หลวงปู่หล้าท่านก็ว่า นี่นะ..ปรับสถานที่ให้ตรง ให้ราบให้เรียบ
ทางเดินจงกรมของหลวงปู่นี่นะ เวลาท่านทำเสร็จแล้วนี่
ท่านจะเอาขี้โคลนน่ะผสมน้ำแล้วก็มาราด เอามือลูบ
ไม่ใช่ธรรมดานะคณะศรัทธาญาติโยมลูกหลานนะ
เอามือลูบทางจงกรมของท่าน ลูบทางจงกรมเสร็จแล้วก็ให้มันแห้ง
พอมันแห้งเสร็จแล้วท่านก็ขึ้นไปเดินจงกรม ทำพูนสูงนะ
หลวงพ่อน่ะเป็นคนขุดดิน เพราะว่าท่าน..พระขุดดินไม่ได้
มีแต่หลวงพ่อเป็นเณรก็ขุด ท่านก็ใส่บุ้งกี๋ของท่าน..พูนดินขึ้นมา
ถ้าฝนตกขึ้นมาแล้วก็เอาดินมาอีก กองดินเอาไว้
ท่านทนุถนอมทางเดินจงกรมจริงๆ นะหลวงปู่หล้านะ
ท่านรักในทางเดินจงกรมของท่าน ท่านทนุถนอม ท่านดูจริงๆ
ทางเดินจงกรมของท่านเหมือนกับถ้าจะว่าไป ก็เหมือนกับวิชาอาชีพ
หรือว่าเป็นทางมรรคทางผลของท่านจริงๆ ท่านใส่ใจจริงๆ ในทางเดินจงกรม
เมื่อเสร็จแล้ว ท่านทำเป็นร่องตรงกลางนะ ทำเป็นร่องขอบๆ ไว้สักหน่อย
แต่ไม่มาก ถ้าหากว่าเป็นหลังนูนเกินไปมันจะลื่น พอท่านทุบให้มันแน่น
พอแน่นมันจะลื่น ท่านก็ทำให้เป็นแอ่งๆ สักหน่อย ให้น่าเดินดีล่ะ
จากนั้นก็ใส่ทรายเข้าไปสักหน่อย โปรยเข้าไป
จากนั้นถ้าฝนตกท่านก็ลูบทาง ว่าฝนไม่ตกไม่เป็นไรท่านก็เดินจงกรม
เดินสูงนะประมาณสัก..ทางจงกรมของหลวงปู่สูงเกือบเมตรนะ
แต่ใหญ่ ตีนใหญ่ ท่านใส่ใจในทางเดินของท่าน
เวลาท่านจะเดินจงกรม ท่านจะยืนสุดทางจงกรมข้างใดข้างหนึ่ง
เสร็จแล้วท่านก็ประนมมือ ประนมมือขึ้นระหว่างอกของท่านนะ
ท่านบอกว่า เวลาจะเดินจงกรมต้องไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ซะก่อน
ไหว้ครูซะก่อน ท่านก็ยืนสุดทางจงกรมข้างใดข้างหนึ่งท่านก็ประนมมือ
ท่านก็ว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ, พุทโธ ธัมโม สังโฆ, พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ
จากนั้นเอามือลง หรือเราจะแผ่เมตตาอีกก็ยังได้
"ข้าพเจ้าจงเป็นสุข ผู้อื่นจงเป็นสุข
ข้าพเจ้าต้องการความสุขอย่างไร
ผู้อื่น สัตว์อื่น วิญญาณอื่นทั่วไตรโลกธาตุ
ขอให้มีความสุขอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการ
อย่างที่ข้าพเจ้าปรารถนา..ทุกๆ ดวงวิญญาณด้วยเถิด"
แผ่เมตตาซะก่อน จากนั้นก็ขาขวา "พุท" ขาซ้าย "โธ"
ขาขวาพุท ซ้ายโธ พุท-โธ, พุท-โธ, พุท-โธ
ถ้าไปถึงสุดทางจงกรม ก็เลี้ยวเอี้ยวขวา ลักษณะประทักษิณ
เลี้ยวขวาจากนั้นก็พุทโธ หรือจะเลี้ยวซ้ายก็ได้
สุดแท้แต่ความถนัดของใครเรา แต่ควรจะเลี้ยวขวาดีกว่า
เพื่อเป็นการประทักษิณ จากนั้นก็ พุท-โธ, พุท-โธ
