สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เพราะสังคมเราเป็นสังคมครึ่งๆกลางๆครับ ด้านหนึ่งเราเปิดรับวัฒนธรรมฝรั่งสมัยใหม่หลัง 1960 เรื่องความเท่าเทียมในการทำงาน การเมือง แต่อีกด้านเรากลับยังอยู่ในยุควิตอเรีย ที่เน้นย้ำถึงค่านิยม สุภาพบุรุษ สตรี ที่เอาเข้าจริงๆ มาจากมุมมองด้านลบว่า ผช. ผญ. มีแค่มุมเดียว ผญ. อ่อนแอ เจ้าอารมณ์ ควบคุมตนเองไม่ได้ ไม่เหมาะกับงานนอกบ้าน ผช. แข็งแกร่ง เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องจ่ายต้องเลี้ยง
แต่สังคมไทยเลือกรับเอาแต่ค่านิยมที่ทำให้ผญ.ได้เปรียบคือ งานก็จะเอาเงินเท่ากัน ได้ตำแหน่งเท่ากัน แต่ พอเรื่องความรัก กลับต้องให้ผช. จ่าย ผช.ดูแล ลุกให้นั่ง ในยุคที่เรามีนายกเป็นผญ. แต่ยังมีผญ.หลายคนออกมาพูดเรื่องนี้
และสังคมไทยเป็นสังคมผลิตวาทะกรรม แบบศรีธนชัยอยู่ตลอดเวลา สังเกตุมั้ยครับ ผญ.เวลาเรื่องสินสอดจะพูดว่า เป็นธรรมเนียมประเพณี ช้านาน แต่พอเรื่องมีเมียเยอะซึ่งก็ประเพณีเหมือนกัน แต่สังคมทำเป็นลืมซะงั้น
อีกข้อสังเกตุหนึ่งคือความเห็นแก่ตัวที่มาในรูปลักษณ์ที่ ประดิษฐ์ประดอยภาษาให้ดูสวยงาม เช่น เวลาผญ.เลือกผช.รวย จะพุดว่าสมัยนี้ไม่มีใครกัดก้อนเกลือกิน การจะอยู่ด้วยกันมีอะไรมากกว่าความรัก ฟังดูดีใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเราสกัดภาษาที่มันฉาบหน้าอยู่ออกไปเรื่องของเรื่องคือ ผญ.อยากสบายแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ
แต่ในมุมกลับเดียวกัน พอผช.เลือก ผญ.สวยๆ ทำไมผญ.ถึงพูดได้ว่าผช.เลือกแต่ผญ.สวยๆไม่สนใจคนที่จิตใจ ทั้งที่ความสวยเป็นสเป็คไม่ใช่มาตราฐาน สวยของคนหนึ่งอาจจะแย่กับอีกคนก็ได้ ทำไมไม่ใช้วิธีคิดแบบเดียวกับที่ผญ.เลือกผช.รวย ทำไมถึงต้องพูดให้ดูดี
อีกอย่างวาทะกรรมเรื่อง เล่นของสูง มันคืออะไร ในสังคมที่ผญ.ชอบพูดเหลือเกิดเรื่องความเท่าเทียม เพลงแบบ บิ๊กแอด มันต้องไม่มีแล้วถูกมั้ยครับ
หรือแบบ ผช.มาจีบผญ. ให้ผช.จ่ายบอกดูใจ แต่พอผช.ทำบอกว่า ทำไมเป็นคนเล็กคิดน้อย
คุณเคยอยู่ในสังคมฝรั่ง คุณก็น่าจะรู้ว่าผญ.แบบนี้จะดูแย่ทันทีในสังคมฝรั่ง แต่ก็ยังมีผญ.หลายๆๆๆคนมากๆๆ ที่ไปเรียน อเมริกา อังกฤษ ก็ยังกลับมาทำเรื่องเดิมๆ แบบเดิมๆ คือเราอยู่ในสังคมที่หยุดนิ่ง มันไม่เปลี่ยนอะไรเลย
