คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เคสแรก คงเป็นไข้หวัดธรรมดา ปกติก็ต้องใช้เวลา 2-3 วัน ไข้ถึงหาย. 7-10วัน น้ำมูกและไอจึงหาย. ยาแค่ช่วยประคับประคองอาการ แต่ไม่ได้ช่วยให้หายเร็วขึ้นครับ
หมอคงรู้จากประวัติว่า ไม่ได้อันตรายอะไร เป็นเรื่องปกติที่ยังมีอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะรู้สึกว่าคนไข้ไม่จำเป็นที่ต้องมาหาหมอ เพราะหมอก็ไม่มีอะไรจะช่วยให้ดีขึ้น จึงพูดไปแบบนั้น
โดยส่วนตัว คิดว่าหมอคนแรกที่ตรวจให้ข้อมูลคุณแม่ยังไม่เข้าใจดี ทำให้คุณแม่ยังกังวลที่อาการยังไม่ดีขึ้น. ส่วนหมอคนที่สองมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลคุณแม่เพื่อคลายความกังวลซึ่งหมอก็ได้ทำแล้ว แต่อาจจะไม่นิ่มนวลเท่าไหร่ครับ
เคสสอง ผมไม่รู้เรื่องศัลย์ตกแต่งมากนะ แต่เดาว่าเคสที่มาแก้จะทำยากกว่าเคสใหม่ เพราะรูปร่างตำแหน่งอวัยวะก็เป็นแบบผ่าตัดมาแล้ว อีกทั้งอาจจะไม่รู้ว่าหมอคนเก่าใช้เทคนิคอะไรอีก
ส่วนหมอคนที่สามที่บอกว่าไม่ใช่ตัวสำรอง ผมว่าก็พูดเกินไปนะครับ และคุณไม่ได้ผิดเลยครับ เป็นสิทธิของผู้ป่วยอยู่แล้วที่ไปขอรับความเห็นการรักษาจากหมอท่านอื่นได้
ผมคิดว่าหมอจะมีแนวโน้มมีอีโก้สูง เพราะใหญ่ที่สุดในโรงพยาบาล ไม่มีพยาบาลผู้ช่วยคนไหนกล้ามาดุว่า ก็เลยอาจจะมั่นใจตัวเองมากไป จึงอาจจะแสดงออกมาลักษณะนี้ได้ แต่ยังไงหมอก็ไม่เป็นอย่างนี้ทุกคนหรอกครับ หมอก็คน มีนิสัยหลายแบบอยู่แล้วครับ
หมอคงรู้จากประวัติว่า ไม่ได้อันตรายอะไร เป็นเรื่องปกติที่ยังมีอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะรู้สึกว่าคนไข้ไม่จำเป็นที่ต้องมาหาหมอ เพราะหมอก็ไม่มีอะไรจะช่วยให้ดีขึ้น จึงพูดไปแบบนั้น
โดยส่วนตัว คิดว่าหมอคนแรกที่ตรวจให้ข้อมูลคุณแม่ยังไม่เข้าใจดี ทำให้คุณแม่ยังกังวลที่อาการยังไม่ดีขึ้น. ส่วนหมอคนที่สองมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลคุณแม่เพื่อคลายความกังวลซึ่งหมอก็ได้ทำแล้ว แต่อาจจะไม่นิ่มนวลเท่าไหร่ครับ
เคสสอง ผมไม่รู้เรื่องศัลย์ตกแต่งมากนะ แต่เดาว่าเคสที่มาแก้จะทำยากกว่าเคสใหม่ เพราะรูปร่างตำแหน่งอวัยวะก็เป็นแบบผ่าตัดมาแล้ว อีกทั้งอาจจะไม่รู้ว่าหมอคนเก่าใช้เทคนิคอะไรอีก
ส่วนหมอคนที่สามที่บอกว่าไม่ใช่ตัวสำรอง ผมว่าก็พูดเกินไปนะครับ และคุณไม่ได้ผิดเลยครับ เป็นสิทธิของผู้ป่วยอยู่แล้วที่ไปขอรับความเห็นการรักษาจากหมอท่านอื่นได้
ผมคิดว่าหมอจะมีแนวโน้มมีอีโก้สูง เพราะใหญ่ที่สุดในโรงพยาบาล ไม่มีพยาบาลผู้ช่วยคนไหนกล้ามาดุว่า ก็เลยอาจจะมั่นใจตัวเองมากไป จึงอาจจะแสดงออกมาลักษณะนี้ได้ แต่ยังไงหมอก็ไม่เป็นอย่างนี้ทุกคนหรอกครับ หมอก็คน มีนิสัยหลายแบบอยู่แล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้ว่านี่คือเรื่องธรรมดาของหมอทั่วไปหรอครับ?
