นี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้ลักษณะนี้ หากผิดพลาดหรือทำผิดกฎประการใดของ pantip รบกวนเตือนจขกท.ด้วยนะคะ และคำพูดของบุคคลในเหตุการณ์นี้อาจจะไม่เป๊ะๆถอดมาครบทุกตัวอักษรแต่ความหมายไม่มีเพี้ยนไปจากเหตุการณ์จริงแน่ๆค่ะ
เหตุการณ์ที่จะเล่าเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จขกท.และเพื่อนไปเที่ยวภูเก็ตกัน ทริปนี้พวกเราเจอเรื่องแย่ๆมาจนวันสุดท้ายก่อนบินกลับกรุงเทพฯ แต่ที่แย่ที่สุดในความรู้สึกเรา คือ “มนุษย์ป้าไฮโซจอมเบ่ง”
พวกเราเดินทางกลับด้วยสายการบินไทยยิ้ม พนักงานเรียกขึ้นเครื่องตรงเวลา ตอนนั้นดีใจมากที่เครื่องไม่ดีเลย์ เพราะมีเพื่อนที่กลับกรุงเทพก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน เครื่องดีเลย์ชม.ครึ่ง เราก็นั่งรอบนเครื่องจนคิดว่าผู้โดยสารน่าจะมากันครบแล้ว ก่อนเครื่องออกประมาณ 10 นาที แอร์ก็เดินเช็คความเรียบร้อย จนกระทั่งเดินไปถึงแถวที่มนุษย์ป้านั่ง (เรานั่งแถวหลังถัดจากป้านั่นมาสองแถว นั่งริมทางเดินเราเลยได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น) แอร์พูดด้วยความสุภาพว่าให้เก็บกระเป๋าไว้บนที่วางสัมภาระด้านบน เนื่องจากป้านั่งตรงทางออกฉุกเฉิน ทีนี้ชีก็เริ่มล่ะค่ะว่าอะไรกัน ขามาชีมาการบินไทยก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร (แล้วป้านั่งตรงประตูทางออกฉุกเฉินป่ะล่ะ) นี่มันแค่กระเป๋าแฮนด์แบค กระเป๋าแครี่ออนนะ บลา บลา บลา (เริ่มไทยคำอังกฤษคำ) สักพักแอร์มาบอกว่าสามารถย้ายไปนั่งด้านหลังได้ค่ะ มีที่นั่งว่างอยู่สองที่ (คือป้ามากับผู้หญิงอีกคน น่าจะเป็นลูกสาวมั้งคะ) ป้าก็เริ่มโวยวายหนักขึ้นและไม่ยอมย้ายที่บอกว่าถ้าจะย้ายชั้นต้องย้ายไปที่ที่ดีกว่า ย้ายไปด้านหน้าเพราะชีไม่ชอบนั่งด้านหลัง แถมยังพูดว่านี่ชั้นจ่ายเงินมานะ จะให้ย้ายไปนั่งด้านหลังได้ไง (โอ๊ยป้า คือคนอื่นเค้าก็เสียเงินซื้อตั๋วมาเหมือนป้านั่นแหละ) ซักพักแอร์ก็เหมือนเอากฎมาให้ป้าดูว่ามันเป็นกฎนะคะ ต้องเอาสัมภาระวางด้านบน ชีก็ยังยืนกรานไม่ฟัง ยังคงโวยวายต่อว่าการบินไทยไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตลกมาก เดี๋ยวจะคอมเพลนให้หมดเลย (ป้าพร่ำเพ้อถึงการบินไทยขนาดนี้ไม่นั่งการบินไทยไปเลยล่ะ)
ตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดแล้ว เพราะมันถึงเวลาที่เครื่องควรจะออกแล้ว ซักพักกัปตันก็ประกาศว่าขออภัยในความล่าช้า ในขณะนี้ยังไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการจัดการที่นั่ง คือเราก็ไม่ไหวแล้วป่ะ เราเลยเรียกแอร์ที่อยู่ด้านหลังเครื่องมาคุยว่าเราไม่โอเคแล้วนะ ช่วยรีบเคลียร์ปัญหาด้วย สาเหตุของการดีเลย์คือแค่คนสองคนที่ไม่รู้จักเคารพกฎ ทำให้ผู้โดยสารทั้งลำต้องเดือดร้อน ถ้าดีเลย์เพราะเรื่องอื่น เช่นคนยังมาไม่ครบเราก็โอเค แต่นี่ไม่ใช่ เราสงสารแอร์นะ เรารู้ว่าเค้าลำบากใจ แต่ที่เราเรียกเค้ามาคุยคือจริงๆเราแค่อยากพูดให้คนอื่นบนเครื่องได้ยินว่าสาเหตุที่เครื่องดีเลย์มาจากมนุษย์ป้านั่น เพราะคนที่ได้ยินและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆคงมีแค่คนที่นั่ง2-3แถวหน้าหลังถัดจากแถวที่ป้านั่นนั่ง แล้วสักพักกัปตันก็ออกมาคุยกับป้านั่นเอง แต่จริงๆก็ไม่ได้คุยอะไรมาก ทีนี้ป้าก็เริ่มล่ะค่ะ บอกว่านี่ชีไม่ได้เรียกร้องที่จะนั่งที่นั่งแถวนี้เลย สายกการบินเลือกที่นั่งให้ชีเองแล้วมาทำแบบนี้กับชีได้ไง ชีไม่ได้ร้องขอจะนั่งตรงนี้สักหน่อย แล้วก็เริ่มเบ่ง แต่ตอนนี้เราฟังไม่ถนัดได้ยินเป็นช่วงๆ เกี่ยวกับเรื่องลงโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์อะไรซักอย่าง แล้วบอกต่อว่ากระเป๋าชีเนี่ยป้าดา(prada)นะ แล้วนี่ชีเพิ่งกลับจากแพรีส จะให้วางกระเป๋าไว้ด้านบนได้ไง ถ้าในกระเป๋ามีแหวนเพชรอยู่ เกิดเวลาเปิดที่เก็บสัมภาระแล้วกระเป๋าตกลงมา แหวนเพชรหล่นหายจะทำยังไง (คืออยากรู้มากว่าป้าดาของป้าไม่มีซิปเหรอ หรือถ้าไม่มีซิปจริงๆแล้วมีแหวนเพชรอย่างที่ป้าบอก ป้าก็เอามาใส่ซะสิ แค่นี้ก็หมดเรื่อง ทำไมไม่ทำ) กัปตันนิ่งค่ะ แล้วเดินจากไป ป้าก็ยังบ่นกับลูกสาวต่อ ว่านี่มันตลกมาก ทำไมจะต้องวางด้านบน ไม่ได้อยากนั่งตรงนี้แล้วเช็คอินมาให้นั่งตรงนี้ทำไม เอาชื่อมาให้หมดเลย เดี๋ยวจะคอมเพลนให้หมด (ป้าพูดว่าจะคอมเพลนหลายรอบมากกก)
อ้อ เราลืมเล่าไป มีตอนนึงป้าโทรศัพท์เหมือนโทรไปหาใครซักคนน่าจะเป็นเลขาฯหรือลูกน้อง ประมาณว่าคราวหลังจองตั๋วให้ดูดีๆนะชีไม่เอาที่นั่งตรงนี้ (คือ ป้าคะ เค้าเลือกที่นั่งได้อ่ะค่ะ จะโทษก็โทษคนจองตั๋วให้ป้านะคะ ไม่ใช่โทษสายการบิน ถ้าป้าจะเรื่องมากขนาดนี้วันหลังจอง first class การบินไทยไปเลยสิคะ มานั่งทำไมโลว์คอร์สแอร์ไลน์ เข้าใจตรงกันนะคะ)
หลังจากกัปตันกลับไปที่ห้องนักบิน เราเริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะมันเลทมา 15 นาทีแล้ว เพื่อนเราก็แสนดีบอกว่าให้คิดซะว่าเราไม่ได้ยินที่เค้าพูดแล้วกัน จะได้สบายใจ คือ ณ จุดนั้นมันเย็นไม่ไหวอ่ะค่ะ คิดว่าพวกไฮโซอวดรวยขี้เบ่งไม่เคารพกฎ จะมีแต่ในละคร นี่มาเจอในชีวิตจริงเรารับไม่ได้มากๆ แถมยังทำคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยทั้งลำ เราบอกเพื่อนว่าอีกห้านาทีถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจะเดินไปหาแอร์ด้านหน้า