ขาขวาพุท ขาซ้ายโธ อันนี้ก็คือ วิธีการเดินจงกรม
เดินนานไหม? บางทีท่านเดินตั้งสามสี่ห้าทุ่มนู่นน่ะ
มีกะโป๊ะ..มีต้นไม้มีท่อนไม้ขึ้นมาแล้วก็ตีไม้กระดานไว้ข้างบน
แล้วก็มีเทียนแล้วก็น้ำมันก๊าด สมัยนั้นหาเทียนยากนะ
มีแต่น้ำมันก๊าดมันไม่เปลือง ใส่เทียนเข้าในกระป๋องเข้าไป
แล้วท่านก็มีโป๊ะ ตะเกียงโป๊ะเล็กๆ เพื่อไม่ให้แมลงมันบินชนไฟ
ไฟไหม้ปีกของมัน ท่านก็มีนั่นล่ะโป๊ะเล็กๆ ครอบ จากนั้นท่านก็เดินจงกรม
บางทีสามสี่ห้าทุ่ม ท่านยังเดินจงกรมของท่านนะหลวงปู่ ท่านขยันถึงขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นท่านจึงพิถีพิถันมากทางเดินจงกรมของท่าน
เวลาท่านจะออกจากทางเดินจงกรม ท่านก็ประนมมือซะก่อน
ไหว้พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซะก่อน จากนั้นท่านก็ลง
จากทางเดินจงกรม ขึ้นมาท่านก็ไหว้พระ
.....
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาของพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก
แสดงในงานครบรอบวันละสังขารหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร
เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
วิธีการเดินจงกรมของหลวงปู่หล้า : หลวงพ่ออินทร์ถวาย
หลวงปู่หล้าท่านก็ว่า นี่นะ..ปรับสถานที่ให้ตรง ให้ราบให้เรียบ
ทางเดินจงกรมของหลวงปู่นี่นะ เวลาท่านทำเสร็จแล้วนี่
ท่านจะเอาขี้โคลนน่ะผสมน้ำแล้วก็มาราด เอามือลูบ
ไม่ใช่ธรรมดานะคณะศรัทธาญาติโยมลูกหลานนะ
เอามือลูบทางจงกรมของท่าน ลูบทางจงกรมเสร็จแล้วก็ให้มันแห้ง
พอมันแห้งเสร็จแล้วท่านก็ขึ้นไปเดินจงกรม ทำพูนสูงนะ
หลวงพ่อน่ะเป็นคนขุดดิน เพราะว่าท่าน..พระขุดดินไม่ได้
มีแต่หลวงพ่อเป็นเณรก็ขุด ท่านก็ใส่บุ้งกี๋ของท่าน..พูนดินขึ้นมา
ถ้าฝนตกขึ้นมาแล้วก็เอาดินมาอีก กองดินเอาไว้
ท่านทนุถนอมทางเดินจงกรมจริงๆ นะหลวงปู่หล้านะ
ท่านรักในทางเดินจงกรมของท่าน ท่านทนุถนอม ท่านดูจริงๆ
ทางเดินจงกรมของท่านเหมือนกับถ้าจะว่าไป ก็เหมือนกับวิชาอาชีพ
หรือว่าเป็นทางมรรคทางผลของท่านจริงๆ ท่านใส่ใจจริงๆ ในทางเดินจงกรม
เมื่อเสร็จแล้ว ท่านทำเป็นร่องตรงกลางนะ ทำเป็นร่องขอบๆ ไว้สักหน่อย
แต่ไม่มาก ถ้าหากว่าเป็นหลังนูนเกินไปมันจะลื่น พอท่านทุบให้มันแน่น
พอแน่นมันจะลื่น ท่านก็ทำให้เป็นแอ่งๆ สักหน่อย ให้น่าเดินดีล่ะ
จากนั้นก็ใส่ทรายเข้าไปสักหน่อย โปรยเข้าไป
จากนั้นถ้าฝนตกท่านก็ลูบทาง ว่าฝนไม่ตกไม่เป็นไรท่านก็เดินจงกรม