พอผช. จีบไม่นานแล้วไปก้เป็นขี้ปากว่าไม่อดทน พอจีบนานๆ ไม่ชอบก็หาว่าลุกล้ำความเป็นส่วนตัว ความสองมาตราฐานในสังคมไทยดูได้จากที่ผญ.ทำ ถ้าเราจะแก้เราต้องแก้เรื่องเล็กๆ พวกนี้ก่อนจะไปแก้สิ่งที่ใหญ่กว่านี้ครับ
แต่สังคมไทยเลือกรับเอาแต่ค่านิยมที่ทำให้ผญ.ได้เปรียบคือ งานก็จะเอาเงินเท่ากัน ได้ตำแหน่งเท่ากัน แต่ พอเรื่องความรัก กลับต้องให้ผช. จ่าย ผช.ดูแล ลุกให้นั่ง ในยุคที่เรามีนายกเป็นผญ. แต่ยังมีผญ.หลายคนออกมาพูดเรื่องนี้
และสังคมไทยเป็นสังคมผลิตวาทะกรรม แบบศรีธนชัยอยู่ตลอดเวลา สังเกตุมั้ยครับ ผญ.เวลาเรื่องสินสอดจะพูดว่า เป็นธรรมเนียมประเพณี ช้านาน แต่พอเรื่องมีเมียเยอะซึ่งก็ประเพณีเหมือนกัน แต่สังคมทำเป็นลืมซะงั้น
อีกข้อสังเกตุหนึ่งคือความเห็นแก่ตัวที่มาในรูปลักษณ์ที่ ประดิษฐ์ประดอยภาษาให้ดูสวยงาม เช่น เวลาผญ.เลือกผช.รวย จะพุดว่าสมัยนี้ไม่มีใครกัดก้อนเกลือกิน การจะอยู่ด้วยกันมีอะไรมากกว่าความรัก ฟังดูดีใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเราสกัดภาษาที่มันฉาบหน้าอยู่ออกไปเรื่องของเรื่องคือ ผญ.อยากสบายแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ
แต่ในมุมกลับเดียวกัน พอผช.เลือก ผญ.สวยๆ ทำไมผญ.ถึงพูดได้ว่าผช.เลือกแต่ผญ.สวยๆไม่สนใจคนที่จิตใจ ทั้งที่ความสวยเป็นสเป็คไม่ใช่มาตราฐาน สวยของคนหนึ่งอาจจะแย่กับอีกคนก็ได้ ทำไมไม่ใช้วิธีคิดแบบเดียวกับที่ผญ.เลือกผช.รวย ทำไมถึงต้องพูดให้ดูดี
อีกอย่างวาทะกรรมเรื่อง เล่นของสูง มันคืออะไร ในสังคมที่ผญ.ชอบพูดเหลือเกิดเรื่องความเท่าเทียม เพลงแบบ บิ๊กแอด มันต้องไม่มีแล้วถูกมั้ยครับ
หรือแบบ ผช.มาจีบผญ. ให้ผช.จ่ายบอกดูใจ แต่พอผช.ทำบอกว่า ทำไมเป็นคนเล็กคิดน้อย
คุณเคยอยู่ในสังคมฝรั่ง คุณก็น่าจะรู้ว่าผญ.แบบนี้จะดูแย่ทันทีในสังคมฝรั่ง แต่ก็ยังมีผญ.หลายๆๆๆคนมากๆๆ ที่ไปเรียน อเมริกา อังกฤษ ก็ยังกลับมาทำเรื่องเดิมๆ แบบเดิมๆ คือเราอยู่ในสังคมที่หยุดนิ่ง มันไม่เปลี่ยนอะไรเลย
พอผช. จีบไม่นานแล้วไปก้เป็นขี้ปากว่าไม่อดทน พอจีบนานๆ ไม่ชอบก็หาว่าลุกล้ำความเป็นส่วนตัว ความสองมาตราฐานในสังคมไทยดูได้จากที่ผญ.ทำ ถ้าเราจะแก้เราต้องแก้เรื่องเล็กๆ พวกนี้ก่อนจะไปแก้สิ่งที่ใหญ่กว่านี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 70