แล้วจะพูดให้ทุกคนรู้เลยว่าที่เลทมาสิบห้านาทีมันเป็นเพราะใคร เหมือนกัปตันจะรู้ใจเรา ห้านาทีผ่านไป กัปตันประกาศว่ากำลังจะนำเครื่องขึ้น แล้วบอกว่าขออภัยในความล่าช้า และหวังว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นในระหว่างที่นำเครื่องขึ้น (ตรงนี้เราจำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้ แต่เรามั่นใจมากกว่ากัปตันหมายถึงว่าป้านั่นที่ไม่ทำตามกฎซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ทำนองนี้)
พอเครื่องขึ้น สัญญาณเข็มขัดนิรภัยดับลง กัปตันก็ประกาศว่าขณะนี้สัญญาณเข็มขัดนิรภัยได้ดับลงแล้ว ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าสัมภาระลงมาวางด้านล่างหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าได้ เราก็แอบคิดว่ากัปตันเหน็บป้านั่นป่าวว้า แล้วเราก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาเราบอกแอร์ด้านหลังว่าถ้าป้านั่นคอมเพลนขึ้นมาจริงๆเรายินดีเป็นพยานให้ว่าป้านั่นไม่ทำตามกฎ ไม่ใช่ความผิดของแอร์ กัปตันหรือสายการบินเลย แอร์ก็บอกค่ะ มันเป็นกฎหมาย พยายามจะอธิบายแล้วแต่ผู้โดยสารท่านนั้นไม่ฟังเลย แล้วแอร์ก็ขอชื่อเราไป และขอบคุณเราที่จะช่วยเป็นพยานให้
เรามาถึงดอนเมืองอย่างสวัสดิภาพ โดยมาถึงช้ากว่ากำหนดเวลาเดิมแค่ห้านาที เราไม่รู้ว่าเพราะกัปตันขับเร่งสปีดหรือเป็นเพราะอะไร แต่เราก็ขอบคุณมากๆ ทั้งแอร์และกัปตัน แอร์ยังคงบริการด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เพิ่งจะผจญกับผู้โดยสารนิสัยแย่มาก็ตาม กัปตันขับดีมาก ไม่ว่าจะตอนเอาเครื่องขึ้นหรือลง ไม่มีกระแทกแม้แต่นิดเดียว ขับได้นิ่มมากจริงๆ ยังเสียดายตอนประกาศครั้งสุดท้ายเราฟังชื่อกัปตันไม่ทัน
อีกเรื่องที่จะลืมเล่าไม่ได้คือ มีอดีตรมว.กระทรวงศึกษาธิการโดยสารมากับเที่ยวบินนั้นด้วย ท่านนั่งแถวหลังป้านั่นเลย ก็คือแถวด้านหน้าเรา และเป็นแถวที่ตรงกับประตูทางออกฉุกเฉินเช่นกัน ตั้งแต่ขึ้นมาท่านทำตัวปกติเหมือนคนอื่นไม่อวดเบ่งว่าท่านเป็นใคร มาถึงที่นั่งท่านก็เอากระเป๋าสะพายกับเสื้อสูทของท่านวางไว้ที่เก็บสัมภาระด้านบนทันที แล้วนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
เราเอาเรื่องนี้มาแชร์ เพราะเรารู้สึกรังเกียจพฤติกรรมแบบนี้มาก คนที่ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล คิดว่าจะต้องได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คิดถึงคนอื่น อยากฝากบอกป้าคนนั้นนะคะว่าไม่ใช่ว่า “เงิน” จะซื้อได้ทุกอย่าง อย่างน้อยสำหรับป้า สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ คือ “จิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม” ค่ะ