คือ ตอนเด็กๆผมเป็นไข้ไม่สบาย แม่ เลยพาไปหาหมอแถวบ้าน หมอแกก็ถามว่าอาหารเป็นไง แต่คือเหมือนแม่ผมจะไปพูดๆประมาณว่าไปหาหมอคนนี้แล้วก็
ไม่ดีขึ้นเลย แล้วก็มาหาหมอเนี่ยประมาณนี้ หมอแกก็เลยแบบทำหน้าตาแบบไม่พอใจอะ แล้วก็พูดกับแม่ผมว่า "หรอครับ งั้นก็กินยาตัวเก่าไปล่ะกันก็หมอเค้าก็
เก่งเหมือนกันทุกคนแหละเนาะ เดี่ยวก็หายเอง" คือหมอเค้าก็ไม่ตรวจเลยอะครับ แบบข้ามเป็นคิวต่อไปเลยอะ
อีกเคสนึง คือเห็นมีคลินิกหมอศัลยกรรมตกแต่ง เขียนไว้ประมาณว่า "ถ้าแก้เคสจากหมอคนอื่นต้องเสียเพิ่ม" คือถ้าเราไปหาหมอคนอื่นมา
แล้วมาให้เค้าแก้ เค้าจะคิดราคาเพิ่มประมาณนั้น แล้วผมก็เคยเจอกับตัวเองอีกสองสามครั้งอะครับ คือผมเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยบ่อย เวลาไปหา
หมอคนแรกแล้วไม่หายก็ลองๆไปหาคนอื่นบ้าง เคยไปหาหมอครั้งนึง เค้าถามผมว่าเคยไปรักษากับหมอคนไหนมาก่อนมาหาหมอไหม? ผมก็บอกชื่อ
นามสกุลเสร็จ เท่านั้นแหละ หมอก็เริ่มทำหน้าไม่พอใจใส่ แล้วก็พูดประมาณว่า" อ้าว ไมคุณไม่รักษาคลิกนิกนั้นต่อไปล่ะครับ ผมไม่ชอบรับแก้เคสของใคร
ผมก็มีศักดิ์ศรีนะครับ ไม่ใช่สำรองของใคร "บลาๆ แล้วก็พูดประชดว่าจะมาหาผมอีกหรือไม่ก็ได้นะครับเรื่องของคุณ ( ดูมันพูด = = คือใจจริงตอนนั้นอยากด่ามันให้รู้แล้วรู้รอด คือ แล้วคุณเมิงจะถามผมทำไมวะเนี่ย)
คือ แบบได้ยินเรื่องหมอแนวๆนี้มาเยอะมากอะครับ แบบเวลารู้ว่าเราไปหาหมอคนอื่นก่อน ก็จะแบบไม่พอใจ รู้สึกว่าตัวเองก็เก่งไม่แพ้ใครๆ คือผมอยากรู้อะ
ครับ ว่าผมผิดจริงๆหรอ? คนไข้เค้าผิดจริงๆหรอ ?ที่ไปหาหมอคนอื่นมาก่อนแล้วมาบอกให้รู้เนี่ย มันเป็นการทำร้ายจิตใจ หรือดูถูกหมอคนนั้นว่าเป็นตัวสำ
รองจริงๆหรอครับ? มันเป็นแค่เฉพาะหมอบางคน หรือส่วนใหญ่ก็เป็นอะครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาในวงการหมอเลยหรอครับ? หวังว่าคงไม่ใช่แบบนั้น จริงๆ
นะครับ คือไม่อยากให้คนอื่นเจอแบบนี้ มันเสียความรู้สึกจริงๆนะ คนไข้เค้าป่วยมาก็ใจไม่ค่อยดีล่ะ เสียเวลา เสียเงิน มาหาหมอ เจองี้เสียความรู้สึกอีก ช่วย
กันตอบหน่อยนะครับ อยากทราบความเห็นของหลายๆคน