เดินสูงนะประมาณสัก..ทางจงกรมของหลวงปู่สูงเกือบเมตรนะ
แต่ใหญ่ ตีนใหญ่ ท่านใส่ใจในทางเดินของท่าน
เวลาท่านจะเดินจงกรม ท่านจะยืนสุดทางจงกรมข้างใดข้างหนึ่ง
เสร็จแล้วท่านก็ประนมมือ ประนมมือขึ้นระหว่างอกของท่านนะ
ท่านบอกว่า เวลาจะเดินจงกรมต้องไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ซะก่อน
ไหว้ครูซะก่อน ท่านก็ยืนสุดทางจงกรมข้างใดข้างหนึ่งท่านก็ประนมมือ
ท่านก็ว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ, พุทโธ ธัมโม สังโฆ, พุทโธ ธัมโม สังโฆ ๓ จบ
จากนั้นเอามือลง หรือเราจะแผ่เมตตาอีกก็ยังได้
"ข้าพเจ้าจงเป็นสุข ผู้อื่นจงเป็นสุข
ข้าพเจ้าต้องการความสุขอย่างไร
ผู้อื่น สัตว์อื่น วิญญาณอื่นทั่วไตรโลกธาตุ
ขอให้มีความสุขอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการ
อย่างที่ข้าพเจ้าปรารถนา..ทุกๆ ดวงวิญญาณด้วยเถิด"
แผ่เมตตาซะก่อน จากนั้นก็ขาขวา "พุท" ขาซ้าย "โธ"
ขาขวาพุท ซ้ายโธ พุท-โธ, พุท-โธ, พุท-โธ
ถ้าไปถึงสุดทางจงกรม ก็เลี้ยวเอี้ยวขวา ลักษณะประทักษิณ
เลี้ยวขวาจากนั้นก็พุทโธ หรือจะเลี้ยวซ้ายก็ได้
สุดแท้แต่ความถนัดของใครเรา แต่ควรจะเลี้ยวขวาดีกว่า
เพื่อเป็นการประทักษิณ จากนั้นก็ พุท-โธ, พุท-โธ
ขาขวาพุท ขาซ้ายโธ อันนี้ก็คือ วิธีการเดินจงกรม
เดินนานไหม? บางทีท่านเดินตั้งสามสี่ห้าทุ่มนู่นน่ะ
มีกะโป๊ะ..มีต้นไม้มีท่อนไม้ขึ้นมาแล้วก็ตีไม้กระดานไว้ข้างบน
แล้วก็มีเทียนแล้วก็น้ำมันก๊าด สมัยนั้นหาเทียนยากนะ
มีแต่น้ำมันก๊าดมันไม่เปลือง ใส่เทียนเข้าในกระป๋องเข้าไป
แล้วท่านก็มีโป๊ะ ตะเกียงโป๊ะเล็กๆ เพื่อไม่ให้แมลงมันบินชนไฟ
ไฟไหม้ปีกของมัน ท่านก็มีนั่นล่ะโป๊ะเล็กๆ ครอบ จากนั้นท่านก็เดินจงกรม
บางทีสามสี่ห้าทุ่ม ท่านยังเดินจงกรมของท่านนะหลวงปู่ ท่านขยันถึงขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นท่านจึงพิถีพิถันมากทางเดินจงกรมของท่าน
เวลาท่านจะออกจากทางเดินจงกรม ท่านก็ประนมมือซะก่อน
ไหว้พุทโธ ธัมโม สังโฆ ซะก่อน จากนั้นท่านก็ลง
จากทางเดินจงกรม ขึ้นมาท่านก็ไหว้พระ
.....
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาของพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก
แสดงในงานครบรอบวันละสังขารหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
ณ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร
เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