ตามกรอบเวลา ในวันที่ 19 มี.ค. นี้ องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน น่าจะมีความเห็นออกมาว่าจะประทับรับฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกอัยการสูงสุดยื่นฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในโครงการรับจำนำข้าว เป็นจำเลยต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา
โครงการรับจำนำข้าว เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 27/28 หรือ 30 ปีก่อน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบดำเนินการมาแล้วหลายรัฐบาล โดยมีโครงการประกันราคาข้าวเข้ามาสลับฉากบ้าง แต่ในทางเศรษฐศาสตร์ ทางบัญชีรายรับ-รายจ่าย ถือว่ารัฐบาลขาดทุนทั้งสิ้น แต่ประเทศได้ประโยชน์ในด้านการยกระดับทางเศรษฐกิจของชาวชนบทให้ดีขึ้น
เสียดายนายบุญชู โรจนเสถียร อดีต รมว.คลัง ผู้ล่วงลับ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” แก้ปัญหาเศรษฐกิจมามากมาย ตั้งแต่รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย
ถ้ายังจำกันได้ นายบุญชูเคยคลุกคลีกับนโยบาย ’เงินผัน“ ด้วยการกระจายงบประมาณรายจ่าย เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และสร้างงานในต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ถ้าคนยุคนั้นถามนายบุญชูว่านโยบาย ’เงินผัน“ และการประกันราคาพืชผลการเกษตร ในทางตัวเลขรัฐบาลได้กำไรหรือขาดทุน เชื่อว่าจะได้คำตอบอย่างแสบ ๆ คัน ๆ ออกมาจากปากของซาร์เศรษฐกิจอย่างแน่นอน
กลับมาดูโครงการรับจำนำของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ดำเนินการมา 2 ปีครึ่ง ช่วยให้ชาวนาทั่วประเทศลืมตาอ้าปาก ช่วยฉุดกำลังซื้อและการบริโภค การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ให้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวนาขายข้าวได้ตันละ 11,000-15,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความชื้น) แต่ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 7,000 บาท เท่านั้น
ข้อมูลเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 58 นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยปิดบัญชีจำนำข้าว ในรอบการปิดบัญชีถึงวันที่ 30 ก.ย. 57 มียอดขาดทุนประมาณ 7 แสนล้านบาท โดยผลขาดทุนจำนำข้าวแยกเป็น 11 โครงการ ก่อนรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวน 1.63 แสนล้านบาท และอีก 4 โครงการ สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ขาดทุนรวม 5.36 แสนล้านบาท
เมื่อเห็นตัวเลข จึงพอสรุปว่า การขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีตัวเลข 5.36 แสนล้านบาท เท่านั้น ส่วนอีก 1.63 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขขาดทุนมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กระทรวงการคลังนำมารวมกัน จึงกลายเป็นตัวเลขประมาณ 7 แสนล้านบาท
ถ้าเป็นเช่นนั้น กระทรวงการคลังน่าจะนำตัวเลขรับจำนำข้าวสมัย พล.อ.เปรม รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้ดูมากขึ้น และอย่าลืมนำตัวเลขงบประมาณที่ใช้ไปกับนโยบาย “เงินผัน” สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ รวมทั้งเม็ดเงินในการประกันราคาพืชผลการเกษตร หรือรับจำนำพืชผล ตั้งแต่รัฐบาลคึกฤทธิ์-เปรม-ชาติชาย-บรรหาร-ชวน-ชวลิต-สุจินดา-อานันท์-ทักษิณ-อภิสิทธิ์-ประยุทธ์ มาตีแผ่ให้หมด ว่าแต่ละรัฐบาลใช้เงินกันไปเท่าไหร่ เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้เงินกลับคืนคลัง
รู้กันอยู่ว่าทุกรัฐบาล ทุกโครงการที่อุ้มชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนยาง ล้วนขาดทุนทั้งสิ้น ถ้าจะเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องฟันอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน เพราะเข้ามาไม่ถึงปี แต่ใช้เงินอุ้มชาวนา ชาวสวนยาง ไปเท่าไหร่แล้ว รัฐได้กำไรมั้ย ทุ่มเงินลงไปแล้วชาวบ้านมีเงินจับจ่ายใช้สอยหรือเปล่า หรือว่ามีแต่ส่ายหัว.