มนุษย์ป้าไฮโซจอมเบ่งทำเครื่องบินดีเลย์กว่า 20 นาที
เหตุการณ์ที่จะเล่าเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จขกท.และเพื่อนไปเที่ยวภูเก็ตกัน ทริปนี้พวกเราเจอเรื่องแย่ๆมาจนวันสุดท้ายก่อนบินกลับกรุงเทพฯ แต่ที่แย่ที่สุดในความรู้สึกเรา คือ “มนุษย์ป้าไฮโซจอมเบ่ง”
พวกเราเดินทางกลับด้วยสายการบินไทยยิ้ม พนักงานเรียกขึ้นเครื่องตรงเวลา ตอนนั้นดีใจมากที่เครื่องไม่ดีเลย์ เพราะมีเพื่อนที่กลับกรุงเทพก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน เครื่องดีเลย์ชม.ครึ่ง เราก็นั่งรอบนเครื่องจนคิดว่าผู้โดยสารน่าจะมากันครบแล้ว ก่อนเครื่องออกประมาณ 10 นาที แอร์ก็เดินเช็คความเรียบร้อย จนกระทั่งเดินไปถึงแถวที่มนุษย์ป้านั่ง (เรานั่งแถวหลังถัดจากป้านั่นมาสองแถว นั่งริมทางเดินเราเลยได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น) แอร์พูดด้วยความสุภาพว่าให้เก็บกระเป๋าไว้บนที่วางสัมภาระด้านบน เนื่องจากป้านั่งตรงทางออกฉุกเฉิน ทีนี้ชีก็เริ่มล่ะค่ะว่าอะไรกัน ขามาชีมาการบินไทยก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร (แล้วป้านั่งตรงประตูทางออกฉุกเฉินป่ะล่ะ) นี่มันแค่กระเป๋าแฮนด์แบค กระเป๋าแครี่ออนนะ บลา บลา บลา (เริ่มไทยคำอังกฤษคำ) สักพักแอร์มาบอกว่าสามารถย้ายไปนั่งด้านหลังได้ค่ะ มีที่นั่งว่างอยู่สองที่ (คือป้ามากับผู้หญิงอีกคน น่าจะเป็นลูกสาวมั้งคะ) ป้าก็เริ่มโวยวายหนักขึ้นและไม่ยอมย้ายที่บอกว่าถ้าจะย้ายชั้นต้องย้ายไปที่ที่ดีกว่า ย้ายไปด้านหน้าเพราะชีไม่ชอบนั่งด้านหลัง แถมยังพูดว่านี่ชั้นจ่ายเงินมานะ จะให้ย้ายไปนั่งด้านหลังได้ไง (โอ๊ยป้า คือคนอื่นเค้าก็เสียเงินซื้อตั๋วมาเหมือนป้านั่นแหละ) ซักพักแอร์ก็เหมือนเอากฎมาให้ป้าดูว่ามันเป็นกฎนะคะ ต้องเอาสัมภาระวางด้านบน ชีก็ยังยืนกรานไม่ฟัง ยังคงโวยวายต่อว่าการบินไทยไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตลกมาก เดี๋ยวจะคอมเพลนให้หมดเลย (ป้าพร่ำเพ้อถึงการบินไทยขนาดนี้ไม่นั่งการบินไทยไปเลยล่ะ)
ตอนนั้นเราเริ่มหงุดหงิดแล้ว เพราะมันถึงเวลาที่เครื่องควรจะออกแล้ว ซักพักกัปตันก็ประกาศว่าขออภัยในความล่าช้า ในขณะนี้ยังไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการจัดการที่นั่ง คือเราก็ไม่ไหวแล้วป่ะ เราเลยเรียกแอร์ที่อยู่ด้านหลังเครื่องมาคุยว่าเราไม่โอเคแล้วนะ ช่วยรีบเคลียร์ปัญหาด้วย สาเหตุของการดีเลย์คือแค่คนสองคนที่ไม่รู้จักเคารพกฎ ทำให้ผู้โดยสารทั้งลำต้องเดือดร้อน