ปี 2 ปี ถึงจุดๆ หนึ่ง ผู้หญิงก็ต้องการฐานะ ความมั่นคง ฯลฯ ซึ่งก็ว่าไม่ได้
ปัญหาเลยคือ คุณจะเป็นอีก 1 คนมั้ย ที่บอกทางอ้อมให้ผู้ชายเก็บเงิน 2-3 ล้าน แล้วยังเลี้ยงดูคุณทำอย่างเวลาที่คบกันด้วยมั้ย?
ยิ่ง ยังไม่พูดต่อไปอีกว่า คุณสุภาพสตรีหลายๆ คนก็ตามประสาคนยุคใหม่ ใช้เงืนในระหว่างวันเยอะมาก กินข้าว 2 คนในห้าง ถึง 1 พันเอาได้ง่ายๆ ถ้าไปนั่งร้านกินดื่ม ถ้ารวมค่าแท็กซี่แล้วอยู่ภายใน 1,500 บาทก็โชคดีแล้ว
ให้ทานข้าวข้างทาง (ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบทานแบบนี้กับผู้ชายแหะ) ข้าวจานละ 40-50 บวกน้ำปั่น/กาแฟ 20-30 เผลอๆ มีขนมอีก มื้อเดียวทะลุ 100 ได้สบายๆ
เรื่องของขวัญหรืออะไรที่ควรจะให้ เข้าใจ ไม่นับ แต่การเลี้ยงดูเวลาใช้ชีวิตประจำวันซึ่งมันบ่อยๆ นี่ก็ยากนะสำหรับผู้ชาย
และอีกเรื่องที่อาจจะลืมไป เราทุกคนก็ยังมี "ชีวิตส่วนตัว" ของเราเอง เช่นว่า สุภาพสตรีก็อาจชอบช้อปปิ้ง ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ไปเทียวตจว.ทุกๆ 2-3 เดือน ไปต่างประเทศปีละครั้ง
ผู้ชายก็เหมือนกัน บางคนแต่งรถ บางคนเล่นเกม บางคนมีของสะสม บางคนเที่ยว บางคนดื่ม แต่ละคนมีชีวิตส่วนตัวของตัวเองที่ต้องการใช้เงินทั้งนั้น
แล้วนึกถึงมาตรฐานผู้ชายยุคนี้ ถ้าจะต้อง ทั้ง เลี้ยงดูตัวเอง, เลิกกิจกรรม/ความสุขที่ตัวเองทำ, เก็บเงินเพื่ออนาคตของทั้งคู่ (แต่งงาน, บ้าน, รถ, เงินเก็บร่วม ฯลฯ)
....แล้ว ยังต้องค่อยเปย์แฟนอีก
พูดตรงๆ ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีผู้ชายสักกี่คนที่ทำได้ และต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ จริงๆ ต่อให้ 3-4-5 หมื่น แต่คนมีเงินมากภาระก็หนักตาม เช่น ค่าห้องอาจจะครึ่งค่อนหมื่นไปแล้ว, ส่งรถอาจเป็นหมื่นสองหมื่น ฯลฯ แบบนี้เป็นต้น
พูดตรงๆ ว่าเวลาเจอกับตัวเองผมก็ท้อนะ ต้องพยายามลดอะไรที่ตัวเองเคยทำๆ มา, ต้องเก็บเงินระดับหฤโหด, แล้วยังต้องเลี้ยงดูคุณผู้หญิงอีก จนบางทีก็คิดว่าแล้วแบบนี้จะให้เรารวยได้ยังไงนะ