คือ เรื่องการเดต เพื่อทำให้ฝ่าย ญ หรือ จะเรียกว่า เพศเมีย ก็ไม่ผิด มีความรู้สึก "สนใจ" เพศผู้อย่างเราๆ เนี่ย
โดยพื้นฐานแล้ว ถ้ามองรอบๆ ตัวในธรรมชาติสัตว์โลก ตัวผู้เราท่านล้วนแล้วแต่ต้อง "ดิ้นรน" ทำอะไรสักอย่าง
เช่น สร้างรัง สู้กันเพื่อวัดพลังเพศชาย ร้องแข่งกัน วิ่งร้อยเมตร สะสมไอเทมสีๆประดับรัง
เคยดูสารคดี มีนกเป็ดน้ำที่ต้องผ่านด่านทดสอบ 3 - 4 อย่าง โดยตัวเมียลงมาสอบเองเลยนะ ด่านสุดท้าย คือ การบิน + บัลเล่ต์ปลายเท้าบนผิวน้ำ ตีคู่ไปกับตัวเมีย ซึ่งถ้ามาฟาวล์หมดแรงก่อนนี่ จบครับ คุณไม่ได้ไปต่อ (เหนื่อยฟรี)
ทั้งนี้เพื่ออะไร?
เพราะเพศเมียเป็นเพศที่ต้องอุ้มท้อง ดูแลลูก ดังนั้น ณ จุดนึงของชีวิตเพศเมีย จะต้องมีช่วงเวลาที่ต้อง "พึ่งพาอาศัย" ตัวผู้แน่นอน เป็นระยะเวลายาวนานต่างกันไป แต่เอาว่านานแน่ๆ ละ อย่างคนเราก็ 9 เดือนเลย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ตัวเมียมองหาก็คือ "ความมั่นใจ ความวางใจได้ และความพึ่งพาได้" นั่นแหละ
ซึ่งตามปกติสัตว์ทั่วไป อาศัยฮอร์โมนเพศชาย สัตว์เหล่านั้นก็จะมีร่างกายกำยำ ทนทานอากาศ มีภูมิคุ้มกันดี บลาๆ ซึ่งลักษณะที่ดีเหล่านี้ก็จะส่งผ่านไปสู่ทายาทรุ่นต่อไปโดยตรง..
ที่นี้ ปัญหาคือ คนเรา แท้จริงแล้วก็มีความเป็นสัตว์อยู่เต็มตัวไม่แพ้กันหรอก ... แต่ที่เรียกว่า คน หรือ มนุษย์ ก็เพราะว่า เรามีปัญญา มีการสืบทอดปัญญา มีความคิด มีการใคร่ครวญ มีปรัชญา ดังนั้น การแบ่งหน้าที่ระหว่างเพศของคนเรา มันก็เลยหายไปๆ ตามสมัยที่ก้าวหน้าไป (ซึ่งก็คงบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดีหรอกนะ 555+ แต่ปราชญ์จีนเก่าแก่ เขาเลือกที่จะกดครอบงำ ญ ไว้ มันมีเหตุผลของมันอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่เหมาะกับทุกวันนี้แน่ๆ)
เพราะงั้น ความจริงที่ว่า คนเราก็เป็นสัตว์ และ ญ ก็ยังต้องตั้งท้อง ยังไม่เปลี่ยนไป สัญชาตญานลึกๆ ที่ต้องการความพึ่งพาได้ มันก็ยังอยู่ ดังนั้น ผมก็เชื่อว่า เธอเหล่านี้ก็ยังต้องอดไม่ได้ที่จะมองหาความอุ่นใจ ความมั่นใจและพึ่งพาได้ หรือสิ่งที่จะทำให้ชีวิต ไปต่อได้ แม้กระทั่งตอนที่เธอท้อง
แล้วสิ่งเหล่านั้นมันอะไรละ ?