ถ้าดีเลย์เพราะเรื่องอื่น เช่นคนยังมาไม่ครบเราก็โอเค แต่นี่ไม่ใช่ เราสงสารแอร์นะ เรารู้ว่าเค้าลำบากใจ แต่ที่เราเรียกเค้ามาคุยคือจริงๆเราแค่อยากพูดให้คนอื่นบนเครื่องได้ยินว่าสาเหตุที่เครื่องดีเลย์มาจากมนุษย์ป้านั่น เพราะคนที่ได้ยินและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆคงมีแค่คนที่นั่ง2-3แถวหน้าหลังถัดจากแถวที่ป้านั่นนั่ง แล้วสักพักกัปตันก็ออกมาคุยกับป้านั่นเอง แต่จริงๆก็ไม่ได้คุยอะไรมาก ทีนี้ป้าก็เริ่มล่ะค่ะ บอกว่านี่ชีไม่ได้เรียกร้องที่จะนั่งที่นั่งแถวนี้เลย สายกการบินเลือกที่นั่งให้ชีเองแล้วมาทำแบบนี้กับชีได้ไง ชีไม่ได้ร้องขอจะนั่งตรงนี้สักหน่อย แล้วก็เริ่มเบ่ง แต่ตอนนี้เราฟังไม่ถนัดได้ยินเป็นช่วงๆ เกี่ยวกับเรื่องลงโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์อะไรซักอย่าง แล้วบอกต่อว่ากระเป๋าชีเนี่ยป้าดา(prada)นะ แล้วนี่ชีเพิ่งกลับจากแพรีส จะให้วางกระเป๋าไว้ด้านบนได้ไง ถ้าในกระเป๋ามีแหวนเพชรอยู่ เกิดเวลาเปิดที่เก็บสัมภาระแล้วกระเป๋าตกลงมา แหวนเพชรหล่นหายจะทำยังไง (คืออยากรู้มากว่าป้าดาของป้าไม่มีซิปเหรอ หรือถ้าไม่มีซิปจริงๆแล้วมีแหวนเพชรอย่างที่ป้าบอก ป้าก็เอามาใส่ซะสิ แค่นี้ก็หมดเรื่อง ทำไมไม่ทำ) กัปตันนิ่งค่ะ แล้วเดินจากไป ป้าก็ยังบ่นกับลูกสาวต่อ ว่านี่มันตลกมาก ทำไมจะต้องวางด้านบน ไม่ได้อยากนั่งตรงนี้แล้วเช็คอินมาให้นั่งตรงนี้ทำไม เอาชื่อมาให้หมดเลย เดี๋ยวจะคอมเพลนให้หมด (ป้าพูดว่าจะคอมเพลนหลายรอบมากกก)
อ้อ เราลืมเล่าไป มีตอนนึงป้าโทรศัพท์เหมือนโทรไปหาใครซักคนน่าจะเป็นเลขาฯหรือลูกน้อง ประมาณว่าคราวหลังจองตั๋วให้ดูดีๆนะชีไม่เอาที่นั่งตรงนี้ (คือ ป้าคะ เค้าเลือกที่นั่งได้อ่ะค่ะ จะโทษก็โทษคนจองตั๋วให้ป้านะคะ ไม่ใช่โทษสายการบิน ถ้าป้าจะเรื่องมากขนาดนี้วันหลังจอง first class การบินไทยไปเลยสิคะ มานั่งทำไมโลว์คอร์สแอร์ไลน์ เข้าใจตรงกันนะคะ)
หลังจากกัปตันกลับไปที่ห้องนักบิน เราเริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะมันเลทมา 15 นาทีแล้ว เพื่อนเราก็แสนดีบอกว่าให้คิดซะว่าเราไม่ได้ยินที่เค้าพูดแล้วกัน จะได้สบายใจ คือ ณ จุดนั้นมันเย็นไม่ไหวอ่ะค่ะ คิดว่าพวกไฮโซอวดรวยขี้เบ่งไม่เคารพกฎ จะมีแต่ในละคร นี่มาเจอในชีวิตจริงเรารับไม่ได้มากๆ แถมยังทำคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยทั้งลำ เราบอกเพื่อนว่าอีกห้านาทีถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจะเดินไปหาแอร์ด้านหน้า แล้วจะพูดให้ทุกคนรู้เลยว่าที่เลทมาสิบห้านาทีมันเป็นเพราะใคร เหมือนกัปตันจะรู้ใจเรา