สมิหลา
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/308116/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99
+++ ต้องฟันนายกฯทุกคน +++
โครงการรับจำนำข้าว เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 27/28 หรือ 30 ปีก่อน มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบดำเนินการมาแล้วหลายรัฐบาล โดยมีโครงการประกันราคาข้าวเข้ามาสลับฉากบ้าง แต่ในทางเศรษฐศาสตร์ ทางบัญชีรายรับ-รายจ่าย ถือว่ารัฐบาลขาดทุนทั้งสิ้น แต่ประเทศได้ประโยชน์ในด้านการยกระดับทางเศรษฐกิจของชาวชนบทให้ดีขึ้น
เสียดายนายบุญชู โรจนเสถียร อดีต รมว.คลัง ผู้ล่วงลับ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” แก้ปัญหาเศรษฐกิจมามากมาย ตั้งแต่รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนถึงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย
ถ้ายังจำกันได้ นายบุญชูเคยคลุกคลีกับนโยบาย ’เงินผัน“ ด้วยการกระจายงบประมาณรายจ่าย เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และสร้างงานในต่างจังหวัด ควบคู่ไปกับการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ถ้าคนยุคนั้นถามนายบุญชูว่านโยบาย ’เงินผัน“ และการประกันราคาพืชผลการเกษตร ในทางตัวเลขรัฐบาลได้กำไรหรือขาดทุน เชื่อว่าจะได้คำตอบอย่างแสบ ๆ คัน ๆ ออกมาจากปากของซาร์เศรษฐกิจอย่างแน่นอน
กลับมาดูโครงการรับจำนำของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ดำเนินการมา 2 ปีครึ่ง ช่วยให้ชาวนาทั่วประเทศลืมตาอ้าปาก ช่วยฉุดกำลังซื้อและการบริโภค การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ให้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวนาขายข้าวได้ตันละ 11,000-15,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความชื้น) แต่ปัจจุบันราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ตันละ 7,000 บาท เท่านั้น
ข้อมูลเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 58 นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยปิดบัญชีจำนำข้าว ในรอบการปิดบัญชีถึงวันที่ 30 ก.ย. 57 มียอดขาดทุนประมาณ 7 แสนล้านบาท โดยผลขาดทุนจำนำข้าวแยกเป็น 11 โครงการ ก่อนรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์จำนวน 1.63 แสนล้านบาท และอีก 4 โครงการ สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ขาดทุนรวม 5.36 แสนล้านบาท
เมื่อเห็นตัวเลข จึงพอสรุปว่า การขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีตัวเลข 5.36 แสนล้านบาท เท่านั้น ส่วนอีก 1.63 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขขาดทุนมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่กระทรวงการคลังนำมารวมกัน จึงกลายเป็นตัวเลขประมาณ 7 แสนล้านบาท
ถ้าเป็นเช่นนั้น กระทรวงการคลังน่าจะนำตัวเลขรับจำนำข้าวสมัย พล.อ.เปรม รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้ดูมากขึ้น และอย่าลืมนำตัวเลขงบประมาณที่ใช้ไปกับนโยบาย “เงินผัน” สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ รวมทั้งเม็ดเงินในการประกันราคาพืชผลการเกษตร หรือรับจำนำพืชผล ตั้งแต่รัฐบาลคึกฤทธิ์-เปรม-ชาติชาย-บรรหาร-ชวน-ชวลิต-สุจินดา-อานันท์-ทักษิณ-อภิสิทธิ์-ประยุทธ์ มาตีแผ่ให้หมด ว่าแต่ละรัฐบาลใช้เงินกันไปเท่าไหร่ เพื่อเรียกร้องให้ชดใช้เงินกลับคืนคลัง
รู้กันอยู่ว่าทุกรัฐบาล ทุกโครงการที่อุ้มชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนยาง ล้วนขาดทุนทั้งสิ้น ถ้าจะเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องฟันอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน เพราะเข้ามาไม่ถึงปี แต่ใช้เงินอุ้มชาวนา ชาวสวนยาง ไปเท่าไหร่แล้ว รัฐได้กำไรมั้ย ทุ่มเงินลงไปแล้วชาวบ้านมีเงินจับจ่ายใช้สอยหรือเปล่า หรือว่ามีแต่ส่ายหัว.
สมิหลา
http://www.dailynews.co.th/Content/Article/308116/%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AF%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%99