ด้วยพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ที่ได้เปิดหูเปิดตาชาวพุทธ ปลุกชาวพุทธให้ตื่น
จากกรณีที่ “ลัทธิธรรมกาย” ได้เผยแพร่คำสอนแบบวิปริตผิดเพี้ยน
จนท่านต้องเขียนหนังสือ “กรณีธรรมกาย” เผยแพร่ออกมาเมื่อปี 2542 และตีพิมพ์ขึ้นใหม่อีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน
ในยุคต่อมาก็มีนักวิชาการ บุคคลที่สำคัญต่อวงการศาสนา ออกมาให้ข้อคิดอีกหลายต่อหลายคน
และหลายปีมานี้ กลุ่มชาวพุทธที่เป็นก้างขวางคอของ "ลัทธิธรรมกาย" ในห้องศาสนา
ที่ร่วมต่อสู้กันมา และการต่อสู้ทางธรรมนั้น ชาวก้างขวางคอ ต่างก็หยิบยื่นหลักพุทธเถรวาทให้ปรากฎกันว่า
"ลัทธิธรรมกาย" ผิดเพี้ยนไปมากแค่ไหน ซึ่งก็ชัดเจนว่า เขาได้กลายเป็นลัทธิใหม่ ศาสดาใหม่ คำสอนใหม่ นิกายใหม่ไปตั้งนานแล้ว โดยปริยาย แม้จะไม่ได้ขอแยกนิกาย หรือตั้งศาสนาใหม่ก็ตามที
ผมจำได้ว่าช่วงนั้นชาวก้างขวางคอถูกอีกฝ่ายโต้กลับว่า ใครจะมาอ่านกระทู้นักหนา ไม่มีผลอะไร เดี๋ยวก็ตกกระทู้แนะนำ ไม่มีใครทำอะไร “วัดธรรมกาย"ได้ ใช่ครับสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริง เขาพูดเรื่องจริงครับ เพราะต้องยอมรับ “วัดธรรมกาย” ในเรื่องการวางแผน ใช้กลยุทธ อันแยบยลในการยึดองค์กรที่จะให้คุณให้โทษเขาได้ และการใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้ทางกฎหมาย ตลอดจนสาวกที่แทรกเข้าไปเกือบทุกวงการ ซึ่งสาวกแต่ละคนในปัจจุบันหลายคนก็เป็นอดีตแกนนำในวัดตั้งแต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เรื่องราวที่เกิดคดีในปัจจุบัน แม้แต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำอะไรเขาได้มากนัก เดี๋ยวพอเข้ายุครัฐบาลเลือกตั้งก็เสร็จเขาอีกรอบ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจแทนชาวก้างขวางคอในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่พวกท่านต่อสู้กันด้วยหลักธรรม ด้วยหลักพุทธของชาวเถรวาท ที่ตีแผ่ให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง”พุทธเถรวาท” กับ “ลัทธิธรรมกาย” มีคนเข้ามาอ่านครับ จนชาวพุทธจำนวนหนึ่งเอากระทู้ไปแปะบนเพจ บนเฟสบุ๊ค และแชร์กันจำนวนมากมาย และวิพากย์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
เรื่องราวของห้องศาสนานี้ ได้ถูกตีแผ่ไปอย่างกว้างขวางจากการต่อสู้ของพวกท่าน (ต่อสู้ทางธรรม)
อย่างน้อยก็ให้เยาวชนรุ่นลูกรุ่นหลานรู้ และแยกแยะออกว่า “ลัทธิธรรมกาย” ไม่ใช่ "พุทธเถรวาท” (หลายคนบอกไม่ใช่พุทธ)
ขอกราบขอบพระคุณพวกท่าน (ชาวก้างขวางคอทุกๆ ท่าน)
ด้วยใจจริงครับ
ก้างขวางคอ ของ "ลัทธิธรรมกาย"
จากกรณีที่ “ลัทธิธรรมกาย” ได้เผยแพร่คำสอนแบบวิปริตผิดเพี้ยน
จนท่านต้องเขียนหนังสือ “กรณีธรรมกาย” เผยแพร่ออกมาเมื่อปี 2542 และตีพิมพ์ขึ้นใหม่อีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน
ในยุคต่อมาก็มีนักวิชาการ บุคคลที่สำคัญต่อวงการศาสนา ออกมาให้ข้อคิดอีกหลายต่อหลายคน
และหลายปีมานี้ กลุ่มชาวพุทธที่เป็นก้างขวางคอของ "ลัทธิธรรมกาย" ในห้องศาสนา
ที่ร่วมต่อสู้กันมา และการต่อสู้ทางธรรมนั้น ชาวก้างขวางคอ ต่างก็หยิบยื่นหลักพุทธเถรวาทให้ปรากฎกันว่า
"ลัทธิธรรมกาย" ผิดเพี้ยนไปมากแค่ไหน ซึ่งก็ชัดเจนว่า เขาได้กลายเป็นลัทธิใหม่ ศาสดาใหม่ คำสอนใหม่ นิกายใหม่ไปตั้งนานแล้ว โดยปริยาย แม้จะไม่ได้ขอแยกนิกาย หรือตั้งศาสนาใหม่ก็ตามที
ผมจำได้ว่าช่วงนั้นชาวก้างขวางคอถูกอีกฝ่ายโต้กลับว่า ใครจะมาอ่านกระทู้นักหนา ไม่มีผลอะไร เดี๋ยวก็ตกกระทู้แนะนำ ไม่มีใครทำอะไร “วัดธรรมกาย"ได้ ใช่ครับสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริง เขาพูดเรื่องจริงครับ เพราะต้องยอมรับ “วัดธรรมกาย” ในเรื่องการวางแผน ใช้กลยุทธ อันแยบยลในการยึดองค์กรที่จะให้คุณให้โทษเขาได้ และการใช้ชั้นเชิงในการต่อสู้ทางกฎหมาย ตลอดจนสาวกที่แทรกเข้าไปเกือบทุกวงการ ซึ่งสาวกแต่ละคนในปัจจุบันหลายคนก็เป็นอดีตแกนนำในวัดตั้งแต่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เรื่องราวที่เกิดคดีในปัจจุบัน แม้แต่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทำอะไรเขาได้มากนัก เดี๋ยวพอเข้ายุครัฐบาลเลือกตั้งก็เสร็จเขาอีกรอบ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจแทนชาวก้างขวางคอในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่พวกท่านต่อสู้กันด้วยหลักธรรม ด้วยหลักพุทธของชาวเถรวาท ที่ตีแผ่ให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง”พุทธเถรวาท” กับ “ลัทธิธรรมกาย” มีคนเข้ามาอ่านครับ จนชาวพุทธจำนวนหนึ่งเอากระทู้ไปแปะบนเพจ บนเฟสบุ๊ค และแชร์กันจำนวนมากมาย และวิพากย์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
เรื่องราวของห้องศาสนานี้ ได้ถูกตีแผ่ไปอย่างกว้างขวางจากการต่อสู้ของพวกท่าน (ต่อสู้ทางธรรม)
อย่างน้อยก็ให้เยาวชนรุ่นลูกรุ่นหลานรู้ และแยกแยะออกว่า “ลัทธิธรรมกาย” ไม่ใช่ "พุทธเถรวาท” (หลายคนบอกไม่ใช่พุทธ)
ขอกราบขอบพระคุณพวกท่าน (ชาวก้างขวางคอทุกๆ ท่าน)
ด้วยใจจริงครับ