ห้านาทีผ่านไป กัปตันประกาศว่ากำลังจะนำเครื่องขึ้น แล้วบอกว่าขออภัยในความล่าช้า และหวังว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นในระหว่างที่นำเครื่องขึ้น (ตรงนี้เราจำคำพูดเป๊ะๆไม่ได้ แต่เรามั่นใจมากกว่ากัปตันหมายถึงว่าป้านั่นที่ไม่ทำตามกฎซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ก็หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ทำนองนี้)
พอเครื่องขึ้น สัญญาณเข็มขัดนิรภัยดับลง กัปตันก็ประกาศว่าขณะนี้สัญญาณเข็มขัดนิรภัยได้ดับลงแล้ว ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าสัมภาระลงมาวางด้านล่างหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าได้ เราก็แอบคิดว่ากัปตันเหน็บป้านั่นป่าวว้า แล้วเราก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาเราบอกแอร์ด้านหลังว่าถ้าป้านั่นคอมเพลนขึ้นมาจริงๆเรายินดีเป็นพยานให้ว่าป้านั่นไม่ทำตามกฎ ไม่ใช่ความผิดของแอร์ กัปตันหรือสายการบินเลย แอร์ก็บอกค่ะ มันเป็นกฎหมาย พยายามจะอธิบายแล้วแต่ผู้โดยสารท่านนั้นไม่ฟังเลย แล้วแอร์ก็ขอชื่อเราไป และขอบคุณเราที่จะช่วยเป็นพยานให้
เรามาถึงดอนเมืองอย่างสวัสดิภาพ โดยมาถึงช้ากว่ากำหนดเวลาเดิมแค่ห้านาที เราไม่รู้ว่าเพราะกัปตันขับเร่งสปีดหรือเป็นเพราะอะไร แต่เราก็ขอบคุณมากๆ ทั้งแอร์และกัปตัน แอร์ยังคงบริการด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เพิ่งจะผจญกับผู้โดยสารนิสัยแย่มาก็ตาม กัปตันขับดีมาก ไม่ว่าจะตอนเอาเครื่องขึ้นหรือลง ไม่มีกระแทกแม้แต่นิดเดียว ขับได้นิ่มมากจริงๆ ยังเสียดายตอนประกาศครั้งสุดท้ายเราฟังชื่อกัปตันไม่ทัน
อีกเรื่องที่จะลืมเล่าไม่ได้คือ มีอดีตรมว.กระทรวงศึกษาธิการโดยสารมากับเที่ยวบินนั้นด้วย ท่านนั่งแถวหลังป้านั่นเลย ก็คือแถวด้านหน้าเรา และเป็นแถวที่ตรงกับประตูทางออกฉุกเฉินเช่นกัน ตั้งแต่ขึ้นมาท่านทำตัวปกติเหมือนคนอื่นไม่อวดเบ่งว่าท่านเป็นใคร มาถึงที่นั่งท่านก็เอากระเป๋าสะพายกับเสื้อสูทของท่านวางไว้ที่เก็บสัมภาระด้านบนทันที แล้วนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
เราเอาเรื่องนี้มาแชร์ เพราะเรารู้สึกรังเกียจพฤติกรรมแบบนี้มาก คนที่ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล คิดว่าจะต้องได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ โดยไม่คิดถึงคนอื่น อยากฝากบอกป้าคนนั้นนะคะว่าไม่ใช่ว่า “เงิน” จะซื้อได้ทุกอย่าง อย่างน้อยสำหรับป้า สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ คือ “จิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม” ค่ะ