เงิน ไง ?
55555
แต่แหม จริงๆ มันก็คือ สิ่งที่เรียกว่า การคุ้มครอง การดูแล การเอาใจใส่ การรองรับอารมณ์ การเกื้อกูลกันทางอารมณ์ และจิตวิทยาด้วยละนะ ซึ่งเหล่านี้หนะ เงินให้ไม่ได้ ถ้ามีผัวมีเมียแล้ว ไม่ได้ตามนี้ แน่นอน มีเงินก็พอ (หาเองได้)
และในทางเดียวกัน คนเราคบกัน ไม่ได้มองเรื่องการสืบทายาทเป็นหลักเหมือนสัตว์ทั่วไปอีกแล้ว แต่จะว่าหนักกว่านั้นก็ได้ เพราะเราจับคู่เพื่อเสพกามเป็นหลักเป็นส่วนมาก ( ซึ่งผลที่ตามมาหลายครั้งก็จะเป็นว่าได้ทายาทมาแทน หนะนะ )
พล่ามเยอะก็จะเลอะเทอะไปไกล เอาเป็นว่า ที่ ญ ยังรู้สึกต้องการการดูแล หรือ อยากจะมั่นใจว่าต้องการ ช ที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่เพราะเธอต้องพึ่งพา ช จริงๆ ในปัจจุบัน แต่เพราะมันเป็นสัญชาตญานดั้งเดิมเป็นล้านๆ ปี แต่ คนเราเพิ่งจะมีการให้ ญ ดูแล พึ่งพาตัวเองได้ไม่ถึงพันปีมานี้เอง (เผลอๆ ไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำแมะ)
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเถียงกัน มันเป็นเรื่องของ สัญชาตญาน
ปล. ถ้า ช สังเกตตัวเอง การที่ ช อยากจับนม อยากเขี่ยบลาๆ ถ้าคิดดูดีๆ เราทำเพื่อความสนุก ของเราเหรอ??? แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย มันเป็นสัญชาตฐานเพื่อปลุกเร้าตัวเมียต่างหาก เพื่อให้ตัวเมียพร้อม และตัวเมียนั้น ถูกออกแบบมาว่า ถ้าร่างกายพร้อม ฮอร์โมนพร้อม เมื่อถูกกระตุ้นก็โปรแกรมไว้ว่า ต้องเบรก ไม่ค่อยจะอยู่ ต้องเผลอตัวเผลอใจไป (เป็นเหตุให้คนจีนถึงได้เลือกกด ญ มากกว่าจะกด ช เพราะถ้า ไม่กด ญ ยังไงก็กระจุย และถ้ากด ญ ได้ ยังไง ช มันก็เข้าไม่ได้ กลับกัน ถ้า ญ ขึ้นก่อน ช ยังไงๆก็ไม่รอดฮะ) สรุปแล้ว จริงๆ การกระทำของเราทุกอย่าง เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่ง ธรรมชาติที่ว่า ก็คือ การเป็นไปเพื่อให้เกิดการสืบพันธุ์ และทำให้โลกนี้ยังหมุนไป (ลึกๆ มันก็น่าจะเป็นโลกวิสัย คือ กฏของกรรมอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่รู้ ไม่ทันมันแล้ว คิดว่า เราทำเพราะเพื่อความสนุกของเรา เราก็พอใจ แต่ถ้ามาคิดดูดีๆ นี่เราโดนโลกมันหลอกอยู่นะ ก็อาจจะได้คิดได้ฉุกใจบางอย่าง)
เพราะงั้น บางอย่าง เราคิด เราทำ เพราะถูกโปรแกรมมา เป็นสันดานดิบๆ ของสัตว์ ก็ต้องระมัดระวัง อันไหนต้องใช้ก็ใช้ให้ถูก โลกจึงได้มี ศีลธรรมมาควบคุมไว้ คนจึงยังเป็นคน
ส่วนเรื่อง การออกเงินให้ การดูแล ญ ตามสมควร ก็ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มันเป็นสันดานดิบเดิมๆ อีกเช่นกัน ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็พึงกระทำไป
เพราะยังไงๆ ดุ้น ที่ยื่นออกมา มันก็ไม่มีทางเท่ากับ หลุมที่หลบเร้นเข้าไปแน่นอน
พูดง่ายๆ มันไม่มีทางเท่าเทียม ไม่มี
โดยพื้นฐานแล้ว ถ้ามองรอบๆ ตัวในธรรมชาติสัตว์โลก ตัวผู้เราท่านล้วนแล้วแต่ต้อง "ดิ้นรน" ทำอะไรสักอย่าง
เช่น สร้างรัง สู้กันเพื่อวัดพลังเพศชาย ร้องแข่งกัน วิ่งร้อยเมตร สะสมไอเทมสีๆประดับรัง
เคยดูสารคดี มีนกเป็ดน้ำที่ต้องผ่านด่านทดสอบ 3 - 4 อย่าง โดยตัวเมียลงมาสอบเองเลยนะ ด่านสุดท้าย คือ การบิน + บัลเล่ต์ปลายเท้าบนผิวน้ำ ตีคู่ไปกับตัวเมีย ซึ่งถ้ามาฟาวล์หมดแรงก่อนนี่ จบครับ คุณไม่ได้ไปต่อ (เหนื่อยฟรี)
ทั้งนี้เพื่ออะไร?
เพราะเพศเมียเป็นเพศที่ต้องอุ้มท้อง ดูแลลูก ดังนั้น ณ จุดนึงของชีวิตเพศเมีย จะต้องมีช่วงเวลาที่ต้อง "พึ่งพาอาศัย" ตัวผู้แน่นอน เป็นระยะเวลายาวนานต่างกันไป แต่เอาว่านานแน่ๆ ละ อย่างคนเราก็ 9 เดือนเลย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ตัวเมียมองหาก็คือ "ความมั่นใจ ความวางใจได้ และความพึ่งพาได้" นั่นแหละ
ซึ่งตามปกติสัตว์ทั่วไป อาศัยฮอร์โมนเพศชาย สัตว์เหล่านั้นก็จะมีร่างกายกำยำ ทนทานอากาศ มีภูมิคุ้มกันดี บลาๆ ซึ่งลักษณะที่ดีเหล่านี้ก็จะส่งผ่านไปสู่ทายาทรุ่นต่อไปโดยตรง..
ที่นี้ ปัญหาคือ คนเรา แท้จริงแล้วก็มีความเป็นสัตว์อยู่เต็มตัวไม่แพ้กันหรอก ... แต่ที่เรียกว่า คน หรือ มนุษย์ ก็เพราะว่า เรามีปัญญา มีการสืบทอดปัญญา มีความคิด มีการใคร่ครวญ มีปรัชญา ดังนั้น การแบ่งหน้าที่ระหว่างเพศของคนเรา มันก็เลยหายไปๆ ตามสมัยที่ก้าวหน้าไป (ซึ่งก็คงบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดีหรอกนะ 555+ แต่ปราชญ์จีนเก่าแก่ เขาเลือกที่จะกดครอบงำ ญ ไว้ มันมีเหตุผลของมันอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่เหมาะกับทุกวันนี้แน่ๆ)
เพราะงั้น ความจริงที่ว่า คนเราก็เป็นสัตว์ และ ญ ก็ยังต้องตั้งท้อง ยังไม่เปลี่ยนไป สัญชาตญานลึกๆ ที่ต้องการความพึ่งพาได้ มันก็ยังอยู่ ดังนั้น ผมก็เชื่อว่า เธอเหล่านี้ก็ยังต้องอดไม่ได้ที่จะมองหาความอุ่นใจ ความมั่นใจและพึ่งพาได้ หรือสิ่งที่จะทำให้ชีวิต ไปต่อได้ แม้กระทั่งตอนที่เธอท้อง
แล้วสิ่งเหล่านั้นมันอะไรละ ?
เงิน ไง ?
55555
แต่แหม จริงๆ มันก็คือ สิ่งที่เรียกว่า การคุ้มครอง การดูแล การเอาใจใส่ การรองรับอารมณ์ การเกื้อกูลกันทางอารมณ์ และจิตวิทยาด้วยละนะ ซึ่งเหล่านี้หนะ เงินให้ไม่ได้ ถ้ามีผัวมีเมียแล้ว ไม่ได้ตามนี้ แน่นอน มีเงินก็พอ (หาเองได้)
และในทางเดียวกัน คนเราคบกัน ไม่ได้มองเรื่องการสืบทายาทเป็นหลักเหมือนสัตว์ทั่วไปอีกแล้ว แต่จะว่าหนักกว่านั้นก็ได้ เพราะเราจับคู่เพื่อเสพกามเป็นหลักเป็นส่วนมาก ( ซึ่งผลที่ตามมาหลายครั้งก็จะเป็นว่าได้ทายาทมาแทน หนะนะ )
พล่ามเยอะก็จะเลอะเทอะไปไกล เอาเป็นว่า ที่ ญ ยังรู้สึกต้องการการดูแล หรือ อยากจะมั่นใจว่าต้องการ ช ที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่เพราะเธอต้องพึ่งพา ช จริงๆ ในปัจจุบัน แต่เพราะมันเป็นสัญชาตญานดั้งเดิมเป็นล้านๆ ปี แต่ คนเราเพิ่งจะมีการให้ ญ ดูแล พึ่งพาตัวเองได้ไม่ถึงพันปีมานี้เอง (เผลอๆ ไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำแมะ)
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเถียงกัน มันเป็นเรื่องของ สัญชาตญาน
ปล. ถ้า ช สังเกตตัวเอง การที่ ช อยากจับนม อยากเขี่ยบลาๆ ถ้าคิดดูดีๆ เราทำเพื่อความสนุก ของเราเหรอ??? แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย มันเป็นสัญชาตฐานเพื่อปลุกเร้าตัวเมียต่างหาก เพื่อให้ตัวเมียพร้อม และตัวเมียนั้น ถูกออกแบบมาว่า ถ้าร่างกายพร้อม ฮอร์โมนพร้อม เมื่อถูกกระตุ้นก็โปรแกรมไว้ว่า ต้องเบรก ไม่ค่อยจะอยู่ ต้องเผลอตัวเผลอใจไป (เป็นเหตุให้คนจีนถึงได้เลือกกด ญ มากกว่าจะกด ช เพราะถ้า ไม่กด ญ ยังไงก็กระจุย และถ้ากด ญ ได้ ยังไง ช มันก็เข้าไม่ได้ กลับกัน ถ้า ญ ขึ้นก่อน ช ยังไงๆก็ไม่รอดฮะ) สรุปแล้ว จริงๆ การกระทำของเราทุกอย่าง เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่ง ธรรมชาติที่ว่า ก็คือ การเป็นไปเพื่อให้เกิดการสืบพันธุ์ และทำให้โลกนี้ยังหมุนไป (ลึกๆ มันก็น่าจะเป็นโลกวิสัย คือ กฏของกรรมอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่รู้ ไม่ทันมันแล้ว คิดว่า เราทำเพราะเพื่อความสนุกของเรา เราก็พอใจ แต่ถ้ามาคิดดูดีๆ นี่เราโดนโลกมันหลอกอยู่นะ ก็อาจจะได้คิดได้ฉุกใจบางอย่าง)
เพราะงั้น บางอย่าง เราคิด เราทำ เพราะถูกโปรแกรมมา เป็นสันดานดิบๆ ของสัตว์ ก็ต้องระมัดระวัง อันไหนต้องใช้ก็ใช้ให้ถูก โลกจึงได้มี ศีลธรรมมาควบคุมไว้ คนจึงยังเป็นคน
ส่วนเรื่อง การออกเงินให้ การดูแล ญ ตามสมควร ก็ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มันเป็นสันดานดิบเดิมๆ อีกเช่นกัน ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็พึงกระทำไป
เพราะยังไงๆ ดุ้น ที่ยื่นออกมา มันก็ไม่มีทางเท่ากับ หลุมที่หลบเร้นเข้าไปแน่นอน
พูดง่ายๆ มันไม่มีทางเท่าเทียม ไม่มี
ความคิดเห็นที่ 86
เป็นกระทู้ที่ร้อยแล้วมั้งแบบนี้ คิดว่าถกกันยังไงก็ไม่จบ เดี๋ยวต้องมีมาตั้งอีก
ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว
- มี/ไม่มีสินสอด
- sex ก่อนแต่ง/หลังแต่ง
- ผู้ชายออกเงินให้/แชร์กัน
- ผู้หญิงซิง/ไม่ซิง
เราว่าหาคนที่คิดตรงกันให้เจอ ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนค่านิยมส่วนตัวของใคร ขนาดผู้หญิงที่มาตอบในกระทู้นี้ยังตอบแบบแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่ง จำนวนพอๆ กัน หาไม่ยากค่ะ มันมีอยู่แล้วผู้หญิงที่แชร์ค่าใช้จ่ายกัน มีเซ็กส์ก่อนแต่งได้ แต่งงานไม่เอาสินสอด (ไม่ได้ประชดนะ แต่เห็นบางล็อกอินเรียกร้องแบบนี้ คือมันมี ทำไมคุณต้องโวยวายว่า ผู้หญิงไม่ยอมช่วยจ่าย ไม่ยอมให้เอา ให้หาสินสอดมาแต่ง คุณก็อย่าไปเอาคนแบบนั้นสิ มันมีอยู่แล้วแบบที่คุณต้องการ แต่ดันไปโวยวายกับคนที่ไม่ใช่ อยากเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นเหมือนกันแบบเป๊ะๆๆร้อยเปอร์เซ็นต์เหรอ? งง) ประเด็นคือคุณจับคู่กันไม่ถูก แล้วก็มาดราม่าว่าเมื่อไหร่สังคมจะเปลี่ยน (มันไม่ใช่สังคมอ่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเป็นของสังคม มันต้องเป็นแทบทุกคน)
แค่คุณหาคนที่ตรงกันให้เจอ ไม่ต้องโจมตีเรื่องของคู่อื่น เพราะมันไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่ผิดต่อมาตรฐานทางศีลธรรมโดยรวม ไม่บาป ไม่ชั่ว ไม่เลว ไม่ใช่ปัญหาสังคม ถ้าทั้งคู่เต็มใจจะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ชายจะออกค่าใช้จ่าย 100% จะหาสินสอดมาให้แล้วมีเซ็กส์หลังแต่ง อย่าคิดว่าแฟร์หรือไม่แฟร์ เพราะเจ้าตัวเขาก็ไม่เห็นคิด ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาทั้งคู่ อย่าไปยุ่งดีกว่า
แต่ที่สำคัญ ต้องบอกกันแบบดีๆ ให้เหตุผล เช่น คุณไม่พอใจที่ฝ่ายตรงข้ามให้คุณออกคนเดียว ก็พูดตรงๆ ว่าไม่คุยต่อ เหตุผลคืออย่างนี้ๆ อย่าดันทุรังคบ อย่าโวยวายโดยหวังว่าเขาจะเปลี่ยนความคิด ป่วยการมาก
ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว
- มี/ไม่มีสินสอด
- sex ก่อนแต่ง/หลังแต่ง
- ผู้ชายออกเงินให้/แชร์กัน
- ผู้หญิงซิง/ไม่ซิง
เราว่าหาคนที่คิดตรงกันให้เจอ ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนค่านิยมส่วนตัวของใคร ขนาดผู้หญิงที่มาตอบในกระทู้นี้ยังตอบแบบแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่ง จำนวนพอๆ กัน หาไม่ยากค่ะ มันมีอยู่แล้วผู้หญิงที่แชร์ค่าใช้จ่ายกัน มีเซ็กส์ก่อนแต่งได้ แต่งงานไม่เอาสินสอด (ไม่ได้ประชดนะ แต่เห็นบางล็อกอินเรียกร้องแบบนี้ คือมันมี ทำไมคุณต้องโวยวายว่า ผู้หญิงไม่ยอมช่วยจ่าย ไม่ยอมให้เอา ให้หาสินสอดมาแต่ง คุณก็อย่าไปเอาคนแบบนั้นสิ มันมีอยู่แล้วแบบที่คุณต้องการ แต่ดันไปโวยวายกับคนที่ไม่ใช่ อยากเปลี่ยนให้ทุกคนเป็นเหมือนกันแบบเป๊ะๆๆร้อยเปอร์เซ็นต์เหรอ? งง) ประเด็นคือคุณจับคู่กันไม่ถูก แล้วก็มาดราม่าว่าเมื่อไหร่สังคมจะเปลี่ยน (มันไม่ใช่สังคมอ่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าเป็นของสังคม มันต้องเป็นแทบทุกคน)
แค่คุณหาคนที่ตรงกันให้เจอ ไม่ต้องโจมตีเรื่องของคู่อื่น เพราะมันไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่ผิดต่อมาตรฐานทางศีลธรรมโดยรวม ไม่บาป ไม่ชั่ว ไม่เลว ไม่ใช่ปัญหาสังคม ถ้าทั้งคู่เต็มใจจะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ชายจะออกค่าใช้จ่าย 100% จะหาสินสอดมาให้แล้วมีเซ็กส์หลังแต่ง อย่าคิดว่าแฟร์หรือไม่แฟร์ เพราะเจ้าตัวเขาก็ไม่เห็นคิด ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาทั้งคู่ อย่าไปยุ่งดีกว่า
แต่ที่สำคัญ ต้องบอกกันแบบดีๆ ให้เหตุผล เช่น คุณไม่พอใจที่ฝ่ายตรงข้ามให้คุณออกคนเดียว ก็พูดตรงๆ ว่าไม่คุยต่อ เหตุผลคืออย่างนี้ๆ อย่าดันทุรังคบ อย่าโวยวายโดยหวังว่าเขาจะเปลี่ยนความคิด ป่วยการมาก
แสดงความคิดเห็น
สงสัยมากๆครับ ทำไมผู้ชายต้องออกเงินให้ผู้หญิง ทั้งๆที่ก็ทำงานหาเงินมาพร้อมๆกัน
จิงๆ ผช ได้เปรียบ ผญ หลายอย่างนะครับ แต่เรื่องเงินผมว่าเสียเปรียบ ซึ่งผมอยุ่เมืองนอกมานาน ฝรั่งเค้าไม่เห็นต้องมาเลี้ยงไรเลย มาเจอกัน แฮ้งเอ้ากัน ก็หารกันแฟร์ๆ กินไร ก็จ่ายอันนั้น แต่ที่ไทยดันมีค่านิยมคนละแบบเลยสงสัยครับ คนเราก็ทำงานมาหาเงินมาทั้งคู่ จามาบอกว่าผช เงินเดือนมากกว่าก็ไม่ใช่เพราะก็เป็นสิ่งที่ทำงานหนักมา เลยได้เงินมากต